แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

IX. งานฉลองการแต่งงาน

9    1โทบียาห์เรียกราฟาเอลมา 2บอกว่า “พี่อาซาริยาห์ จงนำผู้รับใช้สี่คนกับอูฐสองตัว ออกเดินทางไปเมืองราเกส ไปที่บ้านของกาบาเอล ยื่นเอกสารให้เขา นำเงินกลับมา และนำเขามากับท่านเพื่อร่วมงานฉลองการแต่งงานของข้าพเจ้าด้วย 3-4ท่านรู้ดีว่าบิดาของข้าพเจ้ากำลังนับวันนับคืนคอยอยู่ ถ้าข้าพเจ้าชักช้าเพียงวันเดียว ก็จะทำให้เขาเป็นทุกข์มาก ท่านเห็นแล้วว่ารากูเอลได้สาบานอะไร และข้าพเจ้าจะละเมิดคำสาบานนั้นไม่ได้”
5ราฟาเอลจึงออกเดินทางไปเมืองราเกสในแคว้นมีเดียกับผู้รับใช้สี่คนและอูฐสองตัว ไปพักที่บ้านของกาบาเอล ราฟาเอลยื่นเอกสารให้เขาดูพร้อมกับบอกเขาว่าโทบียาห์บุตรของโทบิตแต่งงานแล้ว และเชิญเขาให้ไปร่วมงานฉลองด้วย กาบาเอลรีบตรวจถุงเงินที่ยังมีตราผนึกอยู่ นำไปวางไว้บนหลังอูฐa 6เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เขาทั้งหลายออกเดินทางพร้อมกันไปร่วมงานฉลองการแต่งงาน และมาถึงบ้านของรากูเอล พบโทบียาห์กำลังนั่งที่โต๊ะอาหาร เขาลุกขึ้นทันทีเข้ามาทักทายกาบาเอล กาบาเอลร้องไห้และอวยพรเขาว่า “ลูกเอ๋ย เธอเป็นลูกที่ดีเลิศของพ่อที่ดีเลิศ ชอบธรรมและมีใจเอื้อเฟื้อ ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานพระพรจากสวรรค์แก่ลูก แก่ภรรยาของลูก แก่บิดามารดาของภรรยาของลูกด้วยเถิดb    ขอถวายพระพรแด่พระเจ้า เพราะข้าพเจ้าได้เห็นโทบิตญาติของข้าพเจ้าในตัวลูกที่เหมือนพ่ออย่างมาก”c

10    1ทุกวันระหว่างนั้น โทบิตนับวันนับคืนคำนวณจำนวนวันที่ต้องใช้ในการเดินทางไปและกลับ วันเหล่านั้นผ่านไปแล้วแต่บุตรก็ยังไม่กลับมา 2เขาคิดว่า “ลูกอาจถูกหน่วงเหนี่ยวไว้ที่นั่น หรือกาบาเอลอาจตายไปแล้ว และไม่มีใครให้เงินแก่ลูก” 3เขาเริ่มเป็นทุกข์ 4นางอันนาภรรยากล่าวว่า “ลูกของฉันตายไปแล้ว ไม่อยู่ในหมู่ของผู้เป็นอีกต่อไป” 5แล้วนางก็เริ่มร้องไห้คร่ำครวญถึงบุตรว่า “อนิจจา ลูกเอ๋ย ทำไมแม่จึงปล่อยให้ลูกจากแม่ไป ลูกเป็นแสงสว่างแก่ดวงตาของแม่” 6โทบิตตอบนางว่า “เงียบเสียเถิด น้อง อย่าห่วงไปเลย ลูกสบายดี เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันคงเกิดขึ้นแก่เขาที่นั่น คนที่ไปกับเขาน่าไว้ใจ เพราะเป็นพี่น้องร่วมชาติคนหนึ่งของเรา อย่าโศกเศร้าไปเลย น้อง อีกไม่นานลูกจะอยู่ที่นี่” 7แต่นางตอบว่า “หยุดพูดเสียเถอะ อย่ามาหลอกฉันเลย ลูกของฉันตายแล้ว” และทุกวันนางจะออกไปแต่เช้าตรู่ เฝ้าดูทางที่บุตรได้ออกเดินทางจากไป นางไม่เชื่อตาของใครนอกจากตาของตนเอง เมื่อตะวันตกดิน นางจึงกลับเข้าในบ้าน ร้องไห้และคร่ำครวญตลอดคืน นอนไม่หลับ
8เมื่อครบกำหนดสิบสี่วันของงานฉลองการแต่งงาน ตามที่รากูเอลเคยสาบานว่าจะจัดสำหรับบุตรหญิงของตน โทบียาห์ไปพบเขา พูดว่า “โปรดส่งลูกกลับไปเถิด ลูกรู้ว่าบิดาและมารดาของลูกหมดหวังที่จะเห็นลูกอีกแล้ว บัดนี้ พ่อครับ ลูกวอนขอพ่อโปรดส่งลูกกลับไปหาบิดาของลูก ลูกเคยเล่าให้พ่อฟังแล้วว่าบิดาอยู่ในสภาพใดเมื่อลูกจากมา” 9รากูเอลตอบโทบียาห์ว่า “ลูกเอ๋ย อยู่กับพ่อเถิด พ่อจะส่งผู้ถือสารไปพบโทบิตบิดาของลูก เพื่อบอกข่าวเกี่ยวกับลูก” แต่โทบียาห์ตอบว่า “ไม่ได้ ลูกขอพ่อส่งลูกกลับไปหาบิดาเถิด” 10รากูเอลจึงลุกขึ้น มอบนางซาราห์ให้แก่โทบียาห์พร้อมกับทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่ง คือผู้รับใช้ชายหญิง โค แกะ ลา อูฐ เสื้อผ้า เงินทองและสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ 11แล้วส่งเขาทั้งสองคนออกเดินทางไปอย่างมีความสุข พูดอำลาโทบียาห์ว่า “ลูกเอ๋ย จงอยู่เย็นเป็นสุขเถิด ขอให้ลูกเดินทางโดยปลอดภัย ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งสวรรค์ทรงคุ้มครองลูกและซาราห์ภรรยาของลูกด้วย ขอให้พ่อได้เห็นลูกของลูกก่อนที่พ่อจะตาย” 12แล้วพูดกับนางซาราห์บุตรหญิงของตนว่า “จงไปหาบิดาสามีของลูกเถิด ตั้งแต่นี้ไป บิดามารดาของสามีจะเป็นบิดามารดาของลูกเหมือนกับผู้ที่ให้กำเนิดชีวิตลูก จงไปเป็นสุขเถิด ลูกรัก ขอให้พ่อได้ยินข่าวดีเกี่ยวกับลูกตราบที่พ่อยังมีชีวิตอยู่” พูดแล้วเขาก็สวมกอดอำลาโทบียาห์และซาราห์
13นางเอดนากล่าวกับโทบียาห์ว่า “ลูกและญาติที่รักยิ่ง ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงนำลูกกลับมา ให้แม่ได้เห็นลูกของลูก และของซาราห์ลูกสาวของแม่ก่อนที่แม่จะตาย แม่จะได้ชื่นชมเฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า แม่ขอฝากลูกสาวของแม่ไว้ให้ลูกดูแลด้วย ตราบที่ลูกยังมีชีวิต อย่าทำให้เธอมีความทุกข์เลย ลูกเอ๋ย จงไปเป็นสุขเถิด ตั้งแต่นี้ไป แม่เป็นแม่ของลูก และซาราห์ก็เป็นน้องสาวของลูก ขอให้เราทุกคนอยู่เย็นเป็นสุขทุกวันตลอดชีวิตของเราเถิด” แล้วนางจูบลา ส่งโทบียาห์และซาราห์ให้ออกเดินทางไปอย่างมีความสุข
14โทบียาห์ออกเดินทางจากบ้านของรากูเอลด้วยความยินดีมีความสุข ถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งสวรรค์และแผ่นดิน ผู้ทรงเป็นกษัตริย์ของทุกสิ่ง เพราะพระองค์ทรงบันดาลให้การเดินทางประสบความสำเร็จ เขาอวยพรรากูเอลและนางเอดนาภรรยาด้วยว่า “ขอให้ข้าพเจ้ามีโชคที่จะนับถือท่านทั้งสองทุกวันตลอดชีวิตของข้าพเจ้า”a