แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

ผู้รับและผู้สร้างสื่อมวลชน
76. ข้าพเจ้าต้องขอกล่าวถึงผู้รับและผู้สร้างสื่อมวลชนบ้าง  เพราะเป็นกลุ่มบุคคลที่มีความสำคัญมากในชีวิตสมัยใหม่นี้  ใคร ๆ ก็รู้ดีว่าสื่อมวลชน  “แทรกซึมในจิตใจผู้รับบางครั้งอย่างลึกมากและเกิดผลทั้งในด้านอารมณ์  ในสติปัญญา  และในด้านจริยธรรมจนแม้กระทั่งในด้านศาสนา”  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในใจผู้รับที่เป็นเยาวชน   ฉะนั้นสื่อมวลชนอาจมีอิทธิพลที่ดีต่อชีวิตและพฤติกรรมของครอบครัวรวมทั้งต่อการอบรมสั่งสอนลูก ๆ ได้  แต่ในขณะเดียวกันมันก็อาจจะปกปิด  “หลุมพรางอันตรายที่ไม่น่าจะละเลยได้”   หรืออาจเป็นเครื่องมือของอุดมการณ์ที่ยุแหย่มนุษย์ให้แตกแยกกัน  หรืออาจเป็นเครื่องมือของทัศนะที่บิดเบือนความหมายของชีวิต  ของครอบครัว  ของศาสนา  ของศีลธรรม  ตลอดจนถึงการไม่เคารพศักดิ์ศรีหรือวิวัฒนาการของมนุษย์  โดยอาศัยไหวพริบและการบิดเบือนอย่างเชี่ยวชาญดังที่ปรากฏอย่างน่าเสียดายในหลายประเทศทั่วโลก
    อันตรายนี้เป็นสิ่งที่น่ากลัวมากขึ้น  “เพราะรูปแบบการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน  โดยเฉพาะในประเทศที่ก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมไปมากขึ้นแล้ว  บ่อยครั้งก็ทำให้ครอบครัวทิ้งความรับผิดชอบของตนในเรื่องการอบรมดูแลลูกๆ  ความสะดวกสบายในการใช้เวลาให้ผ่านไปอย่างง่ายๆ  (เช่น  การดูโทรทัศน์ที่บ้านหรือการอ่านสิ่งตีพิมพ์บางประเภท)  ทำให้เด็กและเยาวชนใช้เวลาว่างและมีกิจกรรมไปในทางที่หนีจากความจริง”   ฉะนั้น  เป็น  “หน้าที่ของพ่อแม่  ที่จะต้องปกป้องเด็กและวัยรุ่นจากการรุกรานที่อาจมีอิทธิพลต่อจิตใจของเขาอันเนื่องจากสื่อมวบชน”  อีกทั้งให้รู้จักใช้สื่อมวลชนภายในครอบครัวอย่างพอเหมาะ  ครอบครัวควรพยายามแสวงหาโอกาสหย่อนใจให้ลูกในรูปแบบซึ่งจะมีคุณค่ากับผลประโยชน์มากกว่า  และส่งเสริมการเจริญเติบโตทางกาย  ศีลธรรม  และจิตใจ  “เพื่อให้เวลาว่างของเด็กจะได้ใช้ไปทางที่เป็นประโยชน์มากขึ้นและถือกันว่าเป็นสิ่งที่มีค่า  รวมทั้งให้เขาใช้พละกำลังในทางที่ถูกต้องด้วย”
    ด้วยเหตุว่า  บ่อยครั้งทีเดียวที่สื่อมวลชนสร้างผลกระทบที่น่าสังเกตต่อการหล่อหลอมจิตใจของลูกๆ  เช่นเดียวกับที่โรงเรียนและบรรยากาศของกลุ่มที่เขาอยู่เป็นประจำ  พ่อแม่ในฐานะที่เป็นผู้ใช้สื่อมวลชนด้วยเหมือนกัน  ก็ต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการใช้สื่อมวลชนอย่างพอประมาณ  ด้วยความพินิจพิเคราะห์  ด้วยความระมัดระวังและด้วยความรอบคอบ  พร้อมกับวินิจฉัยด้วยว่ามันอาจมีอิทธิพลอย่างไรในใจของลูก  อนึ่งพ่อแม่ยังแสดงความรับผิดชอบได้โดยวิธีควบคุมการใช้สื่อมวลชนซึ่งจะทำให้  “จิตสำนึกของลูกได้รับการฝึกฝนในด้านตัดสินใจด้วยตัวเองอย่างใจเย็นและอย่างถูกต้องกับความจริง  ดังนั้น  ลูกๆ จะสามารถเลือกรายการนี้  ปฏิเสธรายการนั้นได้”
    พ่อแม่ต้องแสดงความรับผิดชอบเช่นเดียวกัน  โดยพยายามมีอิทธิพลตั้งแต่ในขั้นตอนของการเลือกและเตรียมรายการเอง  เขาควรเริ่มอย่างถูกกาลเทศะโดยติดต่อกับเจ้าหน้าที่ในระดับต่างๆ ในด้านการผลิตรายการหรือการถ่ายทอด  เพื่อจะได้แน่ใจว่าไม่มีใครกล้าละเมิดค่านิยมพื้นฐานของมนุษย์ซึ่งเป็นสมบัติส่วนรวมอันแท้จริงของสังคมหรือยิ่งกว่านั้นอีกอย่าให้ใครตั้งใจลบล้างค่านิยมเหล่านี้  แต่ตรงกันข้ามการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ต้องได้รับการรับรองว่า  จะมีการถ่ายทอดรายการที่พูดถึงปัญหาของครอบครัวและวิธีแก้ไขปัญหานั้นอย่างถูกต้อง เกี่ยวกับเรื่องนี้พระสันตะปาปา เปาโล  ที่  6  ผู้ดำรงตำแหน่งประมุขพระศาสนจักรก่อนข้าพเจ้า  เคยเขียนไว้ว่า  “ผู้ผลิตรายการจะต้องรู้และเคารพความต้องการครอบครัว  ซึ่งการกระทำเช่นนี้เรียกร้องให้เขาแสดงความกล้าในบางครั้งและให้เขาตระหนักในความรับผิดชอบของตนอย่างลึกซึ้งเสมอ  ที่จริง  เขาจะต้องหลีกเลี่ยงทุกอย่างที่อาจกระทบกระเทือนต่อความเป็นอยู่  ความมั่นคง  ความสมดุลย์  และความสุขของครอบครัว  การละเมิดคุณค่าพื้นฐานของครอบครัวทุกประเภท  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกามารมณ์หรือความรุนแรง  เรื่องการส่งเสริมการหย่าร้างกันหรือปฏิกิริยาต่อต้านสังคมของเยาวชนก็ตาม  เป็นการละเมิดต่อคุณค่าอันแท้จริงของมนุษยชาติทั้งสิ้น”
    ในโอกาสที่คล้ายกัน  ข้าพเจ้าเองเคยกล่าวคำต่อไปนี้ว่า  ครอบครัวทั้งหลาย  “ต้องมีความไว้วางใจในน้ำใจอันดีงาม  ในความซื่อสัตย์สุจริต  และในจิตสำนึกรับผิดชอบต่อหน้าที่  ของผู้ที่มีอาชีพในทางสื่อมวลชน เช่น บรรณาธิการ นักเขียน ผู้ผลิตรายการ  ผู้กำกับ  ผู้ประพันธ์  บทละคร  นักข่าว  และนักแสดง”   เพราะฉะนั้น  เป็นการสมควรอย่างยิ่งที่พระศาสนจักรจะทุ่มเทกำลังต่อไปเพื่อผู้มีอาชีพในทางนี้  ในขณะเดียวกันพระศาสนจักรก็ยังสนับสนุนและส่งเสริมให้ชาวคาทอลิกเข้าทำงานในสายงานที่ละเอียดอ่อนนี้  ถ้าเขารู้สึกว่ามีความโน้มเอียงไปในทางนี้  และมีความต้องการที่จะสร้างความชำนาญในด้านนี้