แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

12.    ภาวนาด้วยพระวรสาร – แบบนักบุญอิกญาซีโอ
    หนึ่งในวิธีอันลุ่มลึกที่สุดที่จะพบกับพระเยซูเจ้า คือการภาวนาในรูปแบบที่เรียกว่า “สมาธิจิตภาวนาแบบนักบุญอิกญาซีโอ” ตามแบบอย่างของนักบุญอิกญาซีโอ แห่งโลโยลา ผู้ก่อตั้งคณะเยสุอิต
ในระยะหลังนี้ วิธีเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์เช่นนี้กลายเป็นที่นิยมของประชาชนทุกกลุ่ม เพราะเป็นวิธีภาวนาที่รวดเร็ว มีพลัง และใช้ประสบการณ์ และไม่ได้เป็นเพียงการศึกษาพระคัมภีร์ด้วยสมอง แต่เป็นการพบปะกับพระคริสตเจ้าโดยใช้ทั้งตัวตนของผู้ภาวนา

    หลักการของการภาวนารูปแบบนี้ คือให้เรานำตนเองเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ในพระวรสาร พร้อมกับใช้ทุกประสาทสัมผัส คือการมองเห็น การดมกลิ่น การสัมผัส การได้ยิน และการลิ้มรส เราติดตามเหตุการณ์นั้นเหมือนเป็นผู้อยู่ร่วมในเหตุการณ์ เราได้กลิ่นลมทะเลที่เมืองคาเปอร์นาอุม รู้สึกร้อนจากแสงแดดที่ส่องลงมาบนศีรษะของเรา สัมผัสเสื้อผ้าเนื้อหยาบที่ประชาชนสวมใส่ และเห็นสีหน้าของพวกเขา ดังนั้น เราจึงเฝ้ามองเหตุการณ์จากภายในเรื่องราวนั้น ๆ มิใช่จากข้อความที่เราอ่านจากหนังสือ วิธีนี้ทำให้เราสามารถยืนต่อหน้าพระเยซูเจ้า และการสนทนากับพระองค์ อาจเป็นการพบปะอันมีค่าที่สุด และเป็นการภาวนาที่เป็นส่วนตัวมากที่สุด
    ไม่ใช่ทุกคนสามารถภาวนาเช่นนี้ได้ ตอนแรกเราอาจรู้สึกว่าเราใช้จินตนาการและจัดฉากมากเกินไป และการภาวนารูปแบบนี้อาจช่วยคุณไม่ได้ แต่ก็คุ้มค่าที่จะพยายามทำตามสักระยะหนึ่ง เมื่อเราเคยชิน
จนไม่รู้สึกแปลก และผ่อนคลาย การภาวนาแบบนี้อาจกลายเป็นวิธีภาวนาที่ลึกซึ้ง และซาบซึ้งใจ และสามารถนำไปสู่การค้นพบต่าง ๆ เกี่ยวกับตัวเรา และพระเจ้า

คำถาม
    คุณยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า!? เพราะถ้าคุณมีชีวิต ประสาทสัมผัสทุกส่วนของคุณย่อมกำลังทำงานโดยอัตโนมัติเพื่อช่วยให้คุณเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวคุณ และช่วยให้คุณมองเห็น และแยกแยะองค์ประกอบของสถานการณ์หนึ่งได้ นี่คือสิ่งที่คุณจำเป็นต้องใช้ในสมาธิจิตภาวนาแบบนักบุญอิกญาซีโอ และบางทีอาจต้องใช้มากกว่าปกติเล็กน้อย

ลองทำดู
    นั่งในท่าที่สบายที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของคุณ (ดูบทที่ 8) เลือกเรื่องหนึ่งในพระคัมภีร์ และอ่านช้า ๆ อย่างตั้งใจ จากนั้นให้วางพระคัมภีร์ลง ปิดตา และวาดภาพในใจถึงเหตุการณ์ที่คุณเพิ่งจะอ่าน แต่ครั้งนี้ ให้ใช้ประสาทสัมผัสทุกส่วนของคุณ และการตอบสนองทางอารมณ์เพื่อเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้น – คุณมองเห็นประชาชน คุณฟังสิ่งที่เขากำลังพูดกัน และสังเกตว่าเขาพูดด้วยน้ำเสียงอย่างไร คุณเฝ้าดูปฏิกิริยาของประชาชน สังเกตภาษากายของเขา สังเกตว่าตัวคุณเองรู้สึกอย่างไร เป็นต้น
    เมื่อใกล้จะจบเรื่อง คุณอาจขยับเข้าไปใกล้พระเยซูเจ้าให้มากขึ้น (ถ้าเป็นเรื่องที่พระองค์ทรงอยู่ในเหตุการณ์ด้วย) และให้เริ่มสนทนากับพระองค์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้น และบอกว่ามันมีผลกระทบต่อคุณอย่างไร ปล่อยให้การสนทนา (การภาวนา) นั้นดำเนินไปจนกว่าจะหยุดไปเอง ก่อนที่คุณจะจากพระเยซูเจ้า และค่อย ๆ ถอยออกมาจากสถานการณ์นั้น จากนั้น ให้ไตร่ตรองว่าคุณได้เรียนรู้ และเข้าใจอะไรบ้าง และขอบพระคุณพระเจ้า

ตัวอย่าง : พระเยซูเจ้าทรงรักษาคนอัมพาต (มก 2:1-12)
    คุณกำลังนั่งอยู่ในบ้านหลังนั้น ซึ่งเต็มไปด้วยผู้คน ... ให้มองไปรอบ ๆ ฝูงชนขณะที่คนอื่น ๆ ยังพยายามเบียดเสียดเข้ามาภายใน ... สังเกตเสื้อผ้าของเขา ... ผ้าเนื้อหยาบของบุคคลที่อยู่ข้างตัวคุณ ... สีหน้าของพวกเขา ... ในห้องอากาศร้อน และมืด เพราะเต็มไปด้วยประชาชน ... ทุกคนมองไปในทิศทางเดียวกัน ... จงมองตามสายตาของเขาไป ... มองที่บุคคลที่ทุกคนกำลังมองเป็นตาเดียวกัน ... คุณสังเกตเห็นอะไรในตัวเขา ... สังเกตให้ดี ... เขาทำให้คุณรู้สึกอย่างไร
    บัดนี้ ฟังคำพูดของชายคนนี้ว่าเขากำลังพูดอะไร ... เขาพูดอย่างไร ... พูดดัง หรือเบา ... พูดอย่างผ่อนคลาย หรือเร่งรัด ... เขายิ้ม หรือหัวเราะ หรือหน้านิ่ว ... มองไปที่ฝูงชนอีกครั้งหนึ่ง ... พวกเขาแสดงปฏิกิริยาอย่างไร...
    มีเสียงดังขึ้น ... ดังมาจากข้างบนหรือ กำลังเกิดอะไรขึ้นข้างบนนั้น ... คุณเห็นอะไรเมื่อคุณเงยหน้าขึ้นมอง ... บรรยากาศในห้องเป็นอย่างไร เมื่อคนในห้องเห็นว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ... เฝ้าดูวิธีการที่เขา
ค่อย ๆ หย่อนแคร่ที่คนอัมพาตนอนอยู่ลงมา ... คนที่นั่งอยู่ข้างใต้
ทำอะไร ... แล้วหันกลับไปมองที่พระอาจารย์ พระเยซูเจ้า ... พระองค์แสดงท่าทีอย่างไรเมื่อทรงมองเหตุการณ์นี้ ... พระองค์ทรงขบขัน ครุ่นคิด ยินดีที่เห็นเช่นนี้ – หรืออะไร
    บัดนี้ คนอัมพาตลงมาถึงพื้นห้องแล้ว ... จงมองเขาอย่างตั้งใจ มองสีหน้าของเขา ความพิการของเขา ... คุณสังเกตเห็นอะไร ... และพวกคนที่หย่อนแคร่ลงมา ... เขาอยู่ที่ไหนในเวลานี้ เขากำลังทำอะไร ...
พระเยซูเจ้ากำลังตรัสกับชายคนนั้นอย่างเคร่งขรึม ... พระองค์ตรัสอะไร ... คำพูดของพระองค์ฟังดูแปลกหรือไม่ หรือเป็นธรรมชาติมาก
    บัดนี้ ให้รับรู้ว่าเกิดความวุ่นวายขึ้นในกลุ่มคนที่นั่งอยู่ที่มุมห้อง ... พวกเขาเป็นใคร ... คุณสังเกตเห็นเขาก่อนหน้านี้หรือไม่ ... ดูเหมือนเขาจะไม่พอใจ ... ทำไม ... สังเกตภาษากายของเขา ... และดูสีหน้าของ
พระเยซูเจ้าด้วย ... พระองค์ตรัสกับเขาอีกครั้งหนึ่งอย่างหนักแน่น ...
ฟังการโต้ตอบอย่างฉุนเฉียว ... รับรู้บรรยากาศในห้อง ... บัดนี้
พระเยซูเจ้า หันมาตรัสกับชายที่นอนอยู่บนแคร่ ฟังน้ำเสียงของพระองค์ ... เฝ้าดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ... ดูชายคนนั้นลุกขึ้นแบกแคร่ และเดินออกไปอย่างไม่ค่อยมั่นคงนัก ...
    เกิดเสียงอึกทึกขึ้นทั่วห้อง ... ประชาชนพูดกันอย่างตื่นเต้น
แปลกใจกับสิ่งที่เขาเห็น ... คุณค่อย ๆ เดินเบียดฝูงชนเข้าไปหา
พระเยซูเจ้า ... ดูเหมือนว่าพระองค์กำลังรอคุณอยู่ ... พระองค์มองมาที่คุณ ... คุณเห็นอะไรในพระพักตร์ของพระองค์ ... คุณรู้สึกอย่างไร ... คุณอยากพูดอะไรกับพระองค์ ... พูดเรื่องการอภัยบาป หรือการรักษาโรค หรือพูดเรื่องอะไร ... พระองค์ทรงตอบคุณว่าอะไร ... และทรงตอบอย่างไร ... คุณตอบพระองค์อย่างไร ... อย่ารีบร้อนกับการสนทนานี้ เวลาหยุดนิ่ง ... เพียงแต่พูดคุยกันให้นานเท่าที่จำเป็น
    ถึงเวลาต้องถอยออกมาแล้ว ... เวลาเริ่มเดินหน้าไปอีกครั้งหนึ่ง ... คุณค่อย ๆ เบียดฝูงชนออกมาจากห้องที่แออัดนั้น ... ออกมาสัมผัสกับอากาศสดชื่นในเวลากลางคืน ... ยืนอยู่ที่นั่น หรือจะเดินทอดน่องออกมาก็ได้ ... แต่ไม่ว่าจะทำอะไร จงจำไว้ว่าคุณเพิ่งได้เห็นอะไร และได้ยินอะไร ... จงจำไว้ และคิด ... นั่นคือจุดสำคัญ ... คุณจะทำอะไรกับสิ่งที่คุณเห็น และได้ยิน
    บัดนี้ ให้อยู่เงียบ ๆ สักครู่หนึ่ง และพักผ่อนในการประทับอยู่ของพระเจ้า