แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

เพลงสดุดีที่ 39
พระเจ้าทรงเป็นความหวังของมนุษย์


ใน สดด ประเภทอ้อนวอนบทนี้ ผู้ประพันธ์ป่วยหนักและเชื่อว่าตนจะต้องตายแน่ๆ เขาตั้งใจอยู่อย่างสงบเงียบ ไม่ร้องคร่ำครวญ เพื่อไม่ให้ศัตรูดีใจที่เขาประสบความทุกข์ แต่ในที่สุดเขาก็ทนเงียบอยู่ต่อไปไม่ได้ ต้องทูลถามพระเจ้าว่าเขายังมีชีวิตสั้นๆนี้เหลืออยู่อีกเท่าไร เขาไม่ได้บ่นว่าพระเจ้า เพียงแต่วอนขอพระองค์ให้อภัยบาปของเขาซึ่งเขาคิดว่าเป็นเหตุให้เขาต้องเจ็บป่วยเช่นนี้ เขาคิดว่าชีวิตของเขาเป็นเสมือนคนเดินทางซึ่งอยู่ที่นี่วันนี้และต้องจากไปวันรุ่งขึ้น คริสตชนอาจมีความรู้สึกโดดเดี่ยวเช่นนี้ได้ แต่เขาก็มีภาษีดีกว่าผู้ประพันธ์เพลงสดุดีบทนี้ เพราะเขามีความเชื่อในการกลับคืนพระชนมชีพของพระคริสตเจ้าซึ่งประทานความหวังและชีวิตแก่ทุกคนที่เป็นศิษย์ติดตามพระองค์
สำหรับหัวหน้านักขับร้อง ตามทำนองของเยดูธูน เพลงสดุดีของกษัตริย์ดาวิด



1    ข้าพเจ้ากล่าวว่า "ข้าพเจ้าจะควบคุมวิถีชีวิตไว้เพื่อจะได้ไม่ทำบาปด้วยคำพูด
    ข้าพเจ้าจะเอาขลุมครอบปากไว้ ตราบที่คนอธรรมอยู่ต่อหน้าข้าพเจ้า
2    ข้าพเจ้าทำตนเป็นคนใบ้ นิ่งเงียบ ไม่พูด
    แต่ความเจริญรุ่งเรืองของคนบาปbก็ทำให้ข้าพเจ้าทรมานใจมากยิ่งขึ้น

3    ใจของข้าพเจ้ารุ่มร้อนอยู่ภายใน
    เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ใจก็ลุกเป็นไฟ
    แล้วถ้อยคำก็พรั่งพรูออกมา
4    ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดให้ข้าพเจ้าได้รู้จุดจบ
        ว่าจะต้องมีชีวิตอยู่อีกนานเท่าใด
    โปรดให้ข้าพเจ้ารู้ว่าข้าพเจ้านั้นเปราะบางเพียงใด

5    ดูซิ พระองค์ประทานชีวิตแก่ข้าพเจ้าสั้นนัก
    ความยาวแห่งชีวิตของข้าพเจ้าไม่มีความหมายใดเลยเมื่อเทียบกับพระองค์
    มนุษย์ทุกคนเป็นเหมือนลมที่พัดมาเพียงวูบเดียว
6    ถูกแล้ว มนุษย์ทุกคนผ่านไปเหมือนเงา
    เขากระวนกระวายโดยไร้ประโยชน์
    สะสมทรัพย์สมบัติไว้ แต่ไม่รู้ว่าใครจะได้ใช้สมบัตินั้น

7    ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า บัดนี้ข้าพเจ้าจะหวังอะไรได้
    ความหวังของข้าพเจ้าอยู่ในพระองค์
8    ขอพระองค์ทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากความผิดทั้งปวง
    อย่าให้ข้าพเจ้าต้องเป็นเป้าให้คนโง่เง่าเย้ยหยัน
9    ข้าพเจ้าเงียบแล้ว ไม่พูดอะไรอีก
    เพราะพระองค์ทรงกระทำทุกอย่าง

10    โปรดทรงเลิก อย่าทรมานข้าพเจ้าอีกต่อไป
    ข้าพเจ้าถูกพระองค์โบยตีจนสิ้นแรงแล้ว
11    พระองค์ทรงแก้ไขความประพฤติของมนุษย์โดยลงโทษบาปของเขา
    ทรงทำลายทรัพย์สมบัติที่มนุษย์หวงแหนเหมือนกับมอดทำลาย
    ถูกแล้ว มนุษย์แต่ละคนก็เหมือนลมที่พัดมาเพียงวูบเดียว

12    ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทรงฟังคำอธิษฐานภาวนาของข้าพเจ้า
    โปรดเงี่ยพระกรรณฟังเสียงร้องขอความช่วยเหลือของข้าพเจ้า
    อย่าได้ทรงปิดพระกรรณจากเสียงร่ำไห้ของข้าพเจ้า
    เพราะข้าพเจ้าเป็นเสมือนคนแปลกหน้าสำหรับพระองค์
    เป็นคนร่อนเร่เหมือนบรรพบุรุษทั้งหลายของข้าพเจ้า
13    โปรดทอดพระเนตรสิ่งอื่น เพื่อข้าพเจ้าจะได้สดชื่นขึ้น
    ก่อนที่ข้าพเจ้าจะจากไปและไม่มีตัวตนอีกเลย