แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

ครอบครัวคริสตชนเป็นกลุ่มรับใช้มนุษย์

พระบัญญัติใหม่แห่งความรัก
63.  พระศาสนจักร  ผู้เป็นประชากรซึ่งประกอบด้วยลักษณะของ ประกาศก  สงฆ์  และกษัตริย์นั้น  ได้รับภารกิจที่จะชี้ทางให้มนุษย์ยอมรับพระวาจาของพระเจ้าด้วยความเชื่อ  ให้มนุษย์เฉลิมฉลองพระวาจานี้และยืนยันพระวาจาโดยการรับศีลศักดิ์สิทธิ์และการสวดภาวนา  ตลอดจนให้มนุษย์ได้แสดงพระวาจาให้เป็นที่ปรากฏโดยการดำเนินชีวิตจริงที่สอดคล้องกับความรักซึ่งเป็นทั้งพระคุณและพระบัญญัติใหม่
    กฎเกณฑ์ของชีวิตคริสตชนสำหรับครอบครัวคริสตชน  ไม่ได้อยู่ในกฎหมายที่บันทึกไว้  หากแต่อยู่ที่กิจกรรมของพระบุคคลองค์หนึ่ง  คือ  พระจิตเจ้าที่กระตุ้นจิตใจของคริสตชนและชี้นำใจเขา  หรือพูดอีกนัยหนึ่ง  “กฎของพระจิตเจ้าซึ่งประทานชีวิตในพระคริสตเยซู”   นั่นคือ  "พระจิตเจ้าซึ่งประทานให้เรา ได้หลั่งความรักของพระเจ้าลงในดวงใจของเรา”
    ข้อความนี้ก็มีค่าสำหรับคู่สมรสและครอบครัวคริสตชนเช่นเดียวกัน  ผู้ที่ชี้นำเขาและที่เป็นบรรทัดฐานของเขาก็คือ  พระจิตของพระเยซู  ซึ่งพระองค์ทรงหลั่งรินในจิตใจเวลาประกอบพิธีศีลสมรส  โดยต่อเนื่องมาจากการล้างบาปและด้วยน้ำและพระจิต  ศีลสมรสยังเสนอกฎเกณฑ์แห่งความรักในแง่ของพระวรสาร  และจารึกกฎเกณฑ์ลงไปในหัวใจของสามีภรรยาโดยทางพระคุณของพระจิตเจ้า  ความรักของเขาที่ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์และได้รับการไถ่กู้นั้น  จึงเป็นผลที่เกิดจากพระจิตผู้ทรงดำเนินงานในใจของผู้ที่มีความเชื่อ ในขณะเดียวกัน  ความรักนั้นปรากฏเป็นพระบัญญัติขั้นพื้นฐานสำหรับชีวิตทางศีลธรรม  อันเป็นชีวิตที่จำเป็นที่สุดในการประพฤติตนอย่างอิสระอย่างรับผิดชอบ
    ดังนั้น  ครอบครัวคริสตชนจึงได้รับพละกำลังและดำเนินการไปตามกฎเกณฑ์ใหม่ของพระจิตเจ้าและตามหลักแห่งความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับพระศาสนจักรซึ่งเป็นราชประชากร ครอบครัวคริสตชนยังถูกเรียกร้องให้ประกอบ  “ภารกิจ”  แห่งความรักต่อพระเจ้าและต่อพี่น้องในชีวิตจริง  พระคริสตเจ้าทรงดำเนินพระราชกิจโดยอุทิศพระองค์ในการรับใช้มนุษย์ทั้งมวลฉันใด   คริสตชนควรตระหนักถึงความหมายแห่งการมีส่วนร่วมในพระราชศักดิ์ของพระคริสตเจ้า  โดยเลียนแบบจิตตารมณ์และท่าทีของพระองค์ในการรับใช้มนุษย์ฉันนั้น  “พระคริสตเจ้าทรงมอบอำนาจนี้ให้แก่สานุศิษย์เพื่อแต่งตั้งให้เขาเป็นคนอิสระอย่างกษัตริย์  และเพื่อให้เขาชนะอำนาจบาปในตนเองโดยการปฏิบัติตัวด้วยความเสียสละและด้วยชีวิตศักดิ์สิทธิ์  (เทียบ รม 6:12)  ยิ่งกว่านั้นคริสตชนรับอำนาจจากพระคริสตเจ้าเพื่อให้เขาสามารถรับใช้พระคริสตเจ้าโดยการรับใช้มนุษย์คนอื่น  และดังนี้  เขาจึงนำพี่น้องไปหาจอมกษัตริย์โดยอาศัยความสุภาพถ่อมตนและความพากเพียร  การปรนนิบัติจอมกษัตริย์องค์นี้ก็เท่ากับการครองราชย์ พระคริสตเจ้าทรงมีพระประสงค์ให้พระอาณาจักรของพระองค์ขยายออกไปโดยอาศัยฆราวาสผู้มีความเชื่อด้วย  พระอาณาจักรนี้เป็นอาณาจักรแห่งสัจธรรมและชีวิต  เป็นพระอาณาจักรแห่งความศักดิ์สิทธิ์และพระหรรษทาน  เป็นพระอาณาจักรแห่งความเที่ยงธรรม  ความรักและสันติ  ในพระอาณาจักรนี้  สรรพสัตว์ทั้งมวลจะได้รับการปลดปล่อยให้พ้นความเป็นทาสแห่งการเน่าเปื่อยเพื่อบรรลุถึงอิสรภาพอันรุ่งเรืองของบรรดาบุตรของพระเจ้า (เทียบ รม 8:21)”