แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

70c81a6780ab075b8ded10f4e489f189

การภาวนาคืออะไร

  • เป็นการยกจิตใจและดวงใจขึ้นหาพระเจ้า หรือเป็นการร้องขอสิ่งที่ดีจากพระเจ้า บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ที่แสดงความรักของลูกๆของพระเจ้ากับพระบิดา พระบุตรและพระจิต

 

เราควรจะสวดภาวนาอย่างไร

  • ครั้งหนึ่งบรรดาอัครสาวกเห็นพระเยซูเจ้าสวดภาวนา ก็เลยพูดกับพระองค์ว่า “พระเจ้าข้า โปรดสอนเราให้อธิษฐานภาวนา” (ลูกา 11:1) เช่นเดียวกับบรรดาอัครสาวก เราควรร้องขอเช่นเดียวกัน ให้เราดูว่าพระเจ้าของเราสวดภาวนาอย่างไร

 

พระเยซูเจ้า และบทภาวนา

  • บ่อยครั้งที่พระเยซูเจ้าแยกตัวออกไปเพื่อสวดภาวนาในความเงียบสงบ บนภูเขา หรือเวลากลางคืน (มัทธิว 1 : 35, 6:46, ลูกา 5 : 16)
  • พระเยซูเจ้าสวดภาวนาเมื่อถึงเวลาตัดสินใจในงานพันธกิจของพระองค์ รับพิธีล้างของพระองค์ (ลูกา 3:21) การแสดงองค์อย่างรุ่งโรจน์ (ลูกา 9 : 28) ในขณะรับการทรมานของพระองค์ (ลูกา 22:31-33) ก่อนการเลือกอัครสาวก (ลูกา 6 : 12) ก่อนการประกาศความเชื่อของนักบุญเปโตร (ลูกา 9 : 18) 
  • พระเยซูเจ้าสวดภาวนาด้วยความไว้ใจ (ยอห์น 11 : 41-42) 
  • พระเยซูเจ้าสวดภาวนาสําหรับคนอื่น (ลูกา 23 : 34)

 

รูปแบบของการภาวนา

1. การนมัสการและเทิดทูน เรารับรู้ว่าเราเป็นผู้ถูกสร้างต่อหน้าผู้สร้าง และถวายแด่พระองค์ ซึ่งความจงรักภักดีและความเคารพนับถือ

2. การวอนขอ เราขอเพื่อได้รับการให้อภัยและเพื่อความต้องการอื่นๆ

3. การวิงวอนขอพระเมตตา เราสวดภาวนาเพื่อความต้องการฝ่ายจิต ฝ่ายกายหรือทางอารมณ์ของตนเองและผู้อื่น

4. การขอบพระคุณ เรายกดวงใจและจิตของเราขึ้นหาพระเจ้า สําหรับพระพรที่เราและคนอื่นได้รับ

 

การแสดงออกของคําภาวนา

1. การภาวนาที่เป็นคําพูด โดยคําพูด ในใจหรือออกเสียง คําภาวนาของเราก็เกิดได้

2. การรําพึง จิตแสวงหาที่จะเข้าใจชีวิตคริสตชนว่าเป็นอย่างไรและทําไม เพื่อจะได้ยินและตอบสนองต่อสิ่งที่พระเจ้ากําลังทรงเรียกร้องจากเรา

3. การภาวนาแบบสมาธิ ตามคําอธิบายของนักบุญเทเรซาแห่งพระเยซูเจ้า รูปแบบการสวดภาวนานี้ไม่มีอะไรมากกว่าการมีส่วนร่วมใกล้ชิดระหว่างเพื่อน หมายถึงใช้เวลาบ่อยๆ ในการอยู่คนเดียว กับคนที่เรารู้ว่ารักเรา 

 

  • การสวดภาวนานั้นเป็นการฟังมากกว่าการพูด ในคําภาวนา เราต้องพยายามทําตามคําแนะนําที่ฉลาด ดังที่ประกาศกเอลีบอกกับซามูเอล “ข้าแต่พระยาห์เวห์ตรัสมาเถิด ผู้รับใช้ของพระองค์กําลังฟังอยู่” (1 ซามูแอล 3:10) บ่อยครั้งที่เรามีทัศนคติที่ผิดๆ และในคําภาวนาเราจะสวดว่า “โปรดสดับฟังข้าแต่พระเจ้า คนรับใช้ของพระองค์กําลังพูดอยู่ขณะนี้”

 

สวดภาวนาอย่างไร

1. อยู่ที่ไหนสวดที่นั่น พระเจ้าอยู่ทุกหนแห่งและพร้อมที่จะฟังเสมอ 

2. สวดภาวนาทุกครั้งที่เป็นไปได้ในที่สงบเงียบที่คุณได้อยู่คนเดียว เป็นการดีที่จะตั้งจิตใจมุ่งตรงไปถึงพระเจ้า ไม่วอกแวก

3. สวดภาวนาถึงพระเจ้าแบบง่ายๆ และเป็นธรรมชาติ เหมือนคุยกับเพื่อน บอกพระองค์ว่าคุณมีอะไรในใจ ขอความช่วยเหลือจากคําภาวนาสําหรับผู้อื่นด้วย

4. สวดภาวนาโดยคํานึงถึงสิ่งดีๆ ที่พระเจ้าได้ทรงกระทําเพื่อคุณ ตอบสนองการวอนขอของคุณและขอบคุณพระเจ้าสําหรับพระพรเหล่านั้น

5. สวดภาวนาขอการโปรดให้อภัยสําหรับการทําสิ่งไร้ค่าของคุณ พระเจ้านั้นจะอยู่ใกล้หัวใจที่สุภาพและเสียใจในความผิดของตนเสมอ

6. จงสวดภาวนาเพื่อสิ่งที่คุณต้องการ เป็นต้นสําหรับสิ่งที่จะทําให้ชีวิตของคุณดีขึ้นและเป็นเหมือนองค์พระเยซูคริสตเจ้ามากยิ่งขึ้น

7. จงสวดภาวนาเพื่อคนอื่น ระลึกถึงสถานการณ์ที่พวกเขาได้ประสบ และความช่วยเหลือที่พวกเขาต้องการ

8. สวดภาวนาเพื่อความต้องการของโลก วอนขอพระองค์โปรดประทานสิ่งที่ดีกว่า และเสนอสิ่งที่คุณจะช่วยพระองค์ทําด้วย

9. เหนือสิ่งอื่นใด ให้เราภาวนาสําหรับประสงค์ของพระเจ้าต่อตัวคุณและโลก พระประสงค์ของพระองค์ลึกซึ้งกว่าและฉลาดกว่าสิ่งใดที่เราคิดได้

10. จงสวดภาวนาและแล้วเริ่มตอบคําภาวนาของคุณ

 

บัญญัติสิบประการของการสวดภาวนา

1. เรียบๆ : พูดกับพระเหมือนที่คุณพูดกับคนในครอบครัวของคุณ 

2. ทําอย่างเป็นธรรมชาติ : ภาวนาได้ทุกที่ทุกเวลา 

3. ช้าๆ : ช้าในการพูด และเร็วในการฟัง

4. จริงใจ : เราจริงใจที่สุดกับตัวเอง จงพูดกับพระเจ้าแบบนั้นแหละ

5. แบบพระคัมภีร์ : “พระคัมภีร์ทั้งหมดได้รับการดลใจจากพระเจ้า เพื่อนําทางชีวิตของประชาชนและสอนพวกเขาให้เป็นคนศักดิ์สิทธิ์” ( 2 ทิโมธี 3 : 16)

6. กําหนดเวลา : “วันหนึ่ง เวลาบ่ายสามโมง เปโตรและยอห์นกําลังขึ้นไปที่พระวิหารเพื่ออธิษฐานภาวนา” (กิจการ 3 : 1)

7. ปรับให้ตรง : “...พระจิตเจ้าจะทรงสอนท่านในเวลานั้นว่าจะต้องพูดอะไร” (ลูกา 12:12)

8. หมู่คณะ : “ถ้าสองคนในพวกท่านบนโลกยินยอมขออะไรเพื่อทุกคนก็จะได้รับ...” (มัทธิว 18:19)

9. พึ่งพาพระจิตเจ้า : “จงคอยรับพระพรที่พระบิดาทรงสัญญาไว้...ท่านจะได้รับพิธีล้างเดชะพระจิตเจ้า” (กิจการ 1 : 4-5)

10. ลิ้มรส : “...จงปีติยินดีในพระเจ้า และพระองค์จะประทานตามใจปรารถนาของท่าน” (สดุดี 37 : 4)

 

อุปสรรคบางประการสําหรับการภาวนาที่มีประสิทธิภาพ

1. ความเห็นแก่ตัว

  • การล่อลวงให้ขอเพียงประโยชน์ส่วนตนเท่านั้น
  • ความสับสนเกี่ยวกับ “เลวร้าย” และ “ไม่เป็นที่พอใจ” ในชีวิตของเรา

2. การขาดความเชื่อ

  • ขาดความไว้ใจเมื่อเราไม่ได้ตามความประสงค์
  • คิดว่าคําภาวนาของเรา “เล็กน้อย” เกินไปและ “ไม่สําคัญ”

3. ความไม่อดทน

  • การคาดหวังผลลัพธ์จากคําภาวนาในทันที
  • ขอเวลาจากพระโดยไม่ให้เวลาของเราแก่พระองค์

4. ความไม่ซื่อสัตย์

  • การขาดความจริงใจ
  • การปกปิดแทนที่จะเปิดเผย

5. ความไม่รู้

  • ลืมว่าพระเจ้ามีพระประสงค์ของพระองค์เองสําหรับสิ่งต่างๆ
  • ลืมว่าเรามักไม่มีคําตอบที่ “ถูกต้อง” เสมอไป

6. จิตไม่ให้อภัย

  • เก็บ “ความรู้สึกเจ็บปวด” ที่จะประณาม ลงโทษ แทนที่จะยกโทษ 
  • คิดว่าตัวเราเอง “ศักดิ์สิทธิ์กว่า” คนอื่น

 

หลีกเลี่ยงทั้งหมดเหล่านี้ !

 

การภาวนาที่เกิดประสิทธิภาพ

ไม่ใช่การพูดหรือท่องบ่น แต่เป็นการสวดภาวนาจริงๆ

1. เตรียมตัว

  • ในหัวใจ และ จิตใจ
  • ทิ้งภาระหน้าที่อื่นทั้งหมด
  • ใช้พระคัมภีร์ให้เป็นประโยชน์

2. ไว้ใจ

  • สวดภาวนาด้วยความเชื่อ

3. มีวินัย

  • สม่ำเสมอ
  • ไม่เลิกง่าย
  • เพียรพยายาม
  • การวางตัว

4. พร้อมรับ

  • ฟังพระเจ้า
  • นบนอบพระดํารัสของพระองค์

 

ตรัสเถิด พระเจ้าข้า ! ข้ารับใช้ของพระองค์กําลังฟังอยู่พระเจ้าข้า !

(1 ซามูเอล 3:9)

 

ที่มา หนังสือการเดินทางสู่ความเชื่อ