แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

การเปรียบเทียบครั้งที่สี่ – ลูกเห็บและมานนา


    15ไม่มีผู้ใดหนีพ้นเงื้อมพระหัตถ์ของพระองค์
16คนอธรรมไม่ยอมรู้จักพระองค์
ถูกพระกรทรงฤทธิ์ของพระองค์ลงโทษ
พระองค์ทรงส่งฝนผิดปรกติ ลูกเห็บ และพายุฝนที่ตกไม่หยุดมาเบียดเบียนเขา
และทรงส่งไฟมาเผาผลาญเขาi
17สิ่งที่น่าประหลาดที่สุดก็คือ
น้ำซึ่งดับได้ทุกสิ่ง กลับทำให้ไฟลุกโชติช่วงขึ้น
เพราะจักรวาลร่วมสู้รบเคียงข้างผู้ชอบธรรม
18บางครั้ง ไฟกลับอ่อนแสงลง
ไม่เผาทำลายสัตว์ที่พระองค์ทรงส่งมาลงโทษคนอธรรมj
เขาจะได้เข้าใจจากสิ่งที่เขาเห็นนี้ว่า
ตนถูกพระเจ้าทรงตัดสินลงโทษ
19อีกครั้งหนึ่ง ไฟแม้อยู่ในน้ำ ก็ยังลุกโชติช่วงขึ้น
เพื่อทำลายผลิตผลของแผ่นดินที่ชั่วร้าย
20แต่พระองค์ประทานอาหารของทูตสวรรค์แก่ประชากรของพระองค์
ทรงจัดหาkขนมปังที่สำเร็จแล้วลงมาจากสวรรค์
โดยที่พวกเขาไม่ต้องเหน็ดเหนื่อย
เป็นอาหารเลิศรส ถูกปากของทุกคนl
21อาหารที่พระองค์ประทานนี้แสดงความอ่อนโยนของพระองค์ต่อบรรดาบุตร
ปรับตัวให้ถูกปากของทุกคนที่กิน
เปลี่ยนรสให้เข้ากับความปรารถนาของทุกคน
22หิมะและน้ำแข็งmทนไฟ ไม่ละลาย
เพื่อแสดงให้ชาวอิสราเอลรู้ว่า
ไฟที่ลุกไหม้ขณะที่มีลูกเห็บ
และส่องแสงแปลบปลาบกลางสายฝน
ทำลายผลิตผลของศัตรู
23แต่ไฟเดียวกันนี้กลับลืมพลังของตนเอง
เพื่อให้บรรดาผู้ชอบธรรมมีอาหารกิน
24บรรดาสิ่งสร้างรับใช้พระองค์ผู้ทรงสร้างทุกสิ่งขึ้นมา
ใช้อำนาจของตนอย่างเคร่งครัดลงโทษคนอธรรมn
แต่กลับแสดงความอ่อนโยน ทำดีต่อบรรดาผู้ไว้วางใจในพระองค์
25แม้ในเวลานั้น สิ่งสร้างยังปรับเข้ากับสภาพการณ์ต่างๆได้o
รับใช้พระองค์ผู้ทรงเอื้อเฟื้อเลี้ยงดูทุกคน
ตามความปรารถนาของผู้วอนขอp
26ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า บรรดาบุตรที่ทรงรักจะได้เรียนรู้ว่า
ผลิตผลต่างๆเลี้ยงมนุษย์ไม่ได้
แต่พระวาจาของพระองค์รักษาชีวิตของบรรดาผู้มีความเชื่อในพระองค์
27สิ่งที่ไฟทำลายไม่ได้ก็ละลายไปทันที
เมื่อรับความร้อนเพียงเล็กน้อยจากแสงแดด
28มนุษย์จะได้รู้ว่าเขาต้องขอบพระคุณพระองค์ก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น
และวอนขอพระองค์ยามรุ่งอรุณq
29เพราะความหวังของคนอกตัญญูจะละลายไปเหมือนน้ำค้างแข็งในฤดูหนาว
แล้วซึมหายไปเหมือนน้ำที่ไร้ประโยชน์