แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

วันอาทิตย์ที่ 6 เทศกาลปัสกา

พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญยอห์น (ยน 14:15-21)                                                                          

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ถ้าท่านทั้งหลายรักเรา ท่านจะปฏิบัติตามบทบัญญัติของเรา และเราจะวอนขอพระบิดา แล้วพระองค์จะประทานผู้ช่วยเหลืออีกองค์หนึ่งให้ท่าน เพื่อจะอยู่กับท่านตลอดไป คือพระจิตแห่งความจริง ซึ่งโลกรับไว้ไม่ได้เพราะมองพระองค์ไม่เห็น และไม่รู้จักพระองค์ แต่ท่านทั้งหลายรู้จักพระองค์ เพราะพระองค์ทรงดำรงอยู่กับท่าน และอยู่ในท่าน เราจะไม่ทิ้งท่านทั้งหลายให้เป็นกำพร้า เราจะกลับมาหาท่าน ในไม่ช้า โลกจะไม่เห็นเรา แต่ท่านทั้งหลายจะเห็นเรา เพราะเรามีชีวิตและท่านก็จะมีชีวิตด้วย ในวันนั้นท่านจะรู้ว่า เราอยู่ในพระบิดาของเรา ท่านอยู่ในเรา และเราอยู่ในท่าน ผู้ที่มีบทบัญญัติของเราและปฏิบัติตาม ผู้นั้นรักเรา และผู้ที่รักเรา พระบิดาของเราก็จะทรงรักเขา และเราเองก็จะรักเขา และจะแสดงตนแก่เขา” 


ยน 14:15-31  สอนท่านทุกสิ่ง : พระคริสตเจ้าทรงสัญญาว่าพระบิดาจะทรงส่งพระจิตเจ้ามาเหนือบรรดาอัครสาวกเพื่อช่วยพวกเขาให้จดจำทุกสิ่งที่พระคริสตเจ้าทรงกระทำและทรงสอนได้ บรรดาผู้รักพระคริสตเจ้าจะได้รับความรักจากพระบิดาด้วยเช่นกันและจะกลายเป็นพระวิหารของพระจิตเจ้า บรรดาอัครสาวกสามารถเข้าใจสิ่งเหล่านี้ได้เพียงเล็กน้อย แต่พระจิตเจ้าจะประทานปรีชาญาณและความกล้าหาญให้แก่พวกเขาหลังจากที่พระทรมาน การสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนมชีพของพระคริสตเจ้าได้สำเร็จไปแล้ว   

พันธกิจต่อเนื่องกันของพระบุตรและพระจิตเจ้า    

CCC ข้อ 690 พระเยซูทรงเป็นพระคริสตเจ้า “พระผู้ทรงรับเจิม” เพราะพระจิตเจ้าทรงเจิมพระองค์ และไม่ว่าอะไรที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ทรงรับสภาพมนุษย์ ก็ล้วนหลั่งไหลมาจากความบริบูรณ์นี้ ในที่สุด เมื่อพระคริสตเจ้าทรงได้รับพระสิริรุ่งโรจน์แล้ว พระองค์ก็จะประทับอยู่กับพระบิดาและสามารถส่งพระจิตเจ้ามายังผู้ที่เชื่อในพระองค์ได้ด้วย พระจิตเจ้าจะทรงแบ่งปันพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์แก่เขา ซึ่งหมายถึงพระจิตเจ้าผู้ประทานพระสิริรุ่งโรจน์แก่พระคริสตเจ้า ตั้งแต่นี้ไป พันธกิจร่วมกัน (ของพระคริสตเจ้าและของพระจิตเจ้า) ก็จะครอบคลุมทุกคนที่พระบิดาทรงรับเป็นบุตรบุญธรรมร่วมอยู่ในพระกาย (ทิพย์) ของพระบุตร การส่งพระจิตการรับเป็นบุตรบุญธรรมจะเป็นการรวมมนุษย์กับพระคริสตเจ้าและทำให้เขามีชีวิตในพระองค์

“การเจิมหมายความว่า... เราต้องคิดว่าไม่มีช่องว่างระหว่างพระบุตรกับพระจิตเจ้า เช่นเดียวกับไม่มีช่องว่างที่เรารู้สึกหรือคิดได้คั่นกลางอยู่ระหว่างผิวหนังกับน้ำมันที่เจิม ดังนั้นผู้ที่อยากจะสัมผัสกับพระคริสตเจ้าด้วยความเชื่อ จึงต้องเข้าไปสัมผัสกับน้ำมันที่เจิมเสียก่อน เพราะไม่มีส่วนใดของร่างกายที่ไม่สัมผัสกับพระจิตเจ้า ดังนั้น การจะประกาศว่าพระบุตรทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงเกิดขึ้นได้จากผู้ที่รับพระจิตเจ้า พระองค์เสด็จจากทุกทิศมายังทุกคนที่เข้ามาหาพระองค์”  

พระวิหารแท้จริงของพระเจ้า

CCC ข้อ 1197 พระคริสตเจ้าทรงเป็นพระวิหารแท้จริงของพระเจ้า “เป็นที่ประทับแห่งพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์” อาศัยพระหรรษทานของพระเจ้า บรรดาคริสตชนก็กลายเป็นพระวิหารของพระจิตเจ้าเป็นศิลาที่มีชีวิตสร้างขึ้นเป็นพระศาสนจักร  

การให้ความเคารพนับถือต่อผู้ตาย

CCC ข้อ 2300 เราต้องจัดการกับศพของผู้ตายด้วยความเคารพและความรักโดยมีความเชื่อและความหวังในการกลับคืนชีพ การฝังศพผู้ตายเป็นงานแสดงความเมตตากรุณาด้านร่างกาย การกระทำเช่นนี้เป็นการให้เกียรติแก่บรรดาบุตรของพระเจ้าและวิหารของพระจิตเจ้า  

“เชิญเสด็จมา ข้าแต่พระจิตเจ้า”

CCC ข้อ 2671 รูปแบบการวอนขอพระจิตเจ้าตามธรรมประเพณีคือการวอนขอพระบิดาให้ประทานพระจิตเจ้าพระผู้บรรเทาให้เราผ่านทางพระคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระเยซูเจ้าทรงย้ำถึงการวอนขอนี้ในพระนามของพระองค์โดยเฉพาะเมื่อทรงสัญญาจะประทานพระจิตแห่งความจริงเป็นพระพรพิเศษแก่เรา แต่บทภาวนาถึงพระจิตเจ้าแบบซื่อ ๆ และโดยตรงที่สุดยังเป็นบทภาวนาที่ใช้กันมาเป็นธรรมประเพณี “เชิญเสด็จมา ข้าแต่พระจิตเจ้า” และธรรมประเพณีทางพิธีกรรมแต่ละธรรมประเพณีก็ยังขยายความบทนี้ในบทลำนำและบทเพลงสรรเสริญต่างๆ ด้วย เช่น “เชิญเสด็จมา ข้าแต่พระจิตเจ้า เชิญเสด็จมาสถิตในดวงใจสัตบุรุษ และทรงบันดาลให้ลุกร้อนด้วยไฟความรักของพระองค์” “ข้าแต่พระราชาแห่งสวรรค์ พระผู้ทรงบรรเทา พระจิตแห่งความจริง พระผู้ประทับอยู่ทั่วทุกแห่ง ทรงเติมเต็มทุกสิ่ง ข้าแต่ขุมทรัพย์แห่งความดีและบ่อเกิดแห่งชีวิต เชิญเสด็จมาประทับอยู่ในข้าพเจ้าทั้งหลาย โปรดทรงชำระข้าพเจ้าทั้งหลายให้ปลอดจากความแปดเปื้อน และทรงช่วยวิญญาณข้าพเจ้าทั้งหลายให้รอดพ้น พระองค์ผู้ทรงความดีทุกประการ”  


ยน 14:15  ถ้าท่านทั้งหลายรักเรา ท่านจะปฏิบัติตามบทบัญญัติของเรา : ความรักมิใช่เป็นเพียงคำพูดหรือความรู้สึกจากภายในเท่านั้น แต่เป็นความรักแท้จริงซึ่งแสดงออกด้วยการปฏิบัติ บทบัญญัติเหล่านี้ที่พระคริสตเจ้าทรงกล่าวถึงประกอบกันเป็นสาส์นแห่งพระวรสารทั้งครบ    

พระบัญญัติสิบประการในธรรมประเพณีของพระศาสนจักร

CCC ข้อ 2068 สภาสังคายนาแห่งเมืองเตร็นท์สอนว่าบรรดาคริสตชนและมนุษย์ที่ได้รับความชอบธรรมยังจำเป็นต้องปฏิบัติตามพระบัญญัติสิบประการนี้ สภาสังคายนาวาติกันที่ 2 ยังกล่าวย้ำอีกว่า “บรรดาพระสังฆราช ในฐานะผู้สืบตำแหน่งต่อจากบรรดาอัครสาวก ได้รับพันธกิจจากองค์พระผู้เป็นเจ้า […] ให้ไปสอนนานาชาติและประกาศข่าวดีให้มนุษย์ทั้งปวง เพื่อว่ามนุษย์ทุกคน อาศัยความเชื่อ ศีลล้างบาป และการปฏิบัติตามพระบัญญัติ จะได้บรรลุถึงความรอดพ้น” 

“ถ้าไม่มีเรา ท่านก็ทำอะไรไม่ได้เลย”

CCC ข้อ 2074 พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นกิ่งก้าน ผู้ที่ดำรงอยู่ในเรา และเราดำรงอยู่ในเขา ก็ย่อมเกิดผลมาก เพราะถ้าไม่มีเรา ท่านก็ทำอะไรไม่ได้เลย” (ยน 15:5) ผลที่พระวาจานี้กล่าวถึงก็คือความศักดิ์สิทธิ์ของชีวิตที่เกิดจากความสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้า เมื่อเราเชื่อในพระเยซูคริสตเจ้า ร่วมสัมพันธ์กับพระธรรมล้ำลึกของพระองค์และปฏิบัติตามพระบัญชาของพระองค์ พระองค์พระผู้ไถ่ก็เสด็จมาพบพระบิดาและพี่น้องของพระองค์ มารักพระบิดาและพี่น้องของเราในตัวเรา  เดชะพระจิตเจ้า พระบุคคลของพระองค์กลับเป็นกฎปฏิบัติที่มีชีวิตชีวาในตัวเรา “นี่คือบทบัญญัติของเรา ให้ท่านทั้งหลายรักกัน เหมือนดังที่เรารักท่าน” (ยน 15:12)  

แนวทางปฏิบัติ

CCC ข้อ 2075 “ข้าพเจ้าต้องทำความดีอะไรเพื่อจะมีชีวิตนิรันดร” – “ถ้าท่านอยากเข้าสู่ชีวิตนิรันดร ก็จงปฏิบัติตามบทบัญญัติเถิด”  


ยน 14:16-17  ผู้ช่วยเหลือ : ในบางครั้งคำนี้แปลว่า “ทนายผู้แก้ต่าง” ซึ่งแปลตามตัวอักษรว่า “ผู้ถูกเรียกให้มาอยู่ข้างตนเอง” พระจิตเจ้าทรงช่วยเหลือดังผู้วิงวอนแทนต่อพระเจ้า ผู้ทรงเป็นบ่อเกิดแห่งพลังในความเชื่อ และสอนให้รู้จักความจริง  พระองค์ทรงดำรงอยู่กับท่าน และอยู่ในท่าน : พระจิตเจ้าประทับอยู่และทรงปฏิบัติงานในพระศาสนจักรทั้งในแบบกลุ่มและในสมาชิกแต่ละคน ดังนี้จึงสามารถเรียกทั้งพระศาสนจักรและผู้รับศีลล้างบาปแต่ละคนได้ว่า “พระวิหารของพระจิตเจ้า” (เทียบ ยน 14:23) ด้วยการเป็นที่พำนักนี้เองผู้มีความเชื่อในพระคริสตเจ้าจึงรู้จักพระจิตเจ้าเป็นอย่างดี บทเสริมของพิธีกรรมในวันเปนเตกอสเตจะรวมบทภาวนาอัญเชิญพระจิตเจ้าอยู่ด้วยคือ “เชิญเสด็จมาเถิด ข้าแต่พระจิตเจ้า โปรดทรงส่องแสงสว่างของพระองค์มาจากฟ้าสวรรค์”  

“ข้าพเจ้าเชื่อในพระจิตเจ้า”

CCC ข้อ 687 “ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ถึงความคิดของพระเจ้า นอกจากพระจิตของพระเจ้า” (1 คร 2:11) บัดนี้พระจิตผู้ทรงเปิดเผยพระเจ้า ทรงเปิดเผยให้เรารู้จักพระคริสตเจ้า พระวจนาตถ์ทรงชีวิตของพระองค์ แต่มิได้ทรงสำแดงพระองค์เอง “พระองค์ตรัสทางประกาศก” ทรงบันดาลให้เราได้ยินพระวจนาตถ์ (หรือ “พระวาจา”) ของพระบิดา แต่เราไม่ได้ยินองค์พระจิตเจ้า เรารู้จักพระองค์เพียงในความเคลื่อนไหวที่ทรงใช้เพื่อเปิดเผยพระวจนาตถ์แก่เรา และเตรียมเราไว้เพื่อรับพระวจนาตถ์ด้วยความเชื่อ พระจิตแห่งความจริงผู้ “ทรงเปิดเผย” พระคริสตเจ้าแก่เรา  ไม่ตรัสโดยพระองค์เองการที่ทรงปิดบังพระเทวภาพของพระองค์เช่นนี้อธิบายให้เข้าใจว่าทำไม “โลกจึงรับพระองค์ไว้ไม่ได้ เพราะไม่เห็นพระองค์และไม่รู้จักพระองค์” แต่ผู้ที่เชื่อในพระคริสตเจ้านั้นรู้จักพระองค์ เพราะพระองค์ทรงดำรงอยู่กับเขา (ยน 14:17)  

พระนามอื่นของพระจิตเจ้า

CCC ข้อ 692 เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสล่วงหน้าและทรงสัญญาถึงการเสด็จมาของพระจิตเจ้า พระองค์ทรงเรียกพระจิตเจ้าว่า “Parakletos” ซึ่งแปลตามรากศัพท์ได้ว่า “ผู้ถูกเรียกให้มาช่วย” หรือ “ผู้ถูกเรียกให้มาอยู่ใกล้ๆ” (ภาษาละตินว่า “ad-vocatus”) (ยน 14:16, 26; 16:7) คำ “parakletos” นี้มักจะแปลกันว่า “ผู้บรรเทา” (หรือ “ทนายแก้ต่าง”) และพระเยซูเจ้าก็ทรงเป็น “ผู้บรรเทา” (หรือ “ทนายแก้ต่าง”) คนแรก องค์พระผู้เป็นเจ้ายังทรงเรียกพระจิตเจ้าอีกว่า “พระจิตแห่งความจริง” 

พระเยซูคริสตเจ้า

CCC ข้อ 729  เมื่อถึงเวลาที่พระเยซูเจ้าจะทรงรับพระสิริรุ่งโรจน์เท่านั้น พระองค์ทรงสัญญาว่าพระจิตเจ้าจะเสด็จมา ทั้งนี้ก็เพราะว่าการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนมชีพจะเป็นการทำให้พระสัญญาแก่บรรดาบรรพบุรุษเป็นความจริง พระบิดาจะประทานพระจิตแห่งความจริง “พระผู้ช่วยเหลือ” (Parakletos) อีกองค์หนึ่งตามคำอธิษฐานของพระเยซูเจ้า พระบิดาจะประทานพระองค์ในพระนามของพระเยซูเจ้า พระเยซูเจ้าจะทรงส่งพระองค์มาจากพระบิดา เพราะพระองค์ทรงสืบเนื่องมาจากพระบิดา พระจิตเจ้าจะเสด็จมา เราจะรู้จักพระองค์ พระองค์จะอยู่กับเราตลอดไป จะทรงพำนักอยู่กับเรา จะทรงสอนทุกสิ่งแก่เรา และจะทรงช่วยให้เราระลึกถึงทุกสิ่งที่พระเยซูเจ้าได้ตรัสไว้และจะทรงเป็นพยานถึงพระองค์ พระจิตเจ้าจะทรงนำเราไปพบความจริงทุกข้อและจะทรงบันดาลให้พระคริสตเจ้าทรงรับพระสิริรุ่งโรจน์ พระองค์จะทรงแสดงให้โลกเห็นความหมายของบาป ของความถูกต้อง และของการตัดสิน 

ดำเนินชีวิตในความจริง

CCC ข้อ 2466 ความจริงของพระเจ้าปรากฏชัดเจนอย่างสมบูรณ์ในพระเยซูคริสตเจ้า พระองค์ทรงเปี่ยมด้วยพระหรรษทานและความจริงทรงเป็น “แสงสว่างส่องโลก” (ยน 8:12) พระองค์ทรงเป็นความจริง ทุกคนที่เชื่อในพระองค์ไม่อยู่ในความมืด ศิษย์ของพระเยซูเจ้ายึดมั่นในพระวาจาของพระองค์เพื่อจะรู้ความจริงซึ่งจะช่วยให้เป็นอิสระและบันดาลให้ศักดิ์สิทธิ์ การติดตามพระเยซูเจ้าเป็นการดำเนินชีวิตเดชะพระจิตเจ้าแห่งความจริงที่พระบิดาทรงส่งมาในพระนามของพระองค์ผู้ทรงนำเราไปสู่ความจริงทั้งมวล” (ยน 16:13) พระเยซูเจ้าทรงสอนบรรดาศิษย์ให้รักความจริงโดยไม่มีเงื่อนไข “ท่านจงกล่าวเพียงว่า ‘ใช่’ หรือ ‘ไม่ใช่’” (มธ 5:37) 

พระเยซูเจ้าทรงสอนให้อธิษฐานภาวนา

CCC ข้อ 2615 ยิ่งกว่านั้น เมื่อการอธิษฐานภาวนาของเรารวมกับการอธิษฐานภาวนาของพระเยซูเจ้าแล้ว พระบิดายังประทาน “ผู้ช่วยเหลืออีกองค์หนึ่ง […] เพื่อจะอยู่กับท่านตลอดไป คือพระจิตแห่งความจริง” (ยน 14:16-17) มิติใหม่ประการนี้ของการอธิษฐานภาวนาและเงื่อนไขปรากฏให้เห็นอยู่ตลอดคำปราศรัยอำลาของพระเยซูเจ้า ในพระจิตเจ้า การอธิษฐานภาวนาของคริสตชนเป็นความสัมพันธ์ความรักกับพระบิดา ไม่เพียงผ่านทางพระคริสตเจ้าเท่านั้น แต่ยังในพระองค์อีกด้วย “จนถึงบัดนี้ ท่านยังไม่ได้ขอสิ่งใดในนามของเราเลย จงขอเถิด แล้วท่านจะได้รับ เพื่อความยินดีของท่านจะสมบูรณ์” (ยน 16:24)  


ยน 14:18  เราจะไม่ทิ้งท่านทั้งหลายให้เป็นกำพร้า เราจะกลับมาหาท่าน : การประทับอยู่ฝ่ายจิตของพระคริสตเจ้ายังคงอยู่ในโลกนี้ต่อไปแม้หลังจากการเสด็จสู่สวรรค์ พระองค์ประทับอยู่ในพระศาสนจักร ในพระวาจา ในพิธีกรรม ในการภาวนาส่วนรวม และในศาสนบริกรสงฆ์ แต่พระองค์ประทับอยู่โดยวิธีพิเศษหนึ่งเดียวด้วยพระวรกาย พระโลหิต พระวิญญาณและพระเทวภาพของพระองค์ในศีลมหาสนิทภายใต้รูปปรากฏของปังและเหล้าองุ่นซึ่งถูกเก็บรักษาไว้ภายในตู้ศีลของทุกวัดคาทอลิก  

ความสัมพันธ์ของเรากับพระธรรมล้ำลึกของพระเยซูเจ้า      

CCC ข้อ 521 พระคริสตเจ้าทรงบันดาลให้เราดำเนินชีวิตของเราในพระองค์ดังที่พระองค์ทรงดำเนิน และพระองค์ทรงดำเนินพระชนมชีพในเรา “โดยการรับสภาพเป็นมนุษย์ เราอาจกล่าวได้ว่าพระบุตรของพระเจ้าทรงร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับมนุษย์แต่ละคน” เราได้รับเรียกเพื่อให้มาเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ พระองค์ทรงทำให้เราเป็นเสมือนส่วนต่างๆ แห่งพระวรกายของพระองค์  เราจะได้มีส่วนร่วมการที่ทรงดำเนินพระชนมชีพในสภาพมนุษย์เพื่อเราและเป็นตัวอย่างของเรา “เราต้องพยายามทำให้สถานะและพระธรรมล้ำลึกของพระเยซูเจ้าสำเร็จเป็นจริงในตัวเรา และวอนขอพระองค์บ่อยๆ ให้พระธรรมล้ำลึกเหล่านี้สำเร็จเป็นจริงอย่างสมบูรณ์ในตัวเราและในพระศาสนจักรสากล... เพราะพระบุตรของพระเจ้าทรงประสงค์ให้เราและพระศาสนจักรทั้งหมดมีส่วนในพระธรรมล้ำลึกเหล่านี้และทำให้พระธรรมล้ำลึกนี้แผ่ขยายไปในตัวเราและทั่วพระศาสนจักร... โดยพระหรรษทานที่ทรงประสงค์ประทานแก่เราเพื่อเราจะได้ทำให้พระธรรมล้ำลึกนี้บังเกิดผลตามพระประสงค์” 

พระศาสนจักรเป็นการร่วมชีวิตกับพระเยซูเจ้า

CCC ข้อ 788 เมื่อพระเยซูเจ้าไม่ทรงอยู่กับบรรดาศิษย์อย่างที่เราแลเห็นได้แล้ว พระองค์ก็มิได้ทรงละทิ้งเขาให้เป็นกำพร้า พระองค์ทรงสัญญาว่าจะทรงอยู่กับเขาตราบจนสิ้นพิภพ ทรงส่งพระจิตของพระองค์มาให้เขา ดังนี้ ความสัมพันธ์กับพระเยซูเจ้าก็ยิ่งจะเข้มข้นยิ่งขึ้น “เมื่อประทานพระจิตของพระองค์แก่เขา พระองค์ก็ทรงแต่งตั้งบรรดาพี่น้องที่ทรงเรียกมาจากนานาชาติ ให้เป็นเสมือนพระกายทิพย์ของพระองค์”  

(จากหนังสือ THE DIDACHE BIBLE with commentaries based on the Catechism of the Catholic Church, Ignatius Bible Edition)