พระปรีชาญาณในการเนรมิตโลก
    24ลูกเอ๋ย จงฟังฉันเถิด จงเรียนรู้คำสั่งสอน
    จงตั้งใจฟังถ้อยคำของฉันi
    25ฉันจะอธิบายคำสั่งสอนอย่างละเอียด
    จะประกาศความรู้อย่างถูกต้อง
    26ตั้งแต่แรกเริ่ม องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเนรมิตทุกสิ่งj
    พระองค์ทรงบัญชาให้สิ่งสร้างแต่ละชนิดมีหน้าที่ของตน
    27พระองค์ทรงกำหนดระเบียบของสิ่งสร้างเหล่านี้ไว้ตลอดไป
    ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงสิ่งสุดท้ายในอนาคต
    สิ่งทั้งหลายจะไม่หิวโหยหรือเหน็ดเหนื่อย
    และจะไม่ละทิ้งการงานของตนเลย
    28ไม่มีสิ่งใดปะทะกับอีกสิ่งหนึ่ง
    ทั้งไม่ฝ่าฝืนพระวาจาของพระองค์เลยk
    29ต่อมา องค์พระผู้เป็นเจ้าทอดพระเนตรมายังแผ่นดิน
    ทรงบันดาลให้แผ่นดินเต็มไปด้วยพระพรต่างๆ
    30ทรงปกคลุมพื้นแผ่นดินด้วยสัตว์นานาชนิด
    ซึ่งจะต้องกลับเป็นดินอีก

17.    1องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเนรมิตมนุษย์จากดินa
    และทรงบันดาลให้เขากลับเป็นดินอีก
    2พระองค์ทรงกำหนดวันและเวลาไว้แก่มนุษย์
    ทรงมอบอำนาจเหนือทุกสิ่งบนแผ่นดินให้เขา
    3ประทานให้มนุษย์มีกำลังเหมือนพระองค์
    ทรงเนรมิตเขาตามภาพลักษณ์ของพระองค์
    4ทรงบันดาลให้สัตว์ทั้งหลายเกรงกลัวมนุษย์
    มนุษย์จะได้เป็นนายปกครองสัตว์ป่าและนกทั้งปวงb (5)
    6พระองค์ประทานความคิด ลิ้น ตา หู และใจแก่มนุษย์
    เพื่อเขาจะรู้จักใช้เหตุผลc
    7พระองค์โปรดให้เขามีความรู้และความเข้าใจอย่างเต็มเปี่ยม
    ทรงชี้นำให้เขารู้จักความดีและความชั่ว
    8พระองค์ประทานแสงสว่างของพระองค์ในจิตใจของเขา
    ทรงสำแดงให้เขาเห็นความยิ่งใหญ่แห่งพระราชกิจของพระองค์d (9)
    10มนุษย์จะได้สรรเสริญพระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
    และบอกเล่าความยิ่งใหญ่แห่งพระราชกิจของพระองค์
    11พระองค์ประทานความรู้แก่เขา
    ทรงมอบกฎแห่งชีวิตเป็นมรดกแก่เขา
    12ทรงกระทำพันธสัญญานิรันดรกับเขา
    ทรงเผยให้เขารู้จักบทบัญญัติeของพระองค์
    13ตาของเขาได้ชมพระสิริรุ่งโรจน์ยิ่งใหญ่ของพระองค์
    หูของเขาได้ยินพระสุรเสียงดังกังวานของพระองค์
    14พระองค์ตรัสแก่เขาว่า “จงละเว้นความอยุติธรรมทั้งปวง”
    ประทานบทบัญญัติให้แต่ละคนปฏิบัติต่อเพื่อนบ้าน