แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

ข. พระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้าในประวัติศาสตร์ของชาวอิสราเอล


คำยกย่องบรรพบุรุษa
44.    1เราจงสรรเสริญบุคคลเรืองนามbเถิด
    คือบรรพบุรุษของเราตามลำดับมา
    2องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานเกียรติยศcมากมายแก่เขา
    ทรงสำแดงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ตั้งแต่โบราณกาล
    3บางคนเป็นกษัตริย์ปกครองอาณาจักรของตน
    เป็นคนเรืองนามเพราะอานุภาพ
    บางคนให้คำปรึกษาที่ชาญฉลาด
    และประกาศพระวาจาของพระเจ้า
    4บางคนให้คำปรึกษา เป็นผู้นำประชากร
    อบรมสั่งสอนประชากรด้วยถ้อยคำที่มีปรีชาd
    5บางคนแต่งทำนองเพลงไพเราะ
    และเขียนบทประพันธ์เล่าเรื่องต่างๆ
    6บางคนเป็นเศรษฐีมีอำนาจ
    ดำเนินชีวิตอยู่ในบ้านอย่างสงบ
    7คนเหล่านี้ทุกคนได้รับเกียรติจากผู้คนร่วมสมัย
    ซึ่งภูมิใจในตัวเขาตลอดชีวิต
    8เขาบางคนทิ้งชื่อเสียงไว้ให้ชนรุ่นหลังคิดถึง
    และสรรเสริญเขาจนถึงวันนี้
    9แต่บางคนไม่มีผู้ใดระลึกถึงเลย
    เขาสูญไปเหมือนไม่เคยเกิดมา
    เหมือนไม่เคยมีชีวิตอยู่
    ทั้งตัวเขาและบุตรหลานต่อจากเขา
    10แต่บรรพบุรุษของเราเป็นผู้มีคุณธรรม
    คุณงามความดีของเขาไม่มีวันถูกลืมe
    11มรดกมีค่ายังคงอยู่กับเชื้อสายของเขา
    คืออยู่กับลูกหลาน
    12เชื้อสายของเขาซื่อสัตย์ต่อพันธสัญญา
    ลูกหลานต่อมาก็ซื่อสัตย์ตามแบบเขาด้วย
    13เชื้อสายของเขาจะดำรงอยู่ตลอดไป
    ความรุ่งเรืองของเขาจะไม่ถูกลบล้างเลย
    14ศพของเขาถูกฝังไว้อย่างสงบ
      แต่ชื่อเสียงของเขาจะคงอยู่ตลอดไป
    15ชุมชนต่างๆจะประกาศปรีชาญาณของเขา
     ที่ประชุมจะสรรเสริญเขา

เอโนค
    16เอโนคเป็นที่พอพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จึงทรงรับเขาไปอยู่กับพระองค์
    เป็นแบบอย่างให้ชนรุ่นหลังได้กลับใจf

โนอาห์
    17พระเจ้าทรงพบว่าโนอาห์เป็นคนชอบธรรมและดีพร้อม
    เมื่อพระองค์ทรงลงโทษมนุษยชาติ ก็ทรงใช้เขารักษามนุษยชาติไว้
    เพราะเห็นแก่เขา คนกลุ่มหนึ่งจึงรอดชีวิตอยู่บนแผ่นดินgในสมัยที่เกิดน้ำวินาศh
    18พระเจ้าทรงทำพันธสัญญานิรันดรiกับเขา
    เพื่อมิให้น้ำวินาศทำลายสิ่งมีชีวิตทั้งหลายอีก

อับราฮัม
    19อับราฮัมเป็นบรรพบุรุษยิ่งใหญ่ของชนหลายชาติ
    ไม่มีผู้ใดได้รับเกียรติเท่ากับเขาj
    20เขาปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของพระผู้สูงสุด
    และทำพันธสัญญากับพระองค์
    เขามีเครื่องหมายแห่งพันธสัญญาในร่างกายของตน
    และเมื่อพระองค์ทรงทดสอบเขา ก็ทรงพบว่าเขามีความซื่อสัตย์k
    21 พระองค์จึงทรงปฏิญาณสัญญา
    ว่าจะทรงอวยพระพรชนชาติต่างๆทางเชื้อสายของเขา
    จะทรงเพิ่มพูนเชื้อสายของเขาให้มากดุจฝุ่นผงบนแผ่นดิน
    และจะทรงยกเชื้อสายให้สูงเหมือนดวงดาว
    จะประทานแผ่นดินให้เป็นมรดก
    จากทะเลหนึ่งถึงอีกทะเลหนึ่ง
    จากแม่น้ำยูเฟรติสไปจนสุดปลายแผ่นดิน

อิสอัคและยาโคบ
    22พระองค์ทรงรับรองพระสัญญาแก่อิสอัคด้วย
    เพราะเห็นแก่อับราฮัมบิดาของเขา
    23พระองค์ทรงวางพระพรสำหรับมนุษย์ทุกคนและพันธสัญญาไว้บนศีรษะของยาโคบ
    ทรงรับรองจะทรงอวยพระพรเขาl
    และประทานแผ่นดินให้เป็นมรดกแก่เขา
    ทรงแบ่งแผ่นดินเป็นหลายส่วน
    มอบให้ลูกหลานทั้งสิบสองเผ่า

โมเสส
45.    1พระเจ้าทรงบันดาลให้บุรุษผู้มีจิตใจงดงามผู้หนึ่งเกิดจากเชื้อสายของยาโคบ
    ทุกคนนิยมชมชอบเขาa
    เขาเป็นที่รักของพระเจ้าและมนุษย์
    บุรุษผู้นี้คือโมเสส ทุกคนที่ระลึกถึงเขาย่อมได้รับพระพร
    2พระองค์ทรงบันดาลให้เขามีสิริรุ่งโรจน์เหมือนบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์
    ทรงบันดาลให้เขายิ่งใหญ่ เป็นที่เกรงขามของบรรดาศัตรู
    3ทรงบันดาลให้เกิดเครื่องหมายอัศจรรย์ขึ้นด้วยวาจาของเขา
    ทรงทำให้เขามีชื่อเสียงเฉพาะพระพักตร์บรรดากษัตริย์
    พระองค์ประทานบทบัญญัติให้เขาสำหรับประชากรของพระองค์
    และทรงสำแดงพระสิริรุ่งโรจน์ส่วนหนึ่งของพระองค์แก่เขา
    4พระองค์ทรงบันดาลความศักดิ์สิทธิ์แก่เขา
    เพราะความซื่อสัตย์และความอ่อนโยน
    ทรงเลือกเขาจากมวลมนุษย์
    5พระองค์โปรดให้เขาได้ยินพระสุรเสียง
    ทรงนำเขาเข้าไปในกลุ่มเมฆหนาทึบ
    ประทานบทบัญญัติแก่เขาโดยตรง
    ซึ่งเป็นธรรมบัญญัติที่ให้ชีวิตและความเข้าใจ
    เพื่อสอนพันธสัญญาแก่ยาโคบ
    และสอนพระวินิจฉัยแก่อิสราเอล

อาโรน
    6พระองค์ทรงยกอาโรนขึ้นให้เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์เหมือนโมเสส
    เขาเป็นพี่ชายของโมเสส จากชนเผ่าเลวี
    7พระองค์ทรงกระทำพันธสัญญานิรันดรกับเขา
    ทรงแต่งตั้งเขาให้เป็นสมณะแห่งประชากรของพระองค์
    ประทานอาภรณ์งดงามแก่เขา
    ให้เขาสวมเครื่องแต่งกายทรงเกียรติb
    8พระองค์โปรดให้เขาสวมเครื่องประดับทรงเกียรติที่สุด
    ประทานอาภรณ์ล้ำค่าให้เขาสวมใส่
    คือกางเกง เสื้อยาวและเสื้อเอโฟด
    9พระองค์ทรงประดับชายเสื้อของเขาด้วยพู่รูปผลทับทิม
    และลูกพรวนทองคำจำนวนมากโดยรอบ
    เพื่อส่งเสียงดังเมื่อเขาย่างก้าวเดิน
    ให้ทุกคนในพระวิหารได้ยินเสียง
    เป็นเครื่องเตือนลูกหลานของประชากรให้ระลึกถึงพระองค์
    10พระองค์ทรงให้เขาสวมอาภรณ์ศักดิ์สิทธิ์
ปักอย่างประณีตด้วยดิ้นทอง ด้ายสีม่วง และสีม่วงแดง
เครื่องประดับอกสำหรับทราบพระประสงค์ บรรจุลูกเต๋าอูริมและทูมมิมc
ปักอย่างประณีตด้วยด้ายสีแดงเข้ม
11มีรัตนชาติสีต่างๆติดเรียงไว้ สลักลวดลายเป็นตรา
ยึดติดกับเรือนทองคำฝีมือประณีตของช่างทอง
มีคำจารึกเพื่อเตือนใจ
ถึงอิสราเอลทั้งสิบสองเผ่า
12พระองค์ทรงวางมงกุฎทองคำเหนือผ้าโพกศีรษะ
จารึกถ้อยคำศักดิ์สิทธิ์
เป็นเครื่องประดับมีเกียรติ เป็นผลงานชิ้นเยี่ยม
เป็นเครื่องประดับงดงามชวนมอง
13ไม่มีผู้ใดเคยเห็นสิ่งงดงามเช่นนี้มาก่อน
ไม่มีผู้ใดเคยสวมเลยเพราะสงวนไว้สำหรับ
ลูกหลานของเขาและเชื้อสายของเขาตลอดไป
14เครื่องบูชาของเขาถูกเผาทั้งหมด
วันละสองครั้งเป็นประจำ
15โมเสสมอบตำแหน่งสมณะแก่เขา
และเจิมเขาด้วยน้ำมันศักดิ์สิทธิ์
พิธีนี้เป็นพันธสัญญาตลอดไปสำหรับเขา
และสำหรับลูกหลานของเขาตราบที่ฟ้ายังคงอยู่d
เขาจะต้องปฏิบัติหน้าที่สมณะรับใช้พระเจ้า
และอวยพรประชากรในพระนามของพระองค์
16องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเลือกเขาจากมวลมนุษย์
เพื่อถวายเครื่องบูชาแด่พระองค์
ถวายกำยานและเครื่องหอมเพื่อพระองค์ทรงระลึกถึงประชากร
และประทานอภัยบาปแก่ชาวอิสราเอล
17พระองค์ทรงมอบบทบัญญัติแก่เขา
ประทานอำนาจให้เขาวินิจฉัยพันธสัญญาe
เพื่อสอนพระกฤษฎีกาแก่ยาโคบ
และอธิบายธรรมบัญญัติให้อิสราเอลเข้าใจแจ่มแจ้ง
18ขณะที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารคนจากครอบครัวอื่นอิจฉา
 และร่วมกันต่อต้านเขา
 คือพรรคพวกของดาธานและอาบีรัม
 บริวารของโคราห์ก็โกรธและเคียดแค้นเขาด้วย
19องค์พระผู้เป็นเจ้าทอดพระเนตรเห็นคนเหล่านี้ก็กริ้ว
ทรงทำลายล้างเขาด้วยพระพิโรธแรงกล้า
ทรงทำสิ่งปาฏิหาริย์เพื่อลงโทษเขา
ทรงส่งไฟโชติช่วงมาทำลายเขา
20แต่พระองค์ทรงเพิ่มเกียรติให้อาโรน
ประทานมรดกแก่เขา
ทรงสงวนพืชผลแรกไว้ให้เป็นของเขา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งประทานขนมปังให้เขาตามที่เขาต้องการ
21บรรดาสมณะกินของถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า
เพราะพระองค์ทรงมอบสิทธินี้แก่อาโรนและลูกหลานของเขา
22แต่เขาไม่มีมรดกของตนในแผ่นดินอิสราเอล
เขาไม่ได้รับส่วนมรดกในหมู่ประชากร
เพราะพระองค์เคยตรัสว่า
“เราเป็นส่วนมรดกของท่าน”

ฟีเนหัส
    23ฟีเนหัสบุตรเอเลอาซาร์เป็นคนที่สามที่ได้รับเกียรติ
    เพราะมีความกระตือรือร้นให้ทุกคนยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า
    เมื่อประชากรเป็นกบฏ เขายังยืนหยัดมั่นคง มีใจกว้างและกล้าหาญ
อิสราเอลจึงได้รับอภัยโทษเพราะเขา
24 พระเจ้าจึงทรงทำพันธสัญญาสันติกับเขา
เขาจะได้รับผิดชอบดูแลสักการสถานfและประชากร
เขาและลูกหลานจึงได้รับตำแหน่งมหาสมณะตลอดไป
25พระเจ้ายังทรงทำพันธสัญญากับกษัตริย์ดาวิด
บุตรของเจสซีจากเผ่ายูดาห์
ให้โอรสเพียงพระองค์เดียวสืบราชสมบัติต่อมาg
แต่สมณภาพของอาโรนตกทอดสืบต่อมาแก่บุตรหลานทุกคน
26ขอพระเจ้าประทานปรีชาญาณแก่ดวงใจของท่านทั้งหลายh
เพื่อปกครองประชากรของพระองค์ด้วยความยุติธรรม
เพื่อคุณธรรมความดีของบรรพบุรุษจะได้ไม่สูญสิ้นไป
และความรุ่งโรจน์ของเขาจะได้คงอยู่ตลอดไป

โยชูวา
46.    1โยชูวา บุตรของนูน เป็นนักรบแกล้วกล้า
    สืบตำแหน่งประกาศกต่อจากโมเสสa
    ตามความหมายของชื่อb
    เขาเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ช่วยผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรรให้รอดพ้น
    เขาลงโทษบรรดาศัตรูที่เป็นกบฏ
    ช่วยให้อิสราเอลได้รับแผ่นดินเป็นมรดก
    2เขาได้รับสิริรุ่งโรจน์ยิ่งนักเมื่อยกมือขึ้น
    กวัดแกว่งดาบเข้าโจมตีเมืองต่างๆ
    3ก่อนหน้าเขา มีผู้ใดบ้างเข้มแข็งเช่นนี้
    ทำสงครามเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าc
    4ดวงอาทิตย์หยุดนิ่งเมื่อเขายกมือขึ้นสั่ง
    และวันหนึ่งก็ยาวเท่ากับสองวันมิใช่หรือ
    5เขาเรียกขานพระผู้สูงสุดผู้ทรงสรรพานุภาพd
    ขณะที่ถูกศัตรูล้อมอยู่ทุกด้าน
    องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพทรงฟังเขา
    ทรงส่งลูกเห็บลงมาเหมือนก้อนหินอย่างรุนแรง
    6เขาจู่โจมข้าศึกต่างชาติe
    และทำลายล้างศัตรูที่วิ่งลงตามลาดเขา
    เพื่อนานาชาติจะได้ยอมรับความสามารถของเขา
    และเข้าใจว่าเขากำลังทำสงครามเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าf

คาเลบ
    7โยชูวาติดตามพระผู้ทรงสรรพานุภาพอย่างซื่อสัตย์
    และในสมัยโมเสสเขามีความจงรักภักดีต่อพระองค์
    เขากับคาเลบ บุตรเยฟูเนห์
ต่อต้านประชากรที่มาชุมนุมกัน
    ห้ามปรามมิให้ทำบาปg
    ทำให้ประชากรหยุดบ่นใส่ร้ายพระองค์
    8พระเจ้าจึงทรงไว้ชีวิตเขาสองคนนี้เท่านั้น
    จากหมู่ทหารราบหกแสนคน
    เพื่อนำประชากรอิสราเอลเข้ารับมรดก
    ในแผ่นดินที่มีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์
    9องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานกำลังแก่คาเลบ
    และพลังนี้คงอยู่กับเขาจนวัยชรา
    เขาจะได้ขึ้นไปยังที่สูงของแผ่นดิน
    ซึ่งลูกหลานจะรักษาไว้เป็นมรดก
    10ชาวอิสราเอลทุกคนจะได้รู้ว่า
    เป็นการดีที่จะติดตามองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างใกล้ชิด

ผู้วินิจฉัย
    11ผู้วินิจฉัยแต่ละคนมีชื่อเสียงเฉพาะของตน
    ล้วนมีจิตใจที่ไม่เคยทรยศ
    ไม่เคยละทิ้งองค์พระผู้เป็นเจ้าเลย
    ขอให้อนุชนรุ่นหลังที่ระลึกถึงเขาได้รับพระพรเถิด
    12ขอให้ลูกหลานสืบทอดความดีของเขาเหมือนต้นไม้ที่งอกขึ้นใหม่จากหลุมศพh
    ขอให้นามรุ่งโรจน์ของเขาดำรงอยู่ต่อไปในบรรดาลูกหลาน

ซามูเอล
    13ซามูเอลเป็นที่รักขององค์พระผู้เป็นเจ้า
    เป็นประกาศกของพระองค์
    เป็นผู้สถาปนาระบบกษัตริย์i
    และเจิมผู้ปกครองประชากรของพระองค์
    14เขาพิพากษาชุมชนตามธรรมบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า
    และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเอาพระทัยใส่ดูแลยาโคบ
    15เขาแสดงตนเป็นประกาศกเพราะความซื่อสัตย์ต่อพระองค์
    ประชากรยอมรับว่าเขาเป็นผู้ทำนายน่าเชื่อถือจากคำพูดของเขา
    16เมื่อศัตรูห้อมล้อมเขาทุกด้าน เขาร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพ
    ถวายลูกแกะที่ยังไม่อดนมเป็นเครื่องบูชา
    17องค์พระผู้เป็นเจ้าโปรดให้เสียงฟ้าร้องของพระองค์ดังก้องท้องฟ้า
    พระองค์ทรงทำให้ทุกคนได้ยินพระสุรเสียงดังกึกก้อง
    18ทรงทำลายล้างบรรดาผู้นำของศัตรูj
    และเจ้านายทุกคนของชาวฟีลิสเตีย
    19ก่อนจะถึงเวลาที่เขาจะต้องพักผ่อนตลอดนิรันดร
    เขายืนยันเฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้าและผู้รับเจิมของพระองค์ว่า
    “ข้าพเจ้าไม่เคยได้รับเงินหรือแม้รองเท้าแตะจากผู้ใดเลย”
    และไม่มีใครกล่าวหาเขา
    20แม้เมื่อเขาสิ้นชีวิตแล้ว เขาก็ยังทำนายอนาคต
    และทูลให้กษัตริย์ทรงทราบถึงวาระสุดท้ายของพระองค์
    เขายังเปล่งเสียงพยากรณ์จากหลุมฝังศพ
    เพื่อลบล้างความอธรรมของประชากร

ประกาศกนาธัน
47.    1หลังจากซามูเอล ประกาศกนาธันก็มา
    ประกาศพระวาจาในรัชสมัยของกษัตริย์ดาวิด