แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

เพลงสดุดีที่ 73
ความรุ่งเรืองของคนอธรรมไม่จีรังยั่งยืน

สดด ประเภทปรีชาญาณบทนี้เริ่มต้นด้วยข้อความที่แสดงความมั่นใจของผู้ที่เรียนรู้มาจากประสบการณ์ ว่าพระเจ้าทรงความดีและทรงยุติธรรม ผู้ประพันธ์เกือบจะเสียความเชื่อเมื่อเห็นว่าคนอธรรมซึ่งกล่าวดูหมิ่นพระเจ้า กลับมีความสุขและเจริญรุ่งเรือง ตรงข้ามกับชีวิตของคนที่ปฏิบัติคุณธรรมกลับไม่ช่วยให้เขาพ้นจากปัญหาในชีวิต เขารู้สึกว่าพระเจ้าไม่ทรงยุติธรรมเลย ความคิดเช่นนี้ทรมานใจเขาเสมอมา จนกระทั่งวันหนึ่งพระเจ้าทรงบันดาลให้เขาเห็นแจ้งว่า ความรุ่งเรืองของคนอธรรมนั้นเป็นเพียงภาพลวงตา และผู้ชอบธรรมเท่านั้นมีความมั่นใจได้อย่างแท้จริงในพระเจ้า แม้คริสตชนรู้ความจริงประการนี้จากคำสอนของพระคริสตเจ้าแล้ว ก็ยังมีความข้องใจอิจฉาคนอธรรมอยู่ตลอดเวลา การใช้ สดด บทนี้ภาวนาอาจช่วยให้คริสตชนได้รับความสว่างเช่นเดียวกับผู้ประพันธ์เพลงสดุดีก็ได้
เพลงสดุดี ของอาสาฟ



1    พระเจ้าช่างมีพระทัยดีแท้ต่ออิสราเอล
        ต่อผู้มีใจบริสุทธิ์
2    เท้าของข้าพเจ้าเกือบจะสะดุดล้มอยู่แล้ว
        อีกนิดเดียวก็จะลื่นล้มลง
3    เพราะข้าพเจ้านึกอิจฉาคนหยิ่งยโส
        เมื่อเห็นความเจริญรุ่งเรืองของคนชั่ว
4    เขาเหล่านั้นไม่ต้องกังวลถึงความตาย
        ร่างกายของเขาสมบูรณ์แข็งแรง
5    เขาไม่มีความกังวลตามธรรมชาติมนุษย์
        ไม่ต้องมีความทุกข์ยากเหมือนมนุษย์อื่นๆ
6    ความหยิ่งยโสจึงเป็นดั่งสร้อยประดับคอของเขา
        ความรุนแรงเป็นดังเสื้อผ้าอาภรณ์
7    ความชั่วร้ายออกมาจากไขมันของเขา
        ความคิดชั่วร้ายล้นออกมาจากใจ
8    เขาหัวเราะเยาะและกล่าวร้าย
        หยิ่งยโสข่มขู่ผู้อื่น
9    เขาอ้าปากกลืนท้องฟ้า
        ลิ้นของเขาตวัดกวาดทั่วแผ่นดิน
10    เขาจึงนั่งในที่สูง
        แม้น้ำจะมาก ก็ท่วมไม่ถึงเขา
11    เขาถามว่า "พระเจ้าทรงทราบได้อย่างไร?
        พระผู้สูงสุดทรงทราบอะไรเล่า?"
12    คนชั่วก็เป็นเช่นนี้
        เขามีความสุขเสมอ มุ่งแต่สะสมทรัพย์สมบัติให้มากขึ้น
13    เป็นการเปล่าประโยชน์หรือที่ข้าพเจ้ารักษาใจให้สะอาดหมดจด
        และชำระล้างมือข้าพเจ้าเพื่อแสดงความบริสุทธิ์?
14    เพราะข้าพเจ้าถูกเฆี่ยนตีทุกวัน
        และถูกลงทัณฑ์ทุกยามเช้า
15    ถ้าข้าพเจ้าจะพูดว่า "ข้าพเจ้าจะพูดเหมือนเขาเหล่านั้น"
        ข้าพเจ้าคงจะทรยศต่อพงศ์พันธุ์ที่เป็นบุตรของพระองค์
16    เมื่อข้าพเจ้าพยายามเข้าใจเรื่องนี้
        ก็เห็นว่าเป็นเรื่องยาก
17    จนกระทั่งข้าพเจ้าเข้าไปยังสถานศักดิ์สิทธิ์fของพระเจ้า
        และเข้าใจถึงชะตากรรมของเขาเหล่านั้น
18    ใช่แล้ว พระองค์ทรงวางเขาไว้บนที่ลื่น
        ทรงทำให้เขาล้มลงจนพินาศ
19    เขาถูกทำลายอย่างฉับพลันอะไรเช่นนั้น
        เขาถูกกวาดล้างโดยสิ้นเชิงเพราะความหวาดกลัว
20    ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า เมื่อทรงลุกขึ้น
        ก็ทรงทำให้ภาพของเขาสูญหายไป
        เหมือนความฝันยามตื่นขึ้นมา
21    เมื่อใจข้าพเจ้าเป็นทุกข์
        และรู้สึกขมขื่น
22    ข้าพเจ้าเบาปัญญา ไม่เข้าใจ
        อยู่เฉพาะพระพักตร์เหมือนสัตว์hโง่เขลา
23    แต่ข้าพเจ้าอยู่กับพระองค์เสมอ
        พระองค์ทรงจับมือขวาของข้าพเจ้าไว้
24    ประทานคำปรึกษาแนะนำข้าพเจ้า
        แล้วจะทรงรับข้าพเจ้าไว้ในพระสิริรุ่งโรจน์
25    ยังมีใครอีกเล่าสำหรับข้าพเจ้าในสวรรค์?
        เมื่ออยู่กับพระองค์ ข้าพเจ้าไม่ปรารถนาสิ่งใดบนแผ่นดิน
26    แม้ร่างกายและจิตใจข้าพเจ้าอ่อนกำลัง
        พระเจ้าก็ทรงเป็นหลักศิลาแห่งดวงใจ
        ทรงเป็นทรัพย์สมบัติของข้าพเจ้าตลอดไป
27    ส่วนผู้ที่อยู่ห่างจากพระองค์จะต้องพินาศไป
        พระองค์ทรงทำลายผู้ที่ทรยศต่อพระองค์
28    ความดีของข้าพเจ้าคือการอยู่ใกล้พระเจ้า
        ข้าพเจ้าตั้งที่หลบภัยไว้ในพระยาห์เวห์ องค์พระผู้เป็นเจ้า
        เพื่อจะได้บอกเล่าถึงพระราชกิจทั้งสิ้นของพระองค์l