แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

ข้อคิดข้อรำพึง

อาทิตย์ที่ 19 เทศกาลธรรมดา ปี B

อาหารสำหรับผู้ที่หิวโหย (Meal for the Hungry)

19th Sunday 1

มีเรื่องเล่าหลายเรื่องที่มาจากประเทศจีนถึงความเพียรพยายามขั้นวีรกรรมของบรรดาพระสังฆราชและบรรดาพระสงฆ์ที่จะรักษาความเชื่อของคริสตชนให้ยังคงมีชีวิตชีวา  และหล่อเลี้ยงให้พระศาสนจักรใต้ดินยังคงยืนหยัดอยู่ได้ต่อไป  มีเรื่องหนึ่งเล่าว่า พระสงฆ์องค์หนึ่งที่ต้องทำงานรับจ้างเป็นกรรมกร  เขาใช้วิธีเตรียมการล่วงหน้าด้วยการใช้ภาษาสัญลักษณ์ส่งข่าวไปถึงคริสตชนที่อยู่รอบๆว่าจะพบเขาได้ที่ไหน  ปกติแล้วจะพบกันที่มุมหนึ่งของตลาดสด  แสร้งว่ากำลังขายสบู่  บรรดาลูกค้าที่ได้รับสัญลักษณ์ที่เป็นความลับ - ดังเช่นคริสตชนสมัยแรกๆได้ทำกัน  - จะได้รับสบู่นั้น  ซึ่งในช่องของกระดาษห่อสบู่  จะซ่อนศีลมหาสนิทไว้ที่นั่น  คริสตชนชาวจีนเมื่อซื้อสบู่นี้นำกลับไปที่บ้าน  และเมื่อสวดบทภาวนาสั้นๆในครอบครัวแล้ว  พวกเขาก็จะรับศีลมหาสนิท

 

ทุโภชนาการ(หรือโภชนาการที่ไม่ดี)มักเป็นตัวทำลายชีวิตมนุษย์เรื่อยมา ซึ่งตัวเลขทางสถิติต่างๆก็พิสูจน์ให้เห็นได้เด่นชัด  แต่ยังมีอีกรูปแบบหนึ่งของทุโภชนาการที่ทำลายล้างมากกว่าอีก  นั่นคือทุโภชนาการทางด้านฝ่ายจิตวิญญาณ  ซึ่งมีในหลายรูปแบบด้วยกัน  เช่นการไม่ให้มีเสรีภาพในการนับถือศาสนา และข้อจำกัดอื่นๆในปัจจุบันที่ส่งผลในระดับเดียวกัน  รับรองได้ว่า ไม่มีรัฐสวัสดิภาพแบบไหน  ไม่มีรัฐสังคมนิยมชนิดใด  ที่จะสามารถให้ความพึงพอใจ  หรือสามารถจะดับกระหายความหิวโหยทางด้านจิตวิญญาณนี้ได้  แม้จะอ้างว่ามีความตั้งใจดี และมีความเข้าอกเข้าใจก็ตาม

 

พระเยซูเจ้าทรงเน้นว่า  พระเจ้าทรงจัดเตรียมปังจากสวรรค์ให้กับชาวเรา  "เป็นพระบิดาของเราที่ประทานขนมปังแท้จากสวรรค์ให้กับท่าน  เพราะขนมปังของพระเจ้าคือขนมปังที่ลงมาจากสวรรค์  และประทานชีวิตให้แก่โลก" (ยน 6:32-33) ถึงตรงนี้  เราต้องหยุดพิจารณาสักครู่หนึ่ง  เพราะเรามาถึงจุดหมายปลายทางที่พระเยซูเจ้าได้ทรงตระเตรียมไว้ก่อนหน้านี้อย่างยาวนาน  พระองค์ได้เตรียมจิตใจพวกชาวยิวอย่างอดทนและอย่างเป็นระบบ  กล่าวคือได้ทรงทวีขนมปังและเลี้ยงพวกเขาที่หิวโหยให้อิ่มหนำ (ในพระวรสารเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว)  พระองค์ทรงบอกพวกเขาว่าอย่าขวนขวายหาอาหารที่กินแล้วเสื่อมสลายไป  พระองค์ทรงเผยความจริงให้พวกเขารู้ว่า  เป็นพระบิดาของพวกเขาผู้สถิตบนสวรรค์ที่ประทานมานนาให้บรรพบุรุษของพวกเขาได้กิน  ไม่ใช่เป็นโมเสส และยังทรงสอนด้วยว่า ทั้งมานนา และขนมปังที่ทรงทวีจำนวนเพื่อเลี้ยงพวกเขานั้น  เป็นแต่เพียงเงาลางๆของสิ่งยิ่งใหญ่กว่าที่จะมาถึง (ในพระวรสารเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว) พระองค์ทรงบอกพวกเขาว่า  ปังที่แท้จริงที่จะดับความหิวกระหายของมนุษย์ได้อย่างแน่นอน  และปังนั้นที่จะทำให้พวกเขามีชีวิตอยู่ตลอดไป  ก็คือพระองค์เองที่ทรงถูกส่งมาจากสวรรค์โดยพระบิดานั่นเอง  พวกยิวจึงขออาหารนี้ทันที  พวกเขายังคงมองหาแค่ขนมปัง  แค่มานนา  ซึ่งเป็นแต่วัตถุสิ่งของที่ดับความหิวทางฝ่ายกายเท่านั้น  แต่พระเยซูเจ้าทรงพูดถึงอาหารฝ่ายจิตที่จะดับความหิวทางจิตใจให้หมดสิ้นไป  ทั้งสองฝ่ายต่างมุ่งหมายตรงข้ามกัน  เพื่อความกระจ่างชัดในเรื่องนี้  พระเยซูเจ้าจึงทรงเผยแสดงขั้นสุดท้าย  คือการประกาศอย่างสง่า......

19th Sunday 2

คำประกาศอย่างสง่าบรรจุด้วยคำสัญญาต่างๆ ทั้งหมดในอดีตกาล  เรื่องที่พระบิดาเจ้าได้ทรงจัดเตรียมให้ลูกๆของพระองค์  เป็นความเอาใจใส่ที่หลั่งไหลไม่สิ้นสุด  และการปกปักรักษาของนายชุมพาบาลผู้ใจดี  ที่ได้จัดเตรียมไว้ให้ฝูงแกะของตน  ซึ่งหยั่งรากลึกลงในดวงพระทัยของพระเจ้า  ผู้ทรงเป็นพระบิดา  และทรงเป็นนายชุมพา  ซึ่งทั้งหมดนี้เห็นได้ชัดเจนในประวัติศาสตร์ของชนชาติอิสราเอล  แต่ความหิวโหยยังคงดำเนินต่อไป  ตรงไปสู่อนาคตด้วย  จึงต้องเป็น "ปังแห่งชีวิตนิรันดร"  ที่จะดับความหิวโหยนี้  ดังนั้นคำประกาศอย่างสง่าที่เผยให้เห็นถึงความสำคัญอย่างยิ่งยวดที่ว่า  "เราเป็นปังแห่งชีวิต"  ก็เป็นคำที่เติมเต็ม  กระจ่างชัด  และเป็นแก่นแท้  การเติมเต็มนั้นทำให้ความพร่องในอดีตจบสิ้นไป  ความกระจ่างชัดก็ทำให้ความคลุมเครือทั้งหมดในอดีตมลายไป  และในความเป็นแก่นแท้นี้ทำให้สิ่งที่เห็นเป็นแต่เงาๆในอดีตทั้งหมดค่อยๆจางหายไป

 

คำว่า "ฉันเป็น"  ก็หมายถึงพระวจนาตถ์ของพระเจ้า  "เมื่อแรกเริ่มนั้น  พระวจนาตถ์ทรงดำรงอยู่แล้ว  พระวจนาตถ์ประทับอยู่กับพระเจ้า  และพระวจนาตถ์ก็เป็นพระเจ้า....  และพระวจนาตถ์ทรงรับธรรมชาติมนุษย์  และเสด็จมาประทับอยู่ท่ามกลางเรา...  เปี่ยมด้วยพระหรรษทานและความจริง" (ยน 1:1, 14)

 

พระวจนาตถ์ของพระเจ้าเสด็จมาและประทับท่ามกลางเราที่เบธเลเฮม(ซึ่งหมายความว่า "บ้านแห่งขนมปัง")  "มนุษย์มิได้ดำรงชีวิตด้วยอาหาร(=ขนมปัง)เท่านั้น  แต่ดำรงชีวิตด้วยพระวาจาทุกคำที่ออกจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า" (มธ 4:4) และพระเยซูเจ้ายังตรัสไว้ในพระวรสารของวันนี้ว่า  "เราเป็นปังทรงชีวิตที่ลงมาจากสวรรค์  ใครที่กินปังนี้จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป  และปังที่เราจะให้นี้  คือเนื้อของเราเพื่อให้โลกมีชีวิต" (ยน 6:51)

 

ข้อความจริงนี้จึงเชื้อเชิญเราให้ปักตาดูธรรมชาติของการเฉลิมฉลองศีลมหาสนิทของประชาคม  ซึ่งถือว่าเป็นอาหารที่ได้จัดเตรียมไว้เพื่อดับกระหายทางฝ่ายจิตใจ  และยังดับกระหายด้านความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน  ดังนั้นขีดความสามารถของความเป็นศีลมหาสนิทของส่วนรวม  ที่จะให้การหล่อเลี้ยง และที่จะดับความหิวโหย(ไม่ว่าจะเป็นทางใดก็ตาม)  จะขึ้นโดยตรงกับคุณภาพที่ดีและความเป็นปึกแผ่นเดียวกันของภราดรภาพที่แท้จริงของกลุ่มประชาคมนั้นๆ  พวกเขาจะถูกหล่อเลี้ยงด้วยพระวาจาของพระเจ้า  และด้วยศีลมหาสนิท นั่นเอง

 

ดังนั้น  กลุ่มประชาคมที่มีศีลมหาสนิทเป็นศูนย์กลางยังสามารถดับความกระหายของมนุษย์ในเรื่องที่เกี่ยวกับความจริง ความยุติธรรม และสันติสุขอีกด้วย  พระเยซูเจ้าทรงเป็นหนทาง ความจริง และชีวิต  พระองค์ทรงเป็นความชอบธรรม และสันติสุขของเรา  การมาร่วมส่วนในบูชามิสซาจะทำให้มนุษย์ได้รับการเติมเต็มในความต้องการด้านความรัก  โดยจะถูกรวมไว้ด้วยความรัก และในความรักของพระคริสต์ เพื่อเป็นการระลึกถึงพระคริสต์ผู้ทรงรักเรา  และทรงขอให้เรารักกันเหมือนอย่างที่พระองค์ทรงรักเรา  การมีส่วนร่วมในบูชาแห่งศีลมหาสนิทจะถักทอร้อยเรียงเราให้เป็นประชาคมหนึ่งเดียวกัน  เป็นหนึ่งเดียวกันในความรัก  ซึ่งก็คือมื้ออาหารที่ดับความหิวโหยนั่นเอง

 

(คุณพ่อวิชา  หิรัญญการ  เขียนเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2018

Based on : New Horizon Homilies, by Philip John, SSP ; Premdas, SSP)

19th Sunday 319th Sunday 419th Sunday 519th Sunday 619th Sunday 719th Sunday 8