แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

11. การภาวนา
    พึงระลึกถึงการมีชีวิตของเราในฐานะพระเจ้า เนื่องจากเราเป็นพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่เรื่อยมา ดังนี้คือ “พวกเขาจะเรียกนามของท่านว่า อิมมานูเอล แปลว่า พระเจ้าสถิตกับเรา” (มธ 1:23) เพราะความยิ่งใหญ่ของเรา เราจึงอยู่ในวิญญาณของท่านเสมอ แต่จะมากขึ้นอีกถ้าท่านอยู่ในสถานะที่ได้รับความกรุณา ยิ่งกว่านั้น ถ้าท่านอุทิศตนในการภาวนา บางครั้งบางคราวท่านจะได้รับความยินดีฝ่ายจิต และความหวานชื่นแห่งความรักของเรา ด้วยการระลึกไว้ว่า หัวใจของท่านคือที่ประทับของเราผู้เป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ตลอดไป ท่านควรภาวนาด้วยการอุทิศตนและด้วยความมุ่งมั่น บางโอกาสเราจะให้ท่านรู้สึกว่าเราคือ อิมมานูเอล ซึ่งเป็นพระเจ้าที่อยู่กับท่าน
    จงเฝ้าสังเกตบทเรียนพิเศษและแบบอย่างในเรื่องสาระและวิธีการภาวนาของเรา ในขณะที่คำนึงถึงเรื่องการภาวนาส่วนรวม ท่านควรยอมรับเอากฎเกณฑ์ต่างๆ ของพระศาสนจักรของเรา ที่ได้รับการนำทางจากพระจิตมาเป็นแนวทางการปฏิบัติ กำหนดเวลาและรูปแบบของการภาวนานั้น เมื่อคำนึงถึงเรื่องการภาวนาส่วนตัว ท่านควรฝึกฝนเพื่อให้เกิดความร้อนรนฝ่ายจิต จงพิจารณาดูว่าเราภาวนาในสวนมะกอกและบนกางเขนอย่างไร สาระสำคัญของการภาวนาของเราคือ ความเป็นเหมือนพระประสงค์ของพระบิดา และการยอมละทิ้งทุกสิ่งเพื่อพระประสงค์ของพระบิดาของเรา ในสวนเกทเสมนี เราพูดกับพระบิดาว่า “ขออย่าให้เป็นไปตามใจข้าพเจ้า แต่ให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์เถิด” (มธ 26:39) บนไม้กางเขน เรากล่าวว่า “พระบิดาเจ้าข้า ข้าพเจ้ามอบจิตของข้าพเจ้าไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์” (ลก 23:46)  ดังนั้น ท่านอาจจะขอเพื่อสิ่งดีทุกอย่าง แต่จงปล่อยให้ทุกๆ การภาวนาของท่านนำท่านไปสู่การทำให้ความประสงค์แบบพระเจ้าของเราประสบความสำเร็จ และมอบตัวท่านทั้งครบไว้ในมือของเรา
    ในเรื่องที่เกี่ยวกับวิธีและรูปแบบของการภาวนา ขอให้ท่านสังเกตว่า ในสวนมะกอกนั้น เรากล่าวซ้ำคำภาวนาของเราถึงสามครั้ง ตามที่มีบันทึกว่า “พระองค์ทรงอธิษฐานภาวนาอย่างเดียวกันเป็นครั้งที่สาม” (มธ 26:44) ดังนั้น ท่านควรเรียนรู้ว่าเป็นการดีที่จะกล่าวซ้ำคำขอเดียวกัน พร้อมด้วยความรักและความไว้วางใจที่เจริญขึ้นเรื่อยไป ยิ่งกว่านั้น เราเคยลุกขึ้นแต่เช้าตรู่เพื่อภาวนาเพียงลำพัง อย่างที่เล่าว่า “พระองค์ทรงลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ เสด็จออกจากบ้านไปยังที่สงัด และทรงอธิษฐานภาวนาที่นั่น” (มก 1:35) บ่อยครั้งที่เราภาวนาตลอดทั้งคืน “และพระองค์ทรงอธิษฐานภาวนาต่อพระเจ้าตลอดทั้งคืน” (ลก 6:12) จงพยายามทุกวิถีทางเพื่อเลียนแบบอย่างของเรา ลุกขึ้นแต่เช้าตรู่เพื่อภาวนา และมากที่สุดเท่าที่ทำได้ในสถานที่ที่สามารถอยู่ได้เพียงลำพัง เพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งที่กวนใจ สถานที่นี้อาจจะเป็นห้องส่วนตัวของท่านเอง คือ “ส่วนท่าน เมื่ออธิษฐานภาวนา จงเข้าไปในห้องส่วนตัว ปิดประตู อธิษฐานต่อพระบิดาของท่านผู้สถิตอยู่ทั่วทุกแห่ง” (มธ 6:6)
    ถึงแม้ท่านจะมิได้ใช้เวลาหลายชั่วโมงในตอนกลางคืนเพื่อสวดภาวนา อย่างไรก็ตาม เมื่อท่านตื่นขึ้น จงยกจิตใจของท่านขึ้นหาเรา พร้อมกับมอบความรู้สึกที่ดีอันเกิดจากการภาวนาอย่างกระตือรือร้นแก่เรา จงใส่ใจในถ้อยคำของประกาศกของเราที่ว่า “มาเถิด จงถวายพระพรแด่พระยาห์เวห์ ท่านทั้งหลายผู้รับใช้พระยาห์เวห์ ท่านผู้คอยปรนนิบัติรับใช้อยู่ในบ้านของพระยาห์เวห์ตลอดคืน จงยกมือของท่านไปทางสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และถวายพระพรแด่พระยาห์เวห์” (สดด 134:1-2)
    เนื่องจากท่านมีชีวิตอยู่ท่ามกลางสิ่งล่อใจและสิ่งที่ไร้สาระของโลก ท่านต้องการการภาวนาแบบรำพึงด้วย เพื่อท่านจะได้ไม่ถูกหลอกลวงให้หลงลืมในหลักศีลธรรมที่เป็นจริงเสมอ และหัวใจของท่านจะได้ไม่ถูกชักนำไปในทางชั่ว โดยอาศัยการภาวนาแบบรำพึง ท่านได้เรียนรู้เพื่อจะเข้าใจถึงความว่างเปล่าของสิ่งต่างๆ ในโลก และความประเสริฐของทรัพย์สมบัติในสวรรค์ ด้วยเหตุนี้ พระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของเราและบรรดานักบุญจึงเคี่ยวเข็ญให้ท่านภาวนา ในการรำพึง ท่านได้เรียนรู้เพื่อจะได้รับความยินดีจากการประทับอยู่อย่างมีชีวิตชีวาของเรา แล้วประกายแห่งความรักจะปลุกหัวใจของท่าน และจิตของท่านจะเป็นหนึ่งเดียวกับจิตของเรา นอกจากนั้น คำภาวนาของท่านจะลอยขึ้นไปเหมือนกลิ่นหอมที่น่าพอใจในสายตาของเรา คำภาวนานั้นจะคล้ายคำภาวนาของเรา และท่านจะไม่แสวงหาสิ่งใดนอกจากความประสงค์ของเรา
    จงเตรียมตัวของท่านเองเพื่อโครงการและกิจการที่สำคัญของท่านด้วยการสวดภาวนาเป็นพิเศษ ดังที่เราได้กระทำเพื่อสอนท่าน ตัวอย่างเช่น เราเตรียมตัวด้วยการสวดภาวนาเป็นพิเศษเพื่อการเรียกบรรดาอัครสาวกของเรา และก่อนการรับทรมานของเรา (ลก 6:12; มธ 26:44) ด้วยวิธีนี้ ท่านจะได้รับความสำเร็จของแผนการอันบริสุทธิ์ต่างๆ ของท่าน แม้ว่าจะเป็นการกระทำที่เล็กน้อยของท่าน ท่านก็จะทำให้สิ่งที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลายสำเร็จได้ในนามของเรา
    ในที่สุด นอกจากการภาวนาประจำวัน และการภาวนาเพื่อความต้องการที่พิเศษแล้ว การภาวนายังเหมาะสำหรับช่วงเวลาแห่งการฝึกฝนจิตของท่าน เพื่อให้ท่านได้พักจากงานแพร่ธรรมและอยู่กับการทำตัวของท่านให้ศักดิ์สิทธิ์ บางครั้งการภาวนาก็เกิดขึ้นเมื่อจิตของท่านทำงานหนักเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น ทำให้ตนเองเหนื่อย จึงเป็นการเหมาะสมที่ศาสนบริกรของเราจะหยุดพักการเอาใจใส่ดูแลเพื่อนบ้านเป็นครั้งคราว เพื่อมาพักผ่อนในสายตาของเราและดูแลตนเอง หลังจากที่บรรดาอัครสาวกของเรากลับมาจากการแพร่ธรรมและรายงานทุกอย่างที่พวกเขาได้กระทำและสอน เรากล่าวกับพวกเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงมาพักผ่อนกับเราตามลำพังในที่สงัดสักระยะหนึ่งเถิด” (มก 6:30-31) เวลาที่ใช้พักผ่อนร่วมกับเรานี้ไม่ได้เป็นช่วงเวลาที่จะอยู่เฉยอย่างไร้ประโยชน์ แต่เป็นช่วงเวลาฟื้นฟูจิตใจ
    ฉะนั้น ท่านจงปลีกตัวไปอย่างสงบในที่ที่มีการฟื้นฟูจิตใจทางศาสนา และมีส่วนร่วมในการฝึกฝนฝ่ายจิตบางครั้งบางคราวตามคำสั่งของผู้อาวุโสของท่าน และคำแนะนำของวิญญาณรักษ์ของท่าน แล้วความร้อนรนฝ่ายจิตของท่านจะได้รับการฟื้นฟูและเพิ่มขึ้น สิ่งนี้เป็นผลประโยชน์โดยตรงสำหรับท่าน และเกิดประโยชน์ทางอ้อมกับประชานที่อยู่ในการดูแลของท่าน ซึ่งท่านจะรับใช้ด้วยทัศนคติใหม่ในเรื่องการบริการอย่างอบอุ่น โดยอาศัยการภาวนาเป็นเครื่องมือ ท่านจะสามารถก่อให้เกิดและรักษาคุณธรรมอื่นทั้งปวงที่มีค่าด้วย