แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

บทที่ 2 คุณธรรมของพระสงฆ์ตามแบบพระคริสตเจ้า 

1. ความถ่อมตน
    เราสามารถพูดโดยใจจริงกับชาวยิวว่า “เราไม่แสวงหาเกียรติของเรา” (ยน 8:50) ด้วยเหตุนี้ ท่านต้องไม่แสวงหาเกียรติของท่านเอง แต่แสวงหาเกียรติของเรา เมื่อใดก็ตามที่ท่านปฏิบัติศาสนบริการของท่าน แล้วใส่ใจกับการแสวงหาเกียรติให้ตัวท่านเอง ท่านก็ได้ฉกฉวยสิ่งที่เป็นของเราไปและสิ่งซึ่งเราไม่ปรารถนาจะแบ่งปันให้กับผู้อื่น  ดังพระวาจาที่ว่า “เกียรติของเรา เราไม่มอบให้กับผู้อื่น” (อสย 42:8) ด้วยการสังเกตอย่างถี่ถ้วน ท่านจะเห็นความจริงว่า ศาสนบริกรที่ทะนงตนของเราไม่สามารถทำสิ่งใดที่ดีจริงได้  เพราะเราไม่พอใจการหาประโยชน์จากการรับใช้ของพวกเขา ผู้ที่แสวงหาเกียรติของตนจะตกอยู่ในความวุ่นวาย เนื่องจากถ้อยคำของเราต้องเป็นความจริง คือ “ผู้ใดยกตนขึ้น จะถูกกดให้ต่ำลง” (ลก 18:14)
    เพื่อให้เป็นแบบอย่างแก่ท่าน เราตักเตือนคนโรคเรื้อนที่ได้รับการรักษาให้หายว่า “ระวัง อย่าบอกให้ใครรู้เลย” (มธ 8:4) หลังจากรักษาชายตาบอดสองคน เราได้กำชับพวกเขาให้เก็บเงียบไว้ ด้วยถ้อยคำที่ว่า “ระวัง อย่าบอกให้ใครรู้เรื่องนี้” (มธ 9:30) เราได้สั่งแบบเดียวกันนี้เมื่อเรานำชีวิตกลับคืนมาให้กับเด็กหญิงที่ตายไปแล้ว ตามที่ปรากฏในพระวรสารว่า “พระองค์ทรงกำชับอย่างแข็งขันมิให้แพร่งพรายเรื่องนี้แก่ผู้ใด” (มก 5:43) ดังนั้น ท่านจงพยายามอย่างสุดกำลังที่จะซ่อนสิ่งที่จะนำไปสู่เกียรติของท่าน
    ในอีกแง่หนึ่ง อย่าปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือที่ต่ำต้อยใดๆ อันมีเจตนาเพื่อเพื่อนบ้านของท่าน จำได้ไหมว่าในระหว่างอาหารค่ำมื้อสุดท้ายนั้นเป็นอย่างไร เราล้างเท้าของบรรดาศิษย์ของเรา ดังที่เรากล่าวไว้ว่า “ในเมื่อเราซึ่งเป็นทั้งองค์พระผู้เป็นเจ้าและอาจารย์ยังล้างเท้าของท่าน” (ยน 13:14) พิจารณาการกระทำอันเป็นแบบอย่างนี้ แล้วท่านจงดูเถิดว่า งานเมตตาลักษณะใดจะทำลายชื่อเสียงที่ดีของท่าน ดังนั้น ในการแพร่ธรรมของท่าน อย่าปฏิเสธที่จะเป็นผู้รับใช้ในทุกอย่าง จงระลึกไว้ว่า เรา “มิได้มาเพื่อให้ผู้อื่นรับใช้ แต่มาเพื่อรับใช้ผู้อื่น” (มธ 20:28) ยิ่งกว่านั้น อย่าโอดครวญถ้าเราให้ท่านเป็นผู้ที่ถูกโลกลืมและไม่สนใจ เพื่อว่า ผู้ที่อาวุโสกว่าท่านจะได้ไม่ใช้ความสามารถพิเศษต่างๆ ของท่าน เพื่อการช่วยเหลือบางอย่างที่น่าชื่นชม พึงจำไว้ว่าชีวิตส่วนตัวและชีวิตที่ซ่อนเร้นของเรานั้นมีอยู่จนถึงอายุ 30 ปี เรามิได้เทศน์สอน ไม่มีศิษย์ ไม่ได้กระทำอัศจรรย์ เราเป็นที่รู้จักในฐานะบุตรชายของช่างไม้ อย่างที่ผู้คนกล่าวว่า “เขาเป็นลูกช่างไม้มิใช่หรือ?” (มธ 13:55)        ด้วยวิธีการนี้เราได้ถวายเกียรติแด่พระบิดาของเรามากมายจริงๆ
    ถ้าท่านคงอยู่ในความถ่อมตนและยอมรับความไม่มีชื่อเสียงและการถูกลืม ท่านจะมอบสิริรุ่งโรจน์ที่ยิ่งใหญ่ให้กับเราอย่างที่ท่านไม่สามารถนึกคิดได้ เราไม่ต้องการสิ่งใด และเรารับเกียรติเฉพาะจากผู้ที่ปฏิบัติตามความประสงค์ของเรา เมื่อฝูงชนประหลาดใจในความสามารถในทุกเรื่องของเรา และต้องการนำเราไปเพื่อแต่งตั้งเราให้เป็นกษัตริย์ เราถอนตัวออกไปอยู่บนภูเขาตามลำพัง (ยน 6:15) ดังนั้น จงพิจารณาเถิดว่า เป็นการสมควรหรือที่ท่านจะหวังศักดิ์ศรีและเกียรติในบรรดาประชากรของเรา ถ้าเราปรารถนาที่จะยกท่านขึ้น เราเองจะเป็นผู้ยกท่านขึ้น เนื่องจากเราเต็มใจ ดังที่เราได้กล่าวแล้วว่า “เรายกคนยากจนขึ้นมาจากฝุ่นดิน และยกคนขัดสนขึ้นมาจากกองขี้เถ้า” (สดด 113:7) เท่าที่ความถ่อมตนยังเป็นสิ่งที่ท่านใส่ใจ จงคิดรำพึงถึงคำสั่งสอนนี้ “จงเรียนรู้จากเรา เพราะเรามีใจสุภาพอ่อนโยนและถ่อมตน” (มธ 11:29)
    ท่านควรถามเราต่ออีกถึงเรื่องความถ่อมตนของจิตใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ท่านต้องหามาให้ได้ไม่ว่าจะโดยวิธีใด ความถ่อมตนภายนอกที่เป็นการเสแสร้ง โดยปราศจากความถ่อมตนของจิตใจ ก็ไม่มีความหมายอะไรนอกจาการหลอกลวง และความหยิ่งที่ถูกปกปิดไว้ จงรู้จักตัวของท่านเอง โดยพิจารณาความทุกข์ยาก, ความโน้มเอียงในทางไม่ดีและบาปของท่าน ใคร่ครวญถึงบาปต่างๆ ที่ท่านได้กระทำอย่างรู้ตัวและเต็มใจ และพิจารณาความชั่วที่ท่านกระทำด้วยความเลินเล่อ เพราะความหยิ่งของท่านทำให้ท่านไม่เข้าใจความจริง จงไตร่ตรองดูว่าอะไรเป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดซึ่งท่านจะกระทำถ้าพระหรรษ-ทานของเรามิได้ยับยั้งท่านไว้
    จงพิจารณาอย่างถี่ถ้วนเถิดว่าท่านไม่มีอะไรที่เป็นของท่านอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นความดีตามธรรมชาติหรือเหนือธรรมชาติ, ท่านจึงเป็นสิ่งที่ไม่มีความหมายและอาจจะเลวร้ายยิ่งกว่าสิ่งที่ไม่มีความหมาย เพราะสิ่งที่ไม่มีความหมายนั้นไม่มีความมุ่งร้ายและความชั่วร้าย จงเพียรพยายามอยู่เสมอที่จะระงับความหยิ่งของท่าน และถ่อมตัวลงจนมีความถ่อมตนอันศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง เพื่อท่านจะได้รู้จักตนเอง แล้วท่านจะเข้าถึงความถ่อมตนแท้จริงของจิตใจ ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่ท่านต้องเรียนรู้จากเรา และเพียงมีจิตใจที่ถ่อมตนเท่านี้ท่านก็สามารถใช้เป็นพื้นฐานสำหรับการสร้างคุณธรรมอื่นๆ ทุกประการ