แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

วันจันทร์ สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลมหาพรต

พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญยอห์น (ยน 8:12-20)                                                                       

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับประชาชนว่า “เราเป็นแสงสว่างส่องโลก ผู้ที่ตามเรามา จะไม่เดินในความมืด แต่จะมีแสงสว่างส่องชีวิต” ชาวฟาริสีกล่าวกับพระองค์ว่า “ท่านเป็นพยานให้กับตนเอง คำยืนยันเป็นพยานของท่านจึงไม่น่าเชื่อถือ” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “แม้เราจะเป็นพยานให้ตนเอง คำยืนยันเป็นพยานของเราก็น่าเชื่อถือ เพราะเรารู้ว่า เรามาจากไหน และกำลังจะไปไหน แต่ท่านทั้งหลายไม่รู้ว่า เรามาจากไหน และกำลังจะไปไหน ท่านพิพากษาตามมาตรการของมนุษย์ แต่เราไม่พิพากษาผู้ใด และถึงแม้ว่าเราพิพากษาผู้ใด คำพิพากษาของเราก็น่าเชื่อถือ เพราะเราไม่อยู่คนเดียว แต่พระบิดาผู้ทรงส่งเรามานั้นทรงอยู่กับเราด้วย ธรรมบัญญัติของท่านทั้งหลายมีเขียนไว้ว่า ‘คำยืนยันเป็นพยานของคนสองคนเป็นที่น่าเชื่อถือ’ เราเป็นพยานให้ตนเอง และพระบิดาผู้ทรงส่งเรามาทรงเป็นพยานให้เราด้วย” เขาเหล่านั้นจึงทูลถามพระองค์ว่า “พระบิดาของท่านอยู่ที่ใด” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านทั้งหลายไม่รู้จักทั้งเรา ทั้งพระบิดาของเรา ถ้าท่านรู้จักเรา ท่านคงรู้จักพระบิดาของเราด้วย” พระเยซูเจ้าตรัสพระวาจานี้ในบริเวณที่วางของถวาย ขณะที่ทรงสั่งสอนอยู่ในพระวิหาร ไม่มีผู้ใดจับกุมพระองค์ เพราะเวลาของพระองค์ยังมาไม่ถึง


ยน 8:12-20  พระคริสตเจ้าทรงโต้แย้งกับชาวฟาริสีเกี่ยวกับอัตลักษณ์ของพระองค์อีกครั้งหนึ่ง ดังที่ก่อนหน้านั้นพวกเขาได้ตั้งข้อหาว่าพระองค์ทรงเป็นพยานให้กับตนเองในขณะที่ธรรมบัญญัติเรียกร้องให้มีพยานสองคน (เทียบ ฉธบ 17:6; 19:15) พระองค์ตรัสตอบว่ามีพยานสองคนคือ พระบิดาของพระองค์และพระองค์เอง     

ดำเนินชีวิตในความจริง

CCC ข้อ 2466 ความจริงของพระเจ้าปรากฏชัดเจนอย่างสมบูรณ์ในพระเยซูคริสตเจ้า พระองค์ทรงเปี่ยมด้วยพระหรรษทานและความจริงทรงเป็น “แสงสว่างส่องโลก” (ยน 8:12) พระองค์ทรงเป็นความจริง ทุกคนที่เชื่อในพระองค์ไม่อยู่ในความมืด ศิษย์ของพระเยซูเจ้ายึดมั่นในพระวาจาของพระองค์เพื่อจะรู้ความจริงซึ่งจะช่วยให้เป็นอิสระและบันดาลให้ศักดิ์สิทธิ์ การติดตามพระเยซูเจ้าเป็นการดำเนินชีวิตเดชะพระจิตเจ้าแห่งความจริงที่พระบิดาทรงส่งมาในพระนามของพระองค์ผู้ทรงนำเราไปสู่ความจริงทั้งมวล” (ยน 16:13) พระเยซูเจ้าทรงสอนบรรดาศิษย์ให้รักความจริงโดยไม่มีเงื่อนไข “ท่านจงกล่าวเพียงว่า ‘ใช่’ หรือ ‘ไม่ใช่’” (มธ 5:37)   


ยน 8:12  แสงสว่างส่องโลก : พระเยซูเจ้าตรัสเรื่องนี้ที่บริเวณคลังของพระวิหาร (เทียบ ยน 8:20) ที่ซึ่งมีตะเกียงจุดสว่างไสวในระหว่างเทศกาลอยู่เพิง อาจเป็นได้ที่โดยการอ้างอิงถึงจารีตนี้พระคริสตเจ้าประกาศว่าพระองค์คือแสงสว่างที่นำความหมายมาสู่ชีวิตของมนุษย์อาศัยการเปิดเผยถึงความจริงที่นำสู่ความสุขนิรันดร การอ่านและรำพึงพระวาจาพระเจ้าในพระคัมภีร์ด้วยความปรารถนาที่จะรู้ถึงพระประสงค์ของพระเจ้าและด้วยเจตจำนงที่จะนำพระวาจาไปปฏิบัติจะนำไปสู่มิตรภาพอันลึกซึ้งกับพระเจ้า   


   

ยน 8:15  ตามมาตรการของมนุษย์ : ในกรณีนี้ “มนุษย์” หมายความถึงการจำกัดอยู่เพียงแค่เหตุผลประสามนุษย์เท่านั้น ปราศจากซึ่งแสงสว่างแห่งความเชื่อเหนือธรรมชาติใดๆ (เทียบ ยน 6:63)    

ข้าพเจ้าเชื่อการกลับคืนชีพของร่างกาย

CCC ข้อ 990 คำว่า “เนื้อ” (ภาษาละตินว่า “caro” – ภาษาอังกฤษว่า “flesh”) หมายถึงมนุษย์ในสภาพความอ่อนแอและตายได้ วลี “การคืนชีพของร่างกาย” (หรือ “เนื้อหนัง”) จึงหมายความว่าหลังจากความตายแล้ววิญญาณจะมีชีวิตที่ไม่มีวันตายและ “ร่างกายที่ตายได้ของเรา” (รม 8:11)ก็จะได้รับชีวิตที่ไม่มีวันตายด้วย   

คริสตชนผู้มีความเชื่อ

CCC ข้อ 2555 คริสตชนผู้มีความเชื่อ “ก็ตรึงธรรมชาติของตนพร้อมกับกิเลสตัณหาไว้กับไม้กางเขนแล้ว” (กท 5:24) เขามีพระจิตเจ้าเป็นผู้นำและปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์    

(จากหนังสือ THE DIDACHE BIBLE with commentaries based on the Catechism of the Catholic Church, Ignatius Bible Edition)