สอนด้วยนกพิราบ

mourning dove    กษัตริย์ทรงมีพระโอรสเพียงพระองค์เดียว พระองค์ทรงรู้สึกหนักพระทัยอย่างมากเพราะเจ้าชายทรงรักนกพิราบเป็นชีวิตจิตใจ เจ้าชายเอาแต่อยู่กับนกพิราบ เลี้ยงมัน คุยกับมัน และไม่สนใจที่จะเรียนหนังสือแม้แต่น้อย พระองค์ทรงทราบว่ามีอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงอยู่ไม่ห่างจากเมืองของพระองค์ พระองค์จึงสั่งให้ทหารไปเชิญอาจารย์มา เพื่อขอคำแนะนำจากท่าน เพื่อจะทำให้พระโอรสสนใจในการเรียนหนังสือ อาจารย์รับปากว่าจะช่วยพระองค์
    ในวันรุ่งขึ้นอาจารย์เข้าไปพบเจ้าชายในกรงนกพิราบ อาจารย์ถามพระโอรสว่า “พระองค์ทรงมีนกพิราบกี่ตัว” พระโอรสตอบทันทีด้วยความมั่นใจว่า “40 ตัว” “ข้าพระองค์คิดว่าถ้าพระองค์พอพระทัยจะเลี้ยงนกพิราบ พระองค์น่าจะมีนกพิราบสัก 100 ตัวในกรง พระองค์จะได้ทรงเพลิดเพลินกับมันมากยิ่งขึ้น” เจ้าชายเห็นดีด้วยเพราะทรงรักการเลี้ยงนกพิราบอยู่แล้ว จึงสั่งให้ทหารไปจับนกพิราบมาอีก 60 ตัว มาเลี้ยงไว้ในกรง

    เมื่อได้จำนวนนกพิราบตามที่ต้องการ อาจารย์เสนอกับพระโอรสอีกว่า “พระองค์น่าจะตั้งชื่อให้กับนกพิราบของพระองค์นะ พระองค์จะได้เรียกชื่อมัน และจำมันได้ง่ายขึ้น” พระโอรสทรงเห็นดีด้วย แต่เนื่องจากพระองค์ไม่เคยสนใจในการเรียน ดังนั้นจึงไม่มีความรู้ในเรื่องภาษา อาจารย์จึงเสนอตัวที่จะสอนเรื่องภาษาให้กับพระองค์ เพื่อจะตั้งชื่อเพราะ ๆ ให้กับนกพิราบของพระองค์ พระองค์ทรงเรียนอย่างตั้งใจ นอกจากจะเรียนรู้เพื่อที่จะตั้งชื่อนกได้แล้ว จากการเรียนอย่างตั้งใจทำให้พระองค์มีความสามารถในเรื่องภาษาดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา และอาจารย์ยังใช้โอกาสนี้สอนเรื่องอื่น ๆ แก่พระโอรส สร้างความพอพระทัยให้กับกษัตริย์เป็นอย่างมาก

ชวนรำพึง  การอยู่กับเด็กและเยาวชน ก็คือการเข้าใจเขาให้มาก ๆ และรักเขาให้มาก ๆ ถ้าเขารับรู้ได้ถึงสิ่งเหล่านี้อย่างเป็นรูปธรรม เขาจะรับสิ่งที่เราสอนได้ แต่หลาย ๆ ครั้งที่เขาไม่ฟัง เพราะเขาพบความหวังดีที่ปราศจากความเข้าใจ และเขาพบความรักที่ตัวเขาไม่ใช่ศูนย์กลางของความรักนั้น แต่เป็นความคาดหวังของผู้ที่บอกว่ารักเขาต่างหากที่เป็นศูนย์กลาง