7. การใส่ใจที่จะชักชวนคนบาป
    เราพูดกับบรรดาศิษย์ของเราว่า “เราจะทำให้ท่านเป็นชาวประมงหามนุษย์” (มก 1:17) ชาวประมงนั้นบางครั้งใช้แหจับปลา และบางครั้งใช้เบ็ดตกปลา ในทำนองเดียวกัน ศาสนบริกรของเราก็เหวี่ยงแห คือเมื่อพวกเขาเทศน์ต่อหน้าคนจำนวนค่อนข้างมาก เพื่อโน้มน้าวคนบาปมากมายให้มาใกล้ชิดกับเรามากขึ้น และพวกเขาใช้เบ็ดตกปลาในเวลาที่เขาพูดคุยส่วนตัวกับคนบาปคนหนึ่ง ดังที่ท่านได้พบในพระวรสารของเรา ในระหว่างวันเวลาชีวิตที่ต้องตายของเรานี้ เราใช้เครื่องมือทั้งสองอย่างคือ ทั้งการเทศน์สอนในที่สาธารณะ และการสนทนาส่วนตัว
เราฉวยผลประโยชน์ในทุกๆ โอกาสเพื่อเปลี่ยนแปลงคนบาป ตัวอย่างเช่น เมื่อประชาชนขอการสงเคราะห์ทางด้านวัตถุจากเรา เราได้ใช้โอกาสนั้นประทานความกรุณาฝ่ายจิตแก่พวกเขา เมื่อคนที่เป็นอัมพาตขอความอัศจรรย์ฝ่ายกายจากเรา เราก็ได้รักษาจิตใจของเขาด้วยและสนับสนุนเขาให้ละทิ้งบาปของเขา เขากลับบ้านหลังจากได้รับการรักษาที่สมบูรณ์ ทั้งภายในร่างกายและวิญญาณตามที่เราได้กล่าวว่า “บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว” (มธ 9:2) ท่านควรกระทำในลักษณะเดียวกันนี้เมื่อมีคนบาปคนหนึ่งมาหาท่านเพื่อขอสิ่งของที่จำเป็นบางอย่างจากท่าน นั่นคือเวลาแนะนำถ้อยคำที่จะให้ความชัดเจนบางอย่างแก่เขา เพื่อทำให้เขาสำนึกถึงสภาพที่ไร้ศีลธรรมของเขา และส่งเสริมเขาให้กลับใจ ยิ่งท่านเป็นห่วงในการสนองความต้องการด้านวัตถุของเขามากเท่าใด คนบาปยิ่งจะปรารถนาละทิ้งกิเลสของเขาและยอมรับความช่วยเหลือฝ่ายจิตจากความกรุณาของเรามากเท่านั้น ถ้าบรรดาชุมพาบาลของมนุษย์ทั้งหลายกระทำสิ่งเหล่านี้อย่างดีที่สุดในโอกาสต่างๆ ซึ่งมักเกิดขึ้นเสมอ พวกเขาจะนำมนุษย์จำนวนมากที่กระทำผิดพลาดไปกลับมาหาเรา
    ถ้าบรรดาคนบาปไม่มาหาเรา เราจะไปหาเขา เรายอมรับคำเชื้อเชิญของพวกเขาเพื่อรักษาวิญญาณของพวกเขา เรามิได้ใส่ใจอยู่กับการกล่าวร้ายและการสบประมาทโดยคนที่มุ่งร้าย ผู้กล่าวหาว่าเราคบค้าสมาคมกับบรรดาคนบาป ตราบใดที่เราสามารถช่วยคนเหล่านั้นที่อยู่ในความยากลำบากได้ ท่านก็ทราบถึงการกล่าวหาของพวกเขาที่ว่า “ดูซิ นักกิน นักดื่ม เป็นเพื่อนกับคนเก็บภาษีและคนบาป” (มธ 11:19) การกล่าวร้ายของพวกเขาไม่มีผลกระทบต่อเรา คือมิได้ทำให้เราต้องคิดแม้แต่การป้องกันการนินทาป้ายร้ายจากคนธรรมดา เราแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเราเข้าร่วมอยู่กับคนบาปในฐานะแพทย์ฝ่ายจิต เพื่อรักษาโรคฝ่ายจิตของพวกเขา ดังที่เราได้กล่าวไว้ว่า “คนสบายดีย่อมไม่ต้องการหมอ แต่คนเจ็บไข้ต้องการ... เราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่มาเพื่อเรียกคนบาป” (มธ 9:12-13)
    ถ้าคนบาปไม่กล้าเชื้อเชิญเรา ถึงกระนั้นเราก็เชิญตัวเราเอง ดังที่เราได้กระทำกับศักเคียส โดยบอกว่า “เราจะไปพักที่บ้านท่านในวันนี้” (ลก 19:5) ในทำนองเดียวกัน เมื่อพวกเขามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเชื้อเชิญท่าน จงอย่าปฏิเสธไม่ว่ากรณีใดๆ และยังต้องหาโอกาสเท่าที่เป็นไปได้เพื่ออยู่กับบรรดาคนบาป อย่างไรก็ตาม ท่านต้องแสดงความชัดเจนของความตั้งใจที่ถูกต้อง กล่าวคือ ท่านติดต่อกับบรรดาคนบาปเพื่อความดีฝ่ายจิตของพวกเขา ไม่ใช่เพื่อรู้เห็นเป็นใจกับการเสเพลของพวกเขา การสนทนาของท่านกับบรรดาคนบาปควรเป็นเรื่องฝ่ายจิตและให้เหมาะสมกับศาสนบริการอันศักดิ์สิทธิ์ของท่าน
    ถึงแม้เมื่อเราเหนื่อยล้า เรามิได้ละเว้นการสนทนากับบรรดาคนบาป เมื่อเราอยู่ที่เมืองสิคาร์ ถึงแม้เราจะอ่อนกำลังจากการเดินทาง เราก็ได้นั่งลงที่บ่อน้ำเพื่อเปลี่ยนใจหญิงชาวสะมาเรีย การเกริ่นด้วยเรื่องน้ำที่เป็นวัตถุในบ่อนั้น เราโน้มน้าวเธอให้กระหายน้ำที่เป็นจิตจากความกรุณาของเรา ในแนวทางเดียวกัน แม้ท่านจะเหนื่อยจากงานหนักของท่าน และปรารถนาการพักผ่อนอย่างดีพอควร จงอย่าพลาดโอกาสที่จะกระทำตามแบบอย่างของเรา จากสิ่งที่ไม่สำคัญที่สุด ท่านสามารถชักนำให้เกิดการสนทนาเพื่อสั่งสอน ซึ่งจะให้ความรู้และเขย่าวิญญาณที่หลับอยู่ของคนบาปคนหนึ่งให้ตื่นขึ้น พึงจำไว้ว่าความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเราคือการช่วยมนุษย์ให้รอดพ้น