แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

เส้นทางของคู่สมรสในด้านศีลธรรม
34. ความเข้าใจที่เที่ยงตรงเกี่ยวกับระบบคุณค่าและบรรทัดฐานต่างๆ ของศีลธรรมนั้น  เป็นสิ่งที่สำคัญมากอยู่เสมอ  แต่ที่ใด  ที่การปฏิบัติตามต้องเผชิญความยุ่งยากมากขึ้นและหนักขึ้น  ที่นั้น  ความเข้าใจดังกล่าวก็สำคัญยิ่งขึ้นด้วย
    เมื่อมีระบบศีลธรรมเปิดเผยและเสนอแผนการของพระเจ้าพระผู้สร้างแล้ว  เป็นไปไม่ได้เลยที่ระบบนี้จะกลับเป็นอันตรายกระทบกระเทือนต่อมนุษย์หรือทำลายความเป็นคนให้สูญสิ้นไป  ตรงกันข้าม  ระบบนี้ตอบสนองความเรียกร้องที่จารึกไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของมนุษย์ซึ่งพระเจ้าทรงสร้างขึ้นมา  ระบบนี้เป็นเครื่องบำรุงความเป็นมนุษย์ให้สมบูรณ์ขึ้นด้วยอาศัยความรักที่อ่อนโยนและเข้มแข็งซึ่งพระเจ้าเองทรงใช้  เพื่อกระตุ้นและพยุงสรรพสิ่งที่ทรงสร้างขึ้นมา  และเพื่อนำสิ่งสร้างเหล่านั้นไปสู่บรมสุข
    ส่วนมนุษย์ที่พระเจ้าทรงเรียกให้ดำเนินแผนการที่เปี่ยมไปด้วยปัญญาและความรักด้วยจิตสำนึกรับผิดชอบนั้น  เป็นสิ่งสร้างที่ดำรงอยู่ในกระแสประวัติศาสตร์  ซึ่งในแต่ละวัน  มนุษย์สร้างตัวเองขึ้นมาด้วยการตัดสินใจนานัปการ  ฉะนั้น  เขาจึงรู้จักชอบและปฏิบัติคุณงามความดีตามขั้นตอนแห่งการเจริญเติบโต
    เช่นเดียวกัน  ในส่วนเกี่ยวข้องกับการบำเพ็ญคุณงามความดี  สามีภรรยาจำต้องก้าวหน้าโดยไม่หยุดยั้ง  พลังจูงใจเขาก็คือ  ความมุ่งมาดปรารถนาอันจริงจังและบังเกิดผล  ที่จะเรียนรู้คุณค่าต่างๆ  ซึ่งพระธรรมบัญญัติได้รับประกันและส่งเสริมไว้  พร้อมกับเจตนาอันซื่อตรงและแรงกล้าที่จะเอาคุณค่าเหล่านั้นมาประยุกต์เป็นรูปเป็นร่างในเวลาที่ต้องตัดสินใจเลือกวิถีทางจริงๆ  กระนั้นก็ดีคู่สมรสไม่น่ามองดูกฎเกณฑ์เป็นเสมือนเพียงอุดมคติที่เขาควรจะบรรลุถึงในเวลาภายหลังเท่านั้น  แต่เขาต้องถือว่าเป็นพระบัญญัติของพระคริสตเจ้าที่เรียกร้องให้เขาพยายามฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ให้ได้  ดังนั้น  สิ่งที่เราเรียกว่า “กฎเกณฑ์แห่งขั้นตอน” หรือการก้าวหน้าอย่างเป็นขั้นเป็นตอนนั้น  ไม่เหมือนกัน  “ขั้นตอนของกฎเกณฑ์”  ที่เสมือนกับว่าพระธรรมบัญญัติประกอบด้วยขั้นตอนหรือพระบัญญัติที่มีรูปแบบต่างๆ แล้วแต่คนและสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน  สามีภรรยาทั้งมวลได้รับการเรียกร้องให้บรรลุถึงความศักดิ์สิทธิ์ในชีวิตสมรสตามพระประสงค์ของพระเจ้า  และพระกระแสเรียกนี้จะบรรลุผลสำเร็จก็ต่อเมื่อ  บุคคลสามารถตอบสนองพระบัญญัติของพระเจ้าโดยไว้วางใจในพระหรรษทานของพระองค์และในเจตนาของตนเองด้วยในสงบราบรื่น”    ในทำนองเดียวกัน  เป็นบทบาทของพระศาสนจักรที่จะต้องจัดกระบวนการอบรมเพื่อก่อนอื่นหมดให้คู่สมรสยอมรับอย่างชัดเจนว่า  คำสอนที่บันทึกไว้ในพระสมณสารว่าด้วย  “ชีวิตมนุษย์”  นั้น  เป็นบรรทัดฐานในการดำเนินชีวิตทางเพศ  และให้เขาตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่า  จะปรับปรุงสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่จำเป็นในการปฏิบัติตามบรรทัดฐานนี้
    สมาชิกสมัชชาพระสังฆราชได้ให้ข้อสังเกตว่า  กระบวนการอบรมดังกล่าวบ่งชี้ถึงชีวิตสมรสอย่างครบถ้วน    เพราะฉะนั้น  ภารกิจการสืบทอดชีวิตนั้นต้องประสานเข้ากับภารกิจทั่วไปของชีวิต คริสตชนทั้งหมด  ซึ่งปราศจากไม้กางเขนจะไม่สามารถบรรลุถึงการกลับคืนชีพได้  ฉันใดก็ฉันนั้น  คนทั่วไปคงเข้าใจดีแล้วว่า  เป็นไปไม่ได้เลยที่จะละเว้นจิตตารมณ์แห่งความเสียสละออกจากชีวิตครอบครัว  แต่ตรงกันข้ามควรจะแสวงหาจิตตารมณ์นี้อย่างเต็มใจ  เพื่อให้ความรักของคู่สมรสหยั่งรากลึกมากขึ้นและกลายเป็นบ่อเกิดแห่งความเปรมปรีดิ์ที่ล้ำลึก
    ทุกคนต่างก็ต้องเดินก้าวไปข้างหน้าตามเส้นทางดังกล่าว  แต่สำหรับผู้ที่มีบทบาทในการอภิบาลครอบครัวไม่ว่าพระสงฆ์  นักบวช  และฆราวาสก็ตาม  ต้องประกอบด้วย  ความคิดอ่าน  วิชาความรู้  และการอบรมศึกษาที่เหมาะสมเป็นพิเศษ  บุคคลเหล่านี้จึงจะสามารถช่วยเหลือคู่สมรสตามวิถีทางของเขาทั้งในแง่ชีวิตปกติของมนุษย์และในแง่จิตวิญญาณ  วิถีทางนี้ก็ต้องผ่านการคำนึงถึงบาป  การตั้งใจอันแน่วแน่ว่าจะเคารพต่อหลักศีลธรรม ตลอดจนการพึ่งพาอาศัยแห่งการกลับคืนดีกับพระเจ้า อนึ่ง  จงรำลึกไว้เสมอว่า  ความสัมพันธ์ของคู่สมรสประกอบด้วยเจตจำนงของบุคคลทั้งสอง  ซึ่งทั้งสองควรจะแสดงความปรองดองกันทั้งฝ่ายจิตใจและพฤติกรรม  ความปรองดองกันนี้  เรียกร้องให้ใช้ความพากเพียร ความเห็นอกเห็นใจ และระยะเวลาอันยาวนานในเรื่องนี้ การที่พระสงฆ์จะรู้จักตัดสินวินิจฉัยให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในด้านศีลธรรมและด้านการอภิบาลเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งนัก  พระสงฆ์จะต้องแสวงหาและรักษาความคิดที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันไว้อย่างพิถิพิถัน  เพื่อมิให้สัตบุรุษเกิดความหนักอกหนักใจ
    คู่สมรสทั่วไปจะก้าวหน้าได้ง่ายขึ้น ถ้าเขาได้ประสบการณ์บางประการ เช่น การที่เขาเข้าใจ   คุณค่าสูงสุดของคำสอนของพระศาสนจักร การที่เขาไว้วางใจอย่างที่สุดในพระหรรษทานของพระคริสตเจ้า การที่เขาได้รับความอุดหนุนจากผู้อภิบาลและกลุ่มคริสตชนทั้งมวลซึ่งเป็นผู้ร่วมเดินทางกับเขา แต่เงื่อนไขที่สำคัญก็คือ  ให้เขาค้นพบและรู้สึกด้วยตนเองว่า  ความรักที่แท้จริงซึ่งพระวรสารชี้แนะและพระบัญญัติของพระคริสตเจ้าเสนอไว้นั้น  เป็นพละกำลังนำไปสู่ความเป็นอิสระและความเจริญก้าวหน้า