42. เมื่อคนหนึ่งยอมรับทฤษฎีเรื่องวิวัฒนาการ เขาจะยังคงเชื่อในพระผู้สร้างได้หรือ

ได้  แม้ว่าเป็นชนิดความรู้ที่แตกต่างกัน ความเชื่อก็ยังเปิดโอกาสให้ค้นคว้าและตั้งสมมุติฐานทางวิทยาศาสตร์ (282-289)

 

เทววิทยาไม่มีความสามารถทางวิทยาศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ธรรมชาติไม่มีความสามารถทางเทววิทยา วิทยาศาสตร์ธรรมชาติไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า ในกระบวนการสร้างสรรพสิ่งนั้นมีจุดประสงค์ ตรงกันข้าม ความเชื่อก็ไม่สามารถบอกได้ว่าในวิวัฒนาการของธรรมชาติ กระบวนการเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร  คริสตชนอาจจะยอมรับทฤษฎีการวิวัฒนาการว่าเป็นคำอธิบายที่มีประโยชน์ได้ ในลักษณะที่จะไม่คล้อยตามความคิดเห็นนอกรีตเรื่องลัทธิวิวัฒนาการ ซึ่งมองมนุษย์เป็นผลผลิตโดยบังเอิญของกระบวนการทางชีวิวิทยา  ทฤษฎีวิวัฒนาการ เป็นสมมุติฐานการมีอยู่ของบางสิ่งที่สามารถวิวัฒนาการได้ แต่ทฤษฎีนี้มิได้กล่าวถึงว่า สิ่งนั้นมีที่มาจากไหน  และยิ่งกว่านั้น ทฤษฎีนี้ไม่มีคำตอบในลักษณะทางชีววิทยาต่อคำถามเรื่องการดำรงอยู่ แก่นแท้ ศักดิ์ศรี หน้าที่ความหมาย รวามทั้งคำถามที่ว่าโลกและมนุษย์มาจากไหน เมื่อ “ลัทธิวิวัฒนาการ” ก้าวเกินขอบเขตไป จนกลายเป็น ลัทธิการสร้าง ซึ่งนำข้อมูลจากพระคัมภีร์ตามตัวอักษรมาใช้  (เช่น การคำนวณอายุของโลก พวกเขาอ้างถึงการสร้างโลกเป็นเวลาหกวัน  ในปฐมกาล 1)

 

“พระองค์ทรงสร้างสรรพสิ่ง และทุกสิ่งถูกสร้าง และดำรงอยู่ตามพระประสงค์ของพระองค์”

วิวรณ์ 4:11

 

เราไม่ใช่ผลผลิตของวิวัฒนาการที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญและไร้ความหมาย เราแต่ละคนเป็นผลจากความคิดของพระเจ้า และเป็นพระประสงค์ของพระองค์ พระเจ้าทรงรักเราแต่ละคน และแต่ละคนมีความสำคัญ

สมเด็จพระสันตะปาปา  เบเนดิกต์ ที่ 16

24 เมษายน 2005