ชายผู้ร่ำรวยคนหนึ่งกำลังจะตาย แต่เขายังห่วงทรัพย์สมบัติของเขา เขาเอากุญแจหีบสมบัติของเขาแขวนไว้บนคอ เขาขอให้ลูกๆ ของเขาไปเปิดหีบสมบัติ ให้นำเอาทองออกมาเป็นจำนวนมาก และสั่งให้ลูกๆ ใส่ทองเหล่านั้นไว้ในหีบศพของเขา

วิญญาณของเขามาถึงที่ประตูสวรรค์ เขามองไปรอบๆ และมองเข้าไปข้างใน เขาเห็นโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารทั้งที่เป็นอาหารทั่วๆ ไป และอาหารเจ มีวอดก้าบริการด้วย ชายผู้ร่ำรวยถามนักบุญเปโตรว่า “อาหารที่นี่มีราคาเท่าไหร่” นักบุญเปโตรตอบว่า “แค่หนึ่งสตางค์” “มันราคาถูกมาก” ชายผู้ร่ำรวยกล่าว เนื่องจากเขาหิวเขาจึงหยิบเหรียญทองจากกระเป๋าของเขาออกมาและส่งให้กับทูตสวรรค์และกล่าวว่า “ขออาหารมื้อหนึ่งและวอดกา 1 ไพทน์ ฉันไม่มีเหรียญสตางค์ ฉันขอจ่ายเป็นเหรียญทองหนึ่งเหรียญ”
ทูตสวรรค์ปฏิเสธที่จะรับเหรียญนั้น  ชายผู้ร่ำรวยประหลาดใจมาก เขาถามทูตสวรรค์ว่า “ทำไมล่ะ เหรียญทองไม่เพียงพอที่จะซื้ออาหารหรือ” ทูตสวรรค์ตอบว่า “ที่เมืองสวรรค์เรารับเฉพาะเงินที่ท่านให้กับผู้ที่มีความต้องการ ผู้ที่ยากจน ผู้ที่ด้อยโอกาส ผู้อดอยากหิวโหย”

ชวนคิดสะกิดใจ
“ท่านทั้งหลายจงอย่าสะสมทรัพย์สมบัติบนแผ่นดินนี้เลย ที่นี่ทรัพย์สมบัติทั้งหลายถูกสนิมและขมวนกัดกิน และถูกขโมยเจาะช่องเข้ามาขโมยไปได้ แต่จงสะสมทรัพย์สมบัติในสวรรค์เถิด ที่นั่นไม่มีสนิมหรือขมวนกัดกิน และขโมยก็เจาะช่องเข้ามาขโมยไปไม่ได้”  (มธ 6:19-20)