วันหนึ่งพระราชาได้สั่งให้นักปราชญ์ของพระองค์ให้ไปหาข้อความสำหรับติดในท้องพระโรงเพื่อเตือนใจพระองค์  ในเวลาที่พระองค์มีความสุขไม่ให้พระองค์หลงระเริงในความสุขจนเกินไป หรือเวลาที่พระองค์มีความทุกข์ก็ไม่ให้พระองค์มีความโศกเศร้าจนเกินไป

    นักปราชญ์คนนั้นกลับไปที่บ้าน คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกว่า ควรจะใช้ข้อความใดดี ภรรยาของนักปราชญ์เห็นสามีมีท่าทีเคร่งเครียด ก็เข้าไปสอบถาม และเมื่อทราบเรื่องราวจากเขา ภรรยาก็เสนอข้อความหนึ่งให้เขา ซึ่งเขาก็เห็นดีด้วย จึงนำไปเสนอพระราชา ซึ่งพระองค์ก็ทรงพอพระทัยอย่างมาก
    ข้อความนั้นก็คือ “แล้วมันจะผ่านไป”

ชวนคิดสะกิดใจ
    “มีเวลาสำหรับทุกสิ่ง มีเวลาสำหรับกิจการต่างๆ ภายใต้ท้องฟ้า มีเวลาเกิด และเวลาตาย เวลาปลูก และเวลาถอนสิ่งที่ปลูก เวลาฆ่า และเวลารักษาให้หาย เวลารื้อทำลาย และเวลาก่อสร้าง เวลาร้องไห้ และเวลาหัวเราะ เวลาไว้ทุกข์ และเวลาเต้นรำ เวลาโยนก้อนหินทิ้ง และเวลาเก็บรวบรวมก้อนหิน เวลาสวมกอด และเวลาละเว้นการสวมกอด เวลาแสวงหา และเวลาสูญเสีย เวลาเก็บรักษา และเวลาโยนทิ้ง” (ปญจ 3:1-6) ทุกสิ่งในโลกนี้จะเปลี่ยนแปลงไปตามวันเวลาของมัน แต่ความรักของพระเจ้าที่มีต่อเราไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ดังนั้น จงฝากความวิตกกังวล ปัญหา และแม้แต่ความยินดีของเรา ไว้ในพระหัตถ์ของพระเจ้าด้วยความวางใจ