บิดามารดา  คือผู้ให้การอบรมอันดับแรกแก่บรรดาบุตรของพวกเขา (อ้างถึง ภาคที่ 5 บทที่ 3 ,อ้างถึง CIC 226 ข้อ 2, 774 ข้อ 2)
226    การเป็นประจักษ์พยานถึงชีวิตคริสตชนที่บิดามารดามอบ ให้แก่ครอบครัวเป็นที่รับรู้ของลูกๆ โดยความรักใคร่อ่อนโยนและความเอาใจใส่ของบิดามารดา  ดังนั้น ลูกๆจึงเข้าใจและดำเนินความใกล้ชิดกับพระเป็นเจ้ากับพระเยซูเจ้าตามที่พระบิดาแสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งด้วยความเบิกบานใจ  จนทำให้บ่อยครั้งที่ประสบการณ์ชีวิตคริสตชนขั้นแรกทิ้งรอยทางอันชัดเจนสำหรับการดำเนินชีวิตที่คงอยู่ตลอดชีวิตของพวกเขา  การปลุกความเชื่อทางศาสนาในวัยเด็กเช่นนี้ที่เกิดขึ้นภายในครอบครัว  เป็นสิ่งที่ไม่มีอะไรมาทดแทนได้ (CT 68) 

ความเชื่อเช่นนี้จะมั่นคงขึ้นเมื่อภายในบ้านมี “การเอาใจใส่ในการอธิบายถึงเนื้อหาทางคริสตศาสนาหรือหลักศาสนธรรมที่มีในโอกาสของเหตุการณ์สำคัญๆ บางอย่างของครอบครัวและงานเฉลิมฉลอง” (CT 68)  เนื้อหาตามหลักศาสนาเหล่านี้จะมีความลึกซึ้งยิ่งขึ้น เมื่อบิดามารดาให้ข้อคิดเห็นด้วยหลักการสอนคำสอนที่เป็นระบบมากยิ่งขึ้น อันเป็นวิธีซึ่งลูกๆของพวกเขาจะได้รับต่อมาในกลุ่มคริสตชนและช่วยพวกเขาให้ใช้เนื้อหาเหล่านั้นได้อย่างดี  อันที่จริง การสอนคำสอนในครอบครัวเป็นการเบิกทางช่วยเหลือ  และทำให้การสอนคำสอนในที่อื่นๆ ได้ผลสมบูรณ์ขึ้นด้วย” (CT 68)

227    ในศีลสมรส  บิดามารดาได้รับ “พระหรรษทานและหน้าที่บริการอบรมสั่งสอนวิถีทางดำเนินชีวิตคริสตชนให้กับบรรดาบุตร” (อ้างถึง ChL 62; อ้างถึง FC 38)  ที่พวกเขาถ่ายทอดให้รู้ถึงคุณค่าต่างๆ ของความเป็นคนและคุณค่าทางศาสนา  และแสดงตนเป็นประจักษ์พยานถึงสิ่งดังกล่าวด้วย  กิจกรรมการอบรมนี้ซึ่งมีทั้งด้านของมนุษย์และศาสนาเป็น “ศาสนบริการอันแท้จริงอย่างหนึ่ง” (FC 38)  อันเป็นทางที่พระวรสารได้ถูกถ่ายทอดและแผ่ออกไปเพื่อให้ชีวิตครอบครัวได้รับการเปลี่ยนสภาพไปเป็นการเดินทางสู่ความเชื่อ  และกิจกรรมที่ให้การสั่งสอนเรื่องชีวิตคริสตชน   ในขณะที่เด็กๆ เติบโตขึ้น การแลกเปลี่ยนความเชื่อกันก็กลายเป็นการมีความเชื่อร่วมกัน  และ “ในการเสวนาด้านคำสอนในเรื่องความเชื่อนี้ แต่ละบุคคลก็เป็นทั้งผู้รับและผู้ให้” (CT 68; อ้างถึง EN 71b)  ด้วยเหตุนี้เองชุมชนคริสตชนจึงต้องให้ความสนใจในตัวบิดามารดาเป็นพิเศษ  โดยวิธีการติดต่อกันเป็นส่วนตัว การจัดประชุม  การจัดอบรมต่างๆ  และการสอนคำสอนผู้ใหญ่ที่มุ่งไปยังบิดามารดา  ชุมชนคริสตชนต้องช่วยพวกเขาให้แสดงความรับผิดชอบของตน    (อันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน) ในเรื่องการอบรมสั่งสอนความเชื่อแก่ลูกของตน  สิ่งนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนเป็นพิเศษสำหรับพื้นที่ที่กฎหมายบ้านเมืองไม่อนุญาต  หรือพยายามขัดขวางการสอนความเชื่อ (อ้างถึง CT 68)  ในกรณีดังกล่าวนี้ “พระศาสนจักรระดับบ้าน” (LG 11; FC 36b) จึงเป็นสภาพแวดล้อมแบบเดียวเท่านั้นที่พวกเด็กๆ และเยาวชนสามารถรับการสอนคำสอนที่แท้จริงได้