ในป่าใหญ่แห่งหนึ่งกำลังเกิดไฟไหมป่า สรรพสัตว์ทั้งหลายกำลังจะเสียชีวิตในกองไฟ มีเจ้านกพิราบที่แสนดีตัวหนึ่ง มันพยายามจะช่วยให้บรรดาสรรพสัตว์พ้นจากอันตรายอันถึงแก่ชีวิตนี้ มันจึงทุ่มเทพลังของมันจุ่มตัวลงในแม่น้ำ และพยายามที่จะโถมตัวของมันเพื่อดับไฟ มันพยายามครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ไม่เป็นผลสำเร็จ สรรพสัตว์ทั้งหลายต่างเห็นใจและขอให้มันรีบหนีไปเพราะมันอาจจะโดนไฟคลอกตายไปด้วย

เจ้านกพิราบน้อยไม่ยอมจากไป มันยังคงตั้งหน้าตั้งตาใช้ความสามารถอันน้อยนิดของมันทำความดีต่อไป สัตว์บางตัวรู้สึกหมดหวังและเริ่มพูดไม่ดีกับเจ้านกพิราบน้อย มันกล่าวกับนกพิราบน้อยว่า อย่าบ้าไปหน่อยเลยน่า เจ้าตัวแค่นิดเดียวจะดับไฟป่าได้อย่างไร รีบหนีไป เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ไม่ว่าจะถูกว่า ถูกดูถูก ถูกเยาะเย้ยอย่างไร เจ้านกพิราบน้อยก็ยังตั้งหน้าตั้งตาเพียรทำความดีเล็กน้อยเท่าที่มันสามารถทำได้ต่อไป
    เวลาผ่านไปสักพักพระเจ้าทรงทอดพระเนตรเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยตลอด และทรงชื่นชมในความมีน้ำใจดีของนกพิราบน้อย พระองค์จึงโปรดให้เกิดฝนตกหนักดับเปลวเพลิงที่ร้อนแรงจนหมดสิ้น บรรดาสรรพสัตว์ต่างไชโยโห่ร้องอย่างยินดีที่พวกมันรอดชีวิตอย่างหวุดหวิด พร้อมทั้งการจากไปเงียบๆ ของเจ้านกพิราบน้อย

ชวนคิดสะกิดใจ
 “อย่าท้อแท้ในการทำความดี เพราะถ้าเราไม่หยุดทำความดี เราก็จะได้เก็บเกี่ยวเมื่อถึงเวลา  ดังนั้น ตราบใดที่ยังมีโอกาส จงทำความดีแก่ทุกคน โดยเฉพาะแก่พี่น้องผู้ร่วมความเชื่อของเรา”  (กท 6:9-10)