แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

การบังคับให้กราบไหว้รูปปั้นทองคำ


กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ทรงตั้งรูปปั้นทองคำ
3    1กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์aมีรับสั่งให้สร้างรูปปั้นทองคำ สูงสามสิบเมตร กว้างสามเมตร ตั้งไว้บนที่ราบดูราในแคว้นบาบิโลน 2แล้วกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ทรงเรียกประชุมบรรดาผู้ว่าราชการภาค ผู้ว่าราชการแคว้น ผู้ว่าราชการเมือง มนตรีที่ปรึกษา เสนาบดีการคลัง ผู้พิพากษา ผู้ปกครองและบรรดาเจ้าหน้าที่อื่นๆของแคว้นต่างๆ ให้มาร่วมงานฉลองพิธีเปิดรูปปั้นที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์มีรับสั่งให้ตั้งขึ้น 3บรรดาผู้ว่าราชการภาค ผู้ว่าราชการแคว้น ผู้ว่าราชการเมือง มนตรีที่ปรึกษา เสนาบดีการคลัง ผู้พิพากษา ผู้ปกครองและบรรดาเจ้าหน้าที่อื่นๆของแคว้นต่างๆก็มาร่วมงานเปิดรูปปั้นที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์มีรับสั่งให้ตั้งขึ้น เขาทั้งหลายมายืนอยู่หน้ารูปปั้นนั้น 4ผู้ประกาศประกาศเสียงดังว่า “ประชาชนที่มีเชื้อชาติและพูดภาษาต่างๆ จงฟังเถิด 5เมื่อท่านทั้งหลายได้ยินเสียงเป่าเขาสัตว์ เสียงปี่ เสียงพิณเขาคู่ พิณสี่สาย พิณใหญ่ ปี่ถุง และเครื่องดนตรีอื่นๆb ท่านทั้งหลายจงกราบนมัสการรูปปั้นทองคำที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์มีรับสั่งให้ตั้งไว้ 6ผู้ใดไม่ยอมกราบนมัสการรูปนั้น จะต้องถูกโยนลงไปในเตาที่มีไฟลุกโพลงทันที” 7ดังนั้น เมื่อได้ยินเสียงเป่าเขาสัตว์ เสียงปี่ เสียงพิณเขาคู่ พิณสี่สาย พิณใหญ่ ปี่ถุง และเครื่องดนตรีอื่นๆ ประชาชนที่มีเชื้อชาติและพูดภาษาต่างๆก็กราบนมัสการรูปปั้นทองคำที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์มีรับสั่งให้ตั้งไว้

เพื่อนทั้งสามคนของดาเนียลถูกกล่าวหาและถูกลงโทษ
    8เวลานั้น ชาวเคลเดียบางคนเข้ามาฟ้องกล่าวหาชาวยิว 9ทูลกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ว่า “ข้าแต่พระราชา ขอทรงพระเจริญตลอดไปเถิด 10ข้าแต่พระราชา พระองค์ทรงออกพระราชกฤษฎีกาว่าผู้ใดได้ยินเสียงเป่าเขาสัตว์ เสียงปี เสียงพิณเขาคู่ พิณสี่สาย พิณใหญ่ ปี่ถุง และเครื่องดนตรีทุกชนิด ต้องกราบนมัสการรูปปั้นทองคำ 11ผู้ใดไม่กราบนมัสการจะต้องถูกโยนลงไปในเตาที่มีไฟลุกโพลง 12บัดนี้ ข้าแต่พระราชา ชาวยิวบางคนที่พระองค์ทรงแต่งตั้งให้ปกครองแคว้นบาบิโลน คือชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก ไม่เชื่อฟังพระองค์ เขาไม่ยอมรับใช้เทพเจ้าของพระองค์ ไม่ยอมนมัสการรูปปั้นทองคำที่พระองค์ทรงตั้งไว้” 13กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์กริ้วมาก มีรับสั่งให้นำตัวชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกเข้ามา คนเหล่านี้ก็เข้ามาเฝ้าเฉพาะพระพักตร์ 14กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ตรัสถามเขาว่า “ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก เป็นความจริงหรือไม่ ที่ท่านไม่ยอมรับใช้เทพเจ้าของเรา และไม่ยอมนมัสการรูปปั้นทองคำที่เราตั้งไว้ 15บัดนี้ เมื่อท่านได้ยินเสียงเป่าเขาสัตว์ เสียงปี่ เสียงพิณเขาคู่ พิณสี่สาย พิณใหญ่ ปี่ถุงและเครื่องดนตรีทุกชนิด จงเตรียมพร้อมที่จะกราบนมัสการรูปปั้นที่เราสร้างขึ้น ถ้าท่านไม่ยอมทำเช่นนี้ ท่านจะต้องถูกโยนเข้าไปในเตาที่มีไฟลุกโพลงทันที  แล้วพระเจ้าใดเล่าจะช่วยท่านให้พ้นจากมือของเราได้”
    16ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกกราบทูลกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายไม่จำเป็นจะต้องทูลตอบพระองค์ในเรื่องนี้ 17ข้าแต่พระราชา ขอทรงทราบเถิดว่า พระเจ้าที่ข้าพเจ้าทั้งหลายรับใช้จะทรงช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายให้พ้นจากเตาที่มีไฟลุกโพลง และให้พ้นพระอานุภาพของพระองค์ได้ 18แม้พระเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลายจะไม่ทรงช่วย ข้าแต่พระราชา ขอพระองค์ทรงทราบเถิดว่าข้าพเจ้าทั้งหลายก็จะไม่ยอมรับใช้เทพเจ้าของพระองค์ และจะไม่ยอมนมัสการรูปปั้นทองคำที่พระองค์ทรงตั้งขึ้น”
    19กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์กริ้วมาก พระพักตร์ของพระองค์เปลี่ยนเป็นดุดันต่อชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก รับสั่งให้เพิ่มไฟในเตาให้ร้อนจัดกว่าเดิมอีกเจ็ดเท่า 20และรับสั่งให้ทหารบางคนที่แข็งแรงที่สุดในกองทัพมามัดชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก โยนเข้าไปในเตาที่มีไฟลุกโพลง 21เขาทั้งสามคนก็ถูกมัดไว้ทั้งที่ยังสวมเสื้อคลุม กางเกง หมวกและเครื่องแต่งกายอื่นๆ และถูกโยนเข้าไปในเตาที่มีไฟลุกโพลง 22ทหารปฏิบัติตามพระบัญชาของกษัตริย์อย่างเคร่งครัด ไฟในเตาจึงร้อนจัด  เปลวไฟก็เผาคนเหล่านั้นที่โยนชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกลงในเตาไฟ 23ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก ทั้งสามคนนี้ตกลงไปในเตาที่มีไฟลุกโพลงทั้งๆที่ถูกมัด

บทเพลงของอาซาริยาห์ในเตาไฟc
    24เขาทั้งสามคนเดินไปมากลางเปลวไฟ สรรเสริญพระเจ้าและถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า 25อาซาริยาห์ยืนอธิษฐานภาวนาเสียงดังอยู่กลางไฟว่าดังนี้
    26ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งบรรพบุรุษของข้าพเจ้าทั้งหลาย
    ขอถวายพระพรแด่พระองค์
    พระองค์ทรงสมควรแก่การสรรเสริญ
    และพระนามของพระองค์ทรงพระสิริรุ่งโรจน์ตลอดไป
    27พระองค์ทรงเที่ยงธรรมในทุกสิ่งที่ทรงกระทำ
    พระราชกิจทั้งมวลของพระองค์เป็นความจริง
    วิถีทางของพระองค์ถูกต้องทุกประการ
    พระองค์ทรงตัดสินอย่างเที่ยงธรรม
    28พระวินิจฉัยที่ทรงกระทำต่อข้าพเจ้าทั้งหลาย
    และต่อกรุงเยรูซาเล็ม นครศักดิ์สิทธิ์ของบรรพบุรุษ ก็เที่ยงธรรม
    พระองค์ทรงกระทำทุกสิ่งกับข้าพเจ้าทั้งหลาย
อย่างถูกต้องแท้จริงเพราะบาปของข้าพเจ้าทั้งหลาย
29ใช่แล้ว ข้าพเจ้าทั้งหลายได้ทำบาปและล่วงละเมิด
โดยละทิ้งพระองค์ไปทำบาปมากมาย
ไม่เชื่อฟังบทบัญญัติของพระองค์
30ข้าพเจ้าทั้งหลายไม่ได้ปฏิบัติตามที่รับสั่งให้ข้าพเจ้าทั้งหลายทำ
เพื่อความดีของข้าพเจ้าทั้งหลาย
ไม่ได้ทำตามที่พระองค์ทรงบัญชา
31บัดนี้ ทุกสิ่งที่ทรงบันดาลให้เกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย
ทุกอย่างที่ทรงกระทำกับข้าพเจ้าทั้งหลาย
พระองค์ทรงกระทำอย่างเที่ยงธรรม
32พระองค์ทรงมอบข้าพเจ้าทั้งหลายให้แก่ศัตรูผู้ไร้ศีลธรรม
แก่ผู้เลวร้ายที่สุดในบรรดาผู้ไม่นับถือพระเจ้า
ทรงมอบข้าพเจ้าทั้งหลายแก่กษัตริย์อธรรมที่เลวร้ายที่สุดในแผ่นดิน
33บัดนี้ ข้าพเจ้าทั้งหลายไม่กล้าเอ่ยปากพูด
ผู้รับใช้และนมัสการพระองค์ต้องอับอายและถูกดูหมิ่น
34ขออย่าทรงละทิ้งข้าพเจ้าทั้งหลายตลอดไป
เพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์
ขออย่าทรงทำลายพันธสัญญาของพระองค์เลย
35ขออย่าทรงเพิกถอนพระกรุณาไปจากข้าพเจ้าทั้งหลาย
เพราะเห็นแก่อับราฮัมมิตรสหายdของพระองค์
เพราะเห็นแก่อิสอัคผู้รับใช้ของพระองค์
และเพราะเห็นแก่อิสราเอลผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
36พระองค์ทรงสัญญาแก่เขาเหล่านี้ว่า
จะให้เขามีลูกหลานมากมายดุจดวงดาวในท้องฟ้า
ดุจเม็ดทรายบนชายทะเล
37ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า บัดนี้ข้าพเจ้าทั้งหลายกลายเป็นชนชาติเล็กน้อยที่สุด
บัดนี้ข้าพเจ้าทั้งหลายต้องอับอายทั่วแผ่นดินเพราะบาปของข้าพเจ้าทั้งหลาย
38บัดนี้ ข้าพเจ้าทั้งหลายไม่มีผู้นำ ไม่มีประกาศก ไม่มีเจ้านาย
ไม่มีเครื่องเผาบูชา ไม่มีเครื่องบูชา ไม่มีของถวาย ไม่มีการถวายกำยาน
ไม่มีสถานที่ที่จะถวายผลิตผลแรกแด่พระองค์เพื่อจะได้รับพระกรุณา
39แต่ขอให้จิตที่ตรมตรอมและใจที่ถ่อมตนเป็นที่พอพระทัยพระองค์
ดังแกะเพศผู้และโคเพศผู้ที่ถวายเป็นเครื่องเผาบูชา
ดังลูกแกะอ้วนพีนับพันๆตัวถวายพระองค์
40ขอทรงพระกรุณารับข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นเครื่องบูชาเฉพาะพระพักตร์ในวันนี้
แล้วข้าพเจ้าทั้งหลายจะติดตามพระองค์ต่อไป
เพราะผู้ที่วางใจในพระองค์ย่อมไม่ได้รับความอับอาย
41บัดนี้ ข้าพเจ้าทั้งหลายติดตามพระองค์ด้วยสิ้นสุดจิตใจ
ยำเกรงพระองค์และแสวงหาพระพักตร์ของพระองค์อีกครั้งหนึ่ง
42ขออย่าทรงปล่อยให้ข้าพเจ้าทั้งหลายต้องได้รับความอับอาย
แต่โปรดทำกับข้าพเจ้าทั้งหลายตามพระกรุณา
และตามพระเมตตายิ่งใหญ่ของพระองค์เถิด
43โปรดทรงช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายให้รอดพ้นด้วยกิจการอัศจรรย์ของพระองค์
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดประทานพระเกียรติแก่พระนามของพระองค์เถิด
44ทุกคนที่ทำร้ายผู้รับใช้ของพระองค์จงประสบหายนะ
ให้เขาทั้งหลายต้องอับอายและสิ้นอำนาจ
ให้พลังของเขาหมดสิ้นลงเถิด
45โปรดให้เขาทั้งหลายรู้ว่าพระองค์เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า
พระเจ้าเพียงพระองค์เดียว  ทรงพระเกียรติรุ่งโรจน์ทั่วโลก”
46ผู้รับใช้ของกษัตริย์ที่จับชายหนุ่มทั้งสามคนโยนลงไปในไฟยังคงใส่น้ำมันดิน ปอ เศษป่าน และกิ่งไม้แห้งลงในไฟต่อไป 47จนเปลวไฟพลุ่งขึ้นสูงสี่สิบเก้าศอกเหนือเตาไฟ 48และแลบออกมาเผาชาวเคลเดียที่อยู่ใกล้เตาไฟ 49แต่ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าลงไปอยู่ในเตาไฟพร้อมกับอาซาริยาห์และเพื่อนๆ  ขับไล่เปลวไฟให้ออกไปจากเตาไฟ 50ทำให้ภายในเตาไฟเย็นสดชื่นเหมือนมีลมพัด ไฟจึงไม่สัมผัสเขาทั้งสามคน ไม่ทำอันตรายให้เขาเจ็บปวด

บทเพลงของชายหนุ่มสามคนในเตาไฟ
51ชายหนุ่มทั้งสามคนร้องเพลงสรรเสริญ ขอบพระคุณ และถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าพร้อมกันในเตาไฟว่า
52”ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของข้าพเจ้าทั้งหลาย
ขอถวายพระพรแด่พระองค์
สมควรแล้วที่พระองค์ทรงได้รับการยกย่องและสรรเสริญตลอดไป
ขอถวายพระพรแด่พระนามศักดิ์สิทธิ์และทรงเกียรติของพระองค์
สมควรแล้วที่พระนามจะได้รับการยกย่องและสรรเสริญตลอดไป
53ขอถวายพระพรแด่พระองค์ในพระวิหารแห่งพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์
สมควรแล้วที่พระองค์ทรงได้รับการยกย่องและสรรเสริญตลอดไป
54ขอถวายพระพรแด่พระองค์ผู้ประทับบนพระบัลลังก์แห่งพระอาณาจักรของพระองค์
สมควรแล้วที่พระองค์ทรงได้รับการยกย่องและสรรเสริญตลอดไป
55ขอถวายพระพรแด่พระองค์ผู้ทอดพระเนตรเห็นแม้กระทั่งในที่ลึก
พระองค์ประทับบนพระบัลลังก์เหนือบรรดาเครูบe
สมควรแล้วที่พระองค์ทรงได้รับการยกย่องและสรรเสริญตลอดไป
56ขอถวายพระพรแด่พระองค์ผู้ประทับเหนือแผ่นฟ้าในสวรรค์
สมควรแล้วที่พระองค์ทรงได้รับการยกย่องและสรรเสริญตลอดไป
57ผลงานทั้งหลายจากพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า จงถวายพระพรแด่พระองค์เถิด
จงสรรเสริญและยกย่องพระองค์ตลอดไป
58ทูตสวรรค์ทั้งหลายขององค์พระผู้เป็นเจ้า จงถวายพระพรแด่พระองค์เถิด
จงสรรเสริญและยกย่องพระองค์ตลอดไป
59สวรรค์เอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงสรรเสริญและยกย่องพระองค์ตลอดไป
60น้ำทั้งหลายที่อยู่เหนือแผ่นฟ้า จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงสรรเสริญและยกย่องพระองค์ตลอดไป
61ดวงดาวทั้งหลายเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงสรรเสริญและยกย่องพระองค์ตลอดไป
62ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์เอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงสรรเสริญและยกย่องพระองค์ตลอดไป
63ดวงดาวในท้องฟ้าเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงสรรเสริญและยกย่องพระองค์ตลอดไป
64ฝนและน้ำค้างเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงสรรเสริญและยกย่องพระองค์ตลอดไป
65ลมทั้งหลายเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงสรรเสริญและยกย่องพระองค์ตลอดไป
66ไฟและความร้อนเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงสรรเสริญและยกย่องพระองค์ตลอดไป
67ความหนาวและความร้อนfเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงสรรเสริญและยกย่องพระองค์ตลอดไป
68น้ำค้างและหิมะเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงสรรเสริญและยกย่องพระองค์ตลอดไป
69น้ำค้างแข็งและความหนาวเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงสรรเสริญและยกย่องพระองค์ตลอดไป
70น้ำแข็งและหิมะเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงสรรเสริญและยกย่องพระองค์ตลอดไป
71กลางวันและกลางคืนเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงสรรเสริญและยกย่องพระองค์ตลอดไป
72ความสว่างและความมืดเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงสรรเสริญและยกย่องพระองค์ตลอดไป
73ฟ้าแลบและเมฆเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงสรรเสริญและยกย่องพระองค์ตลอดไป
74แผ่นดินเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงสรรเสริญและยกย่องพระองค์ตลอดไป
75ภูเขาและเนินเขาเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงสรรเสริญและยกย่องพระองค์ตลอดไป
76ทุกสิ่งที่งอกขึ้นจากพื้นดินเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงสรรเสริญและยกย่องพระองค์ตลอดไป
77ตาน้ำทั้งหลายเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงสรรเสริญและยกย่องพระองค์ตลอดไป
78ทะเลและแม่น้ำทั้งหลายเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงสรรเสริญและยกย่องพระองค์ตลอดไป
79ปลาใหญ่น้อยที่เคลื่อนไหวในทะเลเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงสรรเสริญและยกย่องพระองค์ตลอดไป
80นกทั้งหลายในอากาศเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงสรรเสริญและยกย่องพระองค์ตลอดไป
81สัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยงทั้งหลายเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงสรรเสริญและยกย่องพระองค์ตลอดไป
82มนุษย์ทั้งหลายเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงสรรเสริญและยกย่องพระองค์ตลอดไป
83ชาวอิสราเอลเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงสรรเสริญและยกย่องพระองค์ตลอดไป
84บรรดาสมณะขององค์พระผู้เป็นเจ้าเอ๋ย จงถวายพระพรแด่พระองค์เถิด
จงสรรเสริญและยกย่องพระองค์ตลอดไป
85บรรดาผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าเอ๋ย จงถวายพระพรแด่พระองค์เถิด
จงสรรเสริญและยกย่องพระองค์ตลอดไป
86จิตและวิญญาณของบรรดาผู้ชอบธรรมเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงสรรเสริญและยกย่องพระองค์ตลอดไป
87บรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ผู้มีใจถ่อมตนเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงสรรเสริญและยกย่องพระองค์ตลอดไป
88ฮานันยาห์ อาซาริยาห์ และมิชาเอลเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงสรรเสริญและยกย่องพระองค์ตลอดไป
เพราะพระองค์ทรงปลดปล่อยข้าพเจ้าทั้งหลายจากแดนมรณะ
ทรงช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายให้พ้นจากอำนาจของความตาย
ทรงกอบกู้ข้าพเจ้าทั้งหลายให้พ้นจากเปลวไฟที่ลุกโพลง
ทรงฉุดข้าพเจ้าทั้งหลายออกมาจากเตาไฟ
89จงขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด เพราะพระองค์พระทัยดี
เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดไป
90ทุกคนที่ยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า จงสรรเสริญและขอบพระคุณพระองค์เถิด
เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดไป”

กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ทรงยอมรับว่าพระเจ้าทรงกระทำอัศจรรย์
    91(24)กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ประหลาดพระทัยมาก ทรงลุกขึ้นทันที ตรัสกับบรรดาข้าราชบริพารว่า “พวกเรามัดชายสามคนโยนลงไปในไฟมิใช่หรือ” เขาทั้งหลายทูลตอบว่า “ใช่แล้ว พระเจ้าข้า” 92(25)พระองค์ตรัสต่อไปว่า “แต่เราเห็นชายสี่คนไม่ถูกมัดกำลังเดินอยู่กลางเปลวไฟโดยไม่ได้รับอันตรายเลย ใบหน้าของชายคนที่สี่นั้นคล้ายกับใบหน้าของเทพบุตร”g 93(26)แล้วกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์เสด็จมาใกล้ประตูเตาที่ไฟลุกโพลงอยู่นั้น ตรัสว่า “ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก ผู้รับใช้ของพระเจ้าสูงสุดhเอ๋ย จงออกมาเถิด” ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกก็ออกมาจากเตาไฟ 94(27)บรรดาผู้ว่าราชการภาค ผู้ว่าราชการแคว้น ผู้ว่าราชการเมือง และข้าราชบริพารอื่นๆของกษัตริย์มาชุมนุมกันเพื่อดูคนเหล่านี้ ก็เห็นว่าไฟไม่มีอำนาจใดเหนือร่างกายของเขา ผมบนศีรษะของเขาก็ไม่ไหม้ไฟแม้แต่เส้นเดียว เสื้อคลุมของเขาก็ไม่เสียหาย และไม่มีกลิ่นไฟติดตัวของเขาเลย 95(28)กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ตรัสว่า “ขอถวายพระพรแด่พระเจ้าของชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก พระองค์ทรงส่งทูตสวรรค์มาช่วยกอบกู้ผู้รับใช้ที่วางใจในพระองค์ เขายอมละเมิดคำสั่งของเรา และยอมพลีร่างกายiดีกว่าที่จะรับใช้และนมัสการเทพเจ้าอื่นนอกจากพระเจ้าของตน 96(29)เราจึงออกกฤษฎีกาว่าประชาชนที่มีเชื้อชาติและภาษาใดๆซึ่งกล่าวดูหมิ่นพระเจ้าของชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก จะต้องถูกตัดร่างเป็นชิ้นๆ และบ้านของเขาจะถูกทำลายให้เป็นกองขยะ เพราะไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ช่วยให้รอดพ้นได้เช่นนี้”
97(30)ตั้งแต่วันนั้น กษัตริย์ทรงแต่งตั้งให้ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก มีตำแหน่งปกครองแคว้นบาบิโลนสูงกว่าเดิม