แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

วันอาทิตย์ที่ 3 เทศกาลเตรียมรับเสด็จ
อิสยาห์ 35:1-6, 10; ยากอบ 5:7-10; มัทธิว 11:2-11

บทรำพึงที่ 1
ยิ่งใหญ่กว่ายอห์น
เรายิ่งใหญ่กว่ายอห์น และมีความคาดหวังมากมายฝากไว้กับเรา

    เมื่อหลายปีก่อน นิตยสาร Reader’s Digest ขอให้นักประวัติศาสตร์ชื่อดัง เอช. จี. เวลส์ เลือกสามบุคคลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ สิ่งแรกที่เวลส์กระทำคือเลือกวิธีทดสอบเพื่อใช้ตัดสินว่าอะไรทำให้บุคคลหนึ่งกลายเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่

    หลังจากไตร่ตรองประเด็นนี้แล้ว เขาจึงกำหนดวิธีทดสอบซึ่งใช้รูปแบบของคำถามว่า “บุคคลหนึ่งต้องทำอะไรเพื่อจุดประกายให้คนทั่วไปคิดในทิศทางใหม่ จนกระทั่งสามารถเปลี่ยนประวัติศาสตร์ได้ในที่สุด” เวลส์ใช้แบบทดสอบนี้พิจารณาบุคคลจำนวนหนึ่ง ในที่สุดเขาก็คัดเลือกมาได้สามคน

    เขาให้อริสโตเติล นักปรัชญาชาวกรีกผู้ยิ่งใหญ่ อยู่ในอันดับที่สาม เขาให้พระพุทธเจ้าอยู่ในอันดับที่สอง และให้พระเยซูชาวนาซาเร็ธ อยู่ในอันดับที่หนึ่ง

    เวลส์ให้เหตุผลที่เขาจัดให้พระเยซูเจ้าอยู่ในอันดับที่หนึ่ง ว่าเขาพิจารณาพระองค์ในฐานะที่เป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง เขาบอกว่าเขารู้ว่าคนจำนวนมากถือว่าพระเยซูเจ้าเป็นมากกว่ามนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง แต่นักประวัติศาสตร์ต้องมองข้ามความจริงข้อนี้ เขาต้องวินิจฉัยพระเยซูเจ้าในฐานะมนุษย์ “เหมือนกับที่จิตรกรต้องวาดภาพพระองค์เหมือนกับว่าเขาวาดภาพมนุษย์คนหนึ่ง”

    และถ้ามีใครคิดว่าเขาลำเอียงที่เลือกพระเยซูเจ้า เวลส์ชี้ว่าเขาเองไม่ใช่คริสตชน

    หลังจากได้อ่านบทความของเวลส์แล้ว ใครคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “ผมสงสัยว่าถ้าพระเยซูเจ้าทรงต้องเลือกเหมือนเวลส์ พระองค์จะทรงเลือกใคร”

    น่าแปลกที่พระเยซูเจ้าทรงเคยเลือกเช่นนี้ระหว่างที่ทรงดำรงพระชนม์ชีพเป็นมนุษย์บนโลกนี้ พระองค์ทรงเลือกใครให้เป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เราพบคำตอบได้ในพระวรสารประจำวันนี้ พระองค์ทรงเลือกยอห์น ผู้ทำพิธีล้าง โดยตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่าในหมู่ผู้ที่เกิดจากหญิง ไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่ายอห์น ผู้ทำพิธีล้าง”

    ถ้าพระเยซูเจ้าทรงต้องเลือกอีกครั้งหนึ่งในวันนี้ ข้าพเจ้ามั่นใจว่าพระองค์จะทรงเลือกยอห์น ผู้ทำพิธีล้าง อีกครั้งหนึ่ง เมื่อพิจารณาบทอ่านจากพระวรสารประจำวันนี้ ทำให้มองเห็นเหตุผลสองประการที่พระเยซูเจ้าทรงเลือกยอห์น
    เหตุผลข้อแรกคือความศักดิ์สิทธิ์ของเขา ทั้งชีวิตของยอห์น เป็นชีวิตที่เสียสละ และไม่เห็นแก่ตัว

    เหตุผลข้อที่สองคือบทบาทของยอห์นในประวัติศาสตร์ความรอดของเรา ยอห์นไม่ได้เป็นเพียงประกาศกที่โดดเด่น เขายังเป็นผู้นำสารของพระเจ้า ที่พระองค์ทรงส่งมาเตรียมโลกให้พร้อมสำหรับการเสด็จมาของพระเยซูเจ้า

    หลังจากทรงประกาศว่ายอห์นเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในหมู่ผู้ที่เกิดจากหญิง พระเยซูเจ้าทรงทำให้เราประหลาดใจอีกด้วย อันที่จริง พระองค์ทรงทำให้เราตกใจเมื่อตรัสว่า “ถึงกระนั้น ผู้ต่ำต้อยที่สุดในอาณาจักรสวรรค์ก็ยังยิ่งใหญ่กว่ายอห์น”

    เราควรเข้าใจพระดำรัสของพระเยซูเจ้าให้ถ่องแท้ พระองค์กำลังบอกเราว่าคนบาปหนาที่สุดในหมู่เรา ในพระศาสนจักรในปัจจุบัน เป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่กว่ายอห์น พระองค์ทรงกำลังบอกเราว่าบุคคลที่สำคัญน้อยที่สุดในพระอาณาจักรของพระเจ้าก็ยังยิ่งใหญ่กว่าบุคคลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ พระองค์ทรงกำลังบอกเราว่าเมื่อเรายอมรับพระองค์ ซึ่งทำให้เรากลายเป็นประชากรของพระอาณาจักรของพระเจ้า เราจึงมีค่า และทำให้เราเหนือกว่าบุคคลที่สำคัญที่สุดที่เคยดำรงชีวิตบนโลกนี้

    มีเหตุผลอันชัดเจนที่เป็นเช่นนี้ เมื่อเรายอมรับพระเยซูเจ้า เราก็สนิทเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ เมื่อเรายอมรับพระเยซูเจ้า เรากลายเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ ด้วยการยอมรับพระเยซูเจ้า เรากลายเป็นอวัยวะหนึ่งของพระกายทิพย์ของพระองค์ คือพระศาสนจักร หรือพระอาณาจักรของพระเจ้าบนแผ่นดินนี้

    ด้วยเหตุนี้ เราจึงรวมเป็นหนึ่งเดียวอย่างใกล้ชิดสนิทสนมกับพระเยซูเจ้า จนเราสามารถเรียกพระเจ้าได้อย่างแท้จริงว่า “พระบิดาของเรา”

    การเปรียบเทียบอาจช่วยให้เราเข้าใจได้ดียิ่งขึ้นว่าสมาชิกผู้ต่ำต้อยที่สุดของพระอาณาจักรของพระเจ้ายิ่งใหญ่กว่ายอห์น ผู้ทำพิธีล้าง ได้อย่างไร ลองพิจารณาตัวอย่างต่อไปนี้

    เสียงที่เบาที่สุดในโลก เมื่อรวมเข้ากับไมโครโฟน ย่อมดังเท่าเสียงที่ดังที่สุดในโลก เช่นเดียวกับคนที่เดินช้าที่สุดในโลก เมื่อรวมเข้ากับรถยนต์ ย่อมเร็วกว่าคนที่เดินเร็วที่สุดในโลก

    ในทำนองเดียวกัน บุคคลที่ต่ำต้อยที่สุดในโลก เมื่อรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูเจ้า ย่อมกลายเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่กว่าบุคคลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก บทอ่านประจำวันนี้เป็นคำสรรเสริญยอห์น และยังเป็นคำสรรเสริญเราด้วย

    บทอ่านประจำวันนี้บอกเราว่ายอห์นเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ และยังบอกด้วยว่าผู้ต่ำต้อยที่สุดในพระอาณาจักรของพระเจ้ายังยิ่งใหญ่กว่ายอห์น

    เมื่อพระเจ้าทรงโปรดให้เราเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูเจ้า พระบุตรของพระองค์ พระองค์ประทานของขวัญยิ่งใหญ่ที่สุดแก่เรา และเพราะพระเจ้าได้ประทานของขวัญอันยิ่งใหญ่เช่นนั้นแก่เรา พระองค์จึงทรงคาดหวังมากจากเรา เช่นเดียวกับที่ทรงคาดหวังมากจากยอห์น พระเยซูเจ้าตรัสระหว่างที่ทรงดำรงชีพบนโลกนี้ว่า “ผู้ใดได้รับฝากไว้มาก ผู้นั้นก็จะถูกทวงกลับไปมากด้วย” (ลก 12:48)

    หนึ่งในจุดประสงค์ต่าง ๆ ของเทศกาลเตรียมรับเสด็จ คือให้เราถามตนเองด้วยคำถามยาก ๆ สามข้อว่าเรากำลังใช้ของขวัญ หรือพระพรจากพระเจ้าอย่างไร

    เราใช้พระพรของพระเจ้าอย่างเต็มประสิทธิภาพแล้วหรือไม่ เพื่อช่วยให้เราเป็นคนศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น และสนับสนุนงานของพระอาณาจักรของพระเจ้าบนแผ่นดินนี้

    เราสามารถใช้พระพรของพระเจ้าอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้อย่างไร เพื่อช่วยให้เราเป็นคนศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น และสนับสนุนงานของพระอาณาจักรของพระเจ้าบนแผ่นดินนี้

    เราจะเริ่มต้นใช้พระพรของพระเจ้าตั้งแต่เวลานี้ได้อย่างไร เพื่อช่วยให้เราเป็นคนศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น และสนับสนุนงานของพระอาณาจักรของพระเจ้าบนแผ่นดินนี้

    สรุปว่า เราควรถามตนเองว่า เราจะใช้พระพรของพระเจ้าอย่างไร เราจะใช้พระพรของพระเจ้าอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้อย่างไร และเราจะเริ่มต้นใช้พระพรจากพระเจ้าตั้งแต่เวลานี้ได้อย่างไร

    ขอให้เราสรุปบทรำพึงนี้ด้วยบทภาวนา

พระเจ้าข้า ยอห์น ผู้ทำพิธีล้าง เป็นผู้นำสารของพระองค์
เป็นผู้เตรียมโลกนี้ให้พร้อมสำหรับการเสด็จมาครั้งแรกของพระองค์

โปรดทรงช่วยเราให้ปฏิบัติพันธกิจของเรา
ในการเตรียมโลกของเราให้พร้อมสำหรับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์

โปรดทรงช่วยเราให้ประเมินว่าเรากำลังใช้พระพรของพระองค์อย่างมีประสิทธิภาพอย่างไร
เพื่อเพิ่มพูนความศักดิ์สิทธิ์ของเรา และสนับสนุนงานของพระอาณาจักรของพระองค์

โปรดทรงช่วยเราให้ใส่ใจกับพระวาจาของพระเยซูเจ้าว่า
“ผู้ใดได้รับฝากไว้มาก ผู้นั้นก็จะถูกทวงกลับไปมากด้วย”

บทรำพึงที่ 2
มัทธิว 11:2-11

ขณะที่ยอห์น ถูกจองจำอยู่ในคุก เขาได้ยินข่าวกิจการของพระเยซูเจ้า...

    ในการบอกเล่าพระวรสาร มัทธิวเอ่ยถึงยอห์น ผู้ทำพิธีล้าง สี่ครั้ง และทุกครั้งเกี่ยวข้องกับพระเยซูเจ้า...

    มัทธิว 3:1-17 – ยอห์น ผู้ทำพิธีล้าง ประกาศพระอาณาจักรของพระเจ้า และทำพิธีล้างให้พระเยซูเจ้า...

    มัทธิว 4:12 – ยอห์น ผู้ทำพิธีล้าง ถูกจับกุม ซึ่งเป็นเหตุให้พระเยซูเจ้าทรงตัดสินพระทัยเริ่มต้นเทศนาสั่งสอน...

    มัทธิว 11:2-18 – ขณะถูกจองจำในคุก ยอห์นตั้งคำถามเกี่ยวกับพระเยซูเจ้า และพระเยซูเจ้าทรงตั้งคำถามกับประชาชนเกี่ยวกับยอห์น ... นี่คือข้อความที่เราอ่านในวันนี้

    มัทธิว 14:1-13 – ความตายของยอห์น ผู้ทำพิธีล้าง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของภาคที่สองของภารกิจเทศนาสั่งสอนของพระเยซูเจ้า

จึงใช้ศิษย์ไปทูลถามพระองค์ว่า “ท่านคือผู้ที่จะมา หรือเราจะต้องรอคอยใครอีก”

    ยอห์นรอคอยพระเมสสิยาห์ด้วยใจร้อนรนอย่างยิ่ง เมื่อวันอาทิตย์สัปดาห์ก่อน เราได้ยินว่าประชาชนแสดงความกระตือรือร้นมากเมื่อได้ยินเสียงร้องตะโกนของเขา “ข่าวดี” ของเขาว่า “อาณาจักรสวรรค์อยู่ใกล้แล้ว”...

    แต่บัดนี้ ยอห์นลังเลใจและไม่สบายใจ เขาเข้าใจผิดหรือ...

    ความคลางแคลงใจนี้น่าสะเทือนใจ ... ขอให้เราลองคิดว่าเราเป็นยอห์น เขาถูกขังในคุกมาเครัส ซึ่งเป็นป้อมปราการอันแข็งแรงของเฮโรดที่ตั้งอยู่บนเนินหินในทะเลทรายโมอับ ทางทิศตะวันออกของทะเลตาย เขามีเวลาไตร่ตรอง เขาเป็นนักโทษที่ถูกจองจำอยู่ภายในห้องที่มีกำแพงล้อมรอบ ... นี่คือการทดลองที่น่ากลัวที่สุด เพราะทำให้ความเชื่อของเขาสั่นคลอน ... มีเสียงหนึ่งทำลายความมั่นใจของเขาว่า “ทุกสิ่งที่ท่านเคยเชื่อจนถึงเวลานี้เป็นเรื่องเท็จ ... ท่านเห็นแล้วว่าเยซูของท่านไม่ใช่พระเมสสิยาห์ เขาไม่สามารถปล่อยท่านออกจากคุกนี้ได้”...

    ถูกแล้ว ยอห์น ผู้ทำพิธีล้าง ก็คาดหวังเหมือนคนในยุคเดียวกับเขา ว่าพระเมสสิยาห์จะเป็นผู้มีชัย เป็น “ผู้ได้รับเจิม” เหมือนกษัตริย์ดาวิด ผู้จะทรงปลดปล่อยอิสราเอลจากศัตรูทั้งปวง ... พระองค์จะต้องเป็นพระคริสตเจ้าผู้มีอำนาจเหนือมนุษย์ เป็นบุตรแห่งมนุษย์ที่ดาเนียลประกาศไว้ ผู้เสด็จมาบนเมฆในท้องฟ้า เพื่อพิพากษาคนชั่วทั้งปวงด้วยลมหายใจจากพระโอษฐ์ของพระองค์ ... และนี่คือพระเมสสิยาห์ที่ยอห์นประกาศแก่ฝูงชนในถิ่นทุรกันดาร นี่คือเพชฌฆาตผู้ถือขวานอยู่ในมือพร้อมจะโค่นต้นไม้ทุกต้นที่ไม่ผลิดอกออกผล ... และกำลังถือพลั่วในมือเพื่อแยกฟางออกจากข้าวสาลี...

    ยอห์นผิดหวัง ... พระเยซูเจ้าทรงทำให้เขาผิดหวัง ... พระเจ้าก็น่าผิดหวัง...

    บ่อยครั้งที่พระเจ้าทรงทำให้เราผิดหวัง พระองค์ไม่ได้เป็นเหมือนพระเจ้าในจินตนาการของเรา พระเจ้าทรงทำให้เราแปลกใจ และเช่นเดียวกับยอห์น ผู้ทำพิธีล้าง เรายังปรารถนาต่อไปให้พระเจ้าปฏิบัติตามความประสงค์ของเรา และเป็นเหมือนภาพลักษณ์ของพระองค์ที่เราวาดขึ้นมาเอง...

    ถูกแล้ว ทำไมพระเจ้าจึงทรงปล่อยให้ผู้เตรียมทางให้พระองค์ถูกจองจำในคุก ... ทำไมพระเจ้าจึงไม่ปกป้องเพื่อนของพระองค์ ... ทำไมพระเจ้าจึงไม่ทรงปลดปล่อยคนที่ถูกจำคุกอย่างอยุติธรรมทั้งที่เขาทำงานรับใช้พระองค์ ... ทำไมจึงดูเหมือนว่าพระเจ้าทรงพ่ายแพ้ศัตรูของพระองค์เสมอ ... ทำไมยอห์น ผู้ทำพิธีล้าง ผู้เป็นประกาศกของพระเจ้าจึงถูกเฮโรด ปิดปาก ... ทำไมพระวาจาของพระเจ้าจึง “เงียบ” เช่นนี้ ... พระเจ้าข้า ทำไมพระองค์จึงไม่ทรงตอบโต้เมื่อเขากล่าวหาพระองค์ ... ทำไมจึงมีความชั่วมากมาย ความทุกข์มากมาย ความเจ็บปวดทรมานมากมาย และความตายมากมายเช่นนี้ในสิ่งสร้างของพระองค์...

    พระเจ้าข้า โปรดทรงตอบเราในวันนี้เถิด ... พระองค์คือบุคคลที่จะนำความยินดี ชีวิต และความสุขมาให้เรา ... หรือว่าเราต้องรอคอยใครอื่นอีก ... เราต้องวางใจในพระองค์ต่อไป - หรือว่าเราควรปฏิเสธพระองค์ และมอบตัวเราให้แก่ผู้อื่น ... นี่คือวิกฤติความเชื่อ...

    ห้องขังมืด ๆ ในป้อมมาเครัส ... นี่คือคืนมืดของยอห์น ผู้ทำพิธีล้าง...

พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “จงไปบอกยอห์นถึงสิ่งที่ท่านได้ยินและได้เห็น คนตาบอดกลับแลเห็น คนง่อยเดินได้ คนโรคเรื้อนหายจากโรค คนหูหนวกได้ยิน คนตายกลับคืนชีพ คนยากจนได้รับการประกาศข่าวดี”

    พระเยซูเจ้าไม่ทรงตอบคำถามโดยตรง พระองค์ไม่ได้บอกว่า “เราคือผู้ที่จะมา” ... พระองค์ไม่ได้เสนอทางออกที่สำเร็จรูป แต่ทรงท้าทายผู้ถามให้ค้นหาคำตอบด้วยตนเอง...

    พระเยซูเจ้า – พระเมสสิยาห์ผู้สร้างความประหลาดใจ - ทรงอ้างข้อความจากพระคัมภีร์ที่เป็นคำทำนายของอิสยาห์ (อสย 26:19, 29:18, 35:5, 61:1) ด้วยการเจาะจงอ้างข้อความเหล่านี้ แทนที่จะอ้างข้อความอื่น พระเยซูเจ้าทรงบอกว่าพระองค์ทรงเลือกที่จะเป็นพระเมสสิยาห์ประเภทใด พระเจ้าผู้ส่งพระองค์มา ไม่ทรงแสดงพระองค์ผ่านการล้างแค้น หรือการต่อสู้เพื่อชัยชนะ แต่ด้วยกิจการที่แสดงความเมตตากรุณาและความรักต่อผู้ด้อยโอกาส และผู้ที่กำลังทนทุกข์ทรมาน คือ คนตาบอด คนง่อย คนโรคเรื้อน คนหูหนวก ... และความหมายลึกล้ำที่สุดของกิจการที่ช่วยให้รอดพ้นนี้เผยตัวออกมาในพระพรสองประการที่พระองค์ทรงประกาศ คือ ชัยชนะเหนือความตาย ... และคนยากจนได้ยินการประกาศข่าวดี ... นี่คือข่าวดี…

    เมื่อเราถามคำถามเดียวกันกับยอห์น ผู้ทำพิธีล้าง เมื่อเราแสดงความคลางแคลงใจบางอย่างเกี่ยวกับพระเจ้า พระองค์ทรงเขี่ยลูกบอลกลับมาให้เรา พระองค์ทรงถามเรากลับว่า ท่านผู้กำลังกล่าวหาพระเจ้า ท่านเล่ากำลังทำอะไรในโลกนี้บ้างเพื่อช่วยเหลือผู้ที่กำลังเดือดร้อน เพื่อปลดปล่อยผู้ที่ถูกกดขี่ เพื่อยกระดับสภาพชีวิตของพี่น้องชายหญิงของท่าน...

    เครื่องหมายแท้ที่แสดงว่าพระเจ้าประทับอยู่กับเรา และแสดงว่าพระอาณาจักรของพระองค์เริ่มต้นขึ้นแล้ว คือ “เมื่อมีความรักอยู่ที่นั่น” ... เราต้องไม่ “รอคอยใครอีก”...

    คำตอบของพระเยซูเจ้าต่อคำถามของยอห์น ผู้ทำพิธีล้าง กลายเป็นคำถามอันเร่งด่วนสำหรับคริสตชนทุกคน และสำหรับพระศาสนจักรทั่วไป คำถามนั้น คือ พระศาสนจักรในวันนี้ ท่านยังเป็นชุมชนแห่งความรักของพระเยซูเจ้า และยังเป็นชุมชนแห่ง “ข่าวดี” ของพระองค์สำหรับคนยากจนอยู่อีกหรือไม่ หรือว่าเราต้องรอคอยพระศาสนจักรอื่นใดอีก ... และท่านผู้เป็นสมาชิกแต่ละคนของพระศาสนจักร ท่านกำลังแสดง “เครื่องหมายของพระเยซูเจ้า” ให้แก่ผู้ที่พบเห็นท่านด้วยวิถีชีวิตของท่านหรือเปล่า – คือ ด้วยการต้อนรับ ช่วยเหลือ บรรเทาใจ ช่วยเขาให้รอดพ้น และรักเขา...

“และผู้ที่ไม่แคลงใจในเราย่อมเป็นสุข”

    พระคัมภีร์ฉบับภาษากรีกกล่าวว่า “ผู้ที่ไม่สะดุดในเรื่องของเราย่อมเป็นสุข” คำว่า skandalon เสนอภาพของก้อนหินที่ทำให้เราสะดุดระหว่างทาง เนื่องจากเครื่องหมายที่ไม่คาดฝันที่พระองค์ทรงแสดง พระเยซูเจ้าก็อาจกลายเป็น “ที่สะดุด” สำหรับยอห์น ผู้ทำพิธีล้างเองก็ได้...

    นี่คือความจริงที่ขัดแย้งในตัว ผู้เทศน์สอนที่เมื่อวันอาทิตย์ก่อนเคยเชิญชวนประชาชนให้กลับใจบนฝั่งแม่น้ำจอร์แดน บัดนี้กำลังได้รับเชิญให้กลับใจ ... ผู้เตรียมทางกำลังได้รับเชิญให้เชื่อในพระเจ้า แม้ว่าตัวเขากำลังถูกขังอยู่ในคุก ... และให้ยอมรับว่าการจองจำของเขาจะไม่จบลงด้วยการปลดปล่อยโดยพระเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพ แต่จะจบลงด้วยความตายของเขา ... โดยที่ความตายของเขาจะรวมสนิทเป็นหนึ่งเดียวกับความตายบนไม้กางเขนของพระเมสสิยาห์ ซึ่งจะเกิดขึ้นในไม่ช้า...

    ความเชื่อของเราไม่ใช่ “บางสิ่ง” ที่เรามีอยู่และจะคงอยู่กับเราตลอดไป นับว่าเป็นความบรรเทาใจสำหรับเราที่ได้ยินว่า “ประกาศกผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด” ซึ่งดำเนินชีวิตอย่างนักบุญคนหนึ่ง ยังได้รับเชิญให้มีความเชื่อเพิ่มขึ้น และไม่ให้มองว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นสาเหตุให้เขาสะดุด...

ขณะที่คนเหล่านั้นกำลังจะจากไป พระเยซูเจ้าตรัสกับประชาชนเกี่ยวกับยอห์น ว่า “ท่านทั้งหลายไปดูอะไรในถิ่นทุรกันดาร ไปดูต้นอ้อไหวไปมาตามสายลมหรือ มิใช่เช่นนั้น แล้วท่านไปดูอะไรเล่า ดูคนสวมเสื้อผ้าสวยงามหรือ คนที่สวมเสื้อผ้าสวยงามอยู่ในพระราชวัง ถ้าเช่นนั้น ท่านไปดูอะไร ไปดูประกาศกหรือ ถูกแล้ว เราบอกท่าน และเหนือกว่าประกาศกเสียอีก”

    บัดนี้ พระเยซูเจ้าตรัสสรรเสริญยอห์น ผู้ทำพิธีล้าง

    ยอห์นถามพระองค์จากห้องขังในคุกผ่านทางศิษย์ของเขาว่า “ท่านเป็นใคร พระเยซูเจ้า”

    บัดนี้ พระเยซูเจ้าตรัสถามฝูงชนว่า “ยอห์น ผู้ทำพิธีล้าง เป็นใคร” และฝูงชนไม่มีคำตอบ ... มีแต่ความเงียบ ... คำถามของพระเยซูเจ้าเพิ่มความเข้มข้นขึ้นทีละระดับ และทรงถามย้ำถึงสามครั้งว่า เขาเป็นต้นอ้อหรือ เป็นเจ้าชายหรือ เป็นประกาศกหรือ...

    เปล่าเลย เขาไม่ใช่ “ต้นอ้อ” ที่ไหวไปมาตามสายลมแน่นอน ชายที่ดำรงชีวิตในถิ่นทุรกันดาร และทัศนคติแข็งกร้าวของเขาทำให้เขาถูกจองจำในคุกผู้นี้ เป็นคนกล้าหาญ (ยรม 1:17, 10)...

    เขาไม่ใช่เจ้าชาย หรือมนุษย์ที่บอบบางและสามารถดำรงชีพท่ามกลางความสะดวกสบายเท่านั้น แต่ชายคนนี้นุ่งห่มหนังสัตว์ป่าเหมือนประกาศกเอลียาห์ (2 พกษ 1:8)...

    เขาเป็นประกาศกแน่นอน ... และเหนือกว่าประกาศกด้วย พระเยซูเจ้าตรัสเช่นนี้

“ผู้นี้เองที่พระคัมภีร์กล่าวถึงว่า ‘เราส่งทูตของเรานำหน้าท่าน เพื่อเตรียมทางไว้สำหรับท่าน’ ”

    เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงระบุเอกลักษณ์ของพระเมสสิยาห์ในส่วนแรกของบทอ่าน พระเยซูเจ้าทรงอ้างข้อความจากพระคัมภีร์เพื่อบอกว่ายอห์นเป็นใคร ซึ่งเป็นข้อความจากหนังสือประกาศกมาลาคี (3:1) แต่พระองค์ทรงดัดแปลงข้อความจากพันธสัญญาเดิม และเป็นการดัดแปลงที่สำคัญที่สุด มาลาคีบันทึกไว้ว่า “เราส่งทูตของเรานำหน้าเราเพื่อเตรียมทางไว้สำหรับเรา” ข้อความนั้นกล่าวถึงเพียงสองบุคคล คือ พระเจ้าและทูตของพระองค์ ... แต่เมื่อพระเยซูเจ้าทรงดัดแปลงข้อความนี้ พระองค์ทรงกล่าวถึงสามบุคคล คือ พระเจ้า ทูตผู้เตรียมทาง ... และ “ผู้ที่กำลังมา” ซึ่งพระเจ้าตรัสด้วยโดยตรง และอย่างคุ้นเคยว่า “นำหน้าท่าน”

    ดังนั้น เมื่อพระเยซูเจ้าทรงอ้างพระคัมภีร์ พระองค์ทรงบอกว่าพระองค์เองคือพระเมสสิยาห์ที่ข้อความนี้ประกาศไว้ และเพื่อจะทรงบอกเช่นนี้ พระองค์ทรงดัดแปลงข้อความนั้น มาลาคีให้ความสำคัญกับทูตผู้เตรียมทาง แต่พระเยซูเจ้าทรงให้ความสำคัญกับ “บุคคลที่ทูตคนนี้กำลังเตรียมทางไว้ให้”...

    ดังนั้น เมื่อพระองค์ทรงเปิดเผยแก่ฝูงชนว่ายอห์น ผู้ทำพิธีล้าง เป็นใคร แท้จริงแล้ว พระองค์ทรงกำลังเปิดเผยว่าพระองค์เป็นใคร...

“เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ในหมู่ผู้ที่เกิดจากหญิง ไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่ายอห์น ผู้ทำพิธีล้าง ถึงกระนั้น ผู้ต่ำต้อยที่สุดในอาณาจักรสวรรค์ ก็ยังยิ่งใหญ่กว่ายอห์น”

    เราได้เห็นอีกครั้งหนึ่งว่าพระเยซูเจ้าทรงตระหนักอย่างลึกล้ำมากขึ้นว่าพระองค์ทรงเป็นใคร และพระองค์ทรงมีบทบาทอย่างไรในประวัติศาสตร์ พระเยซูเจ้าทรงตระหนักว่าพระองค์กำลังกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง ประวัติศาสตร์จะถูกแบ่งออกเป็นช่วงเวลา “ก่อน” พระองค์ ... และช่วงเวลา “หลัง” พระองค์ ... นี่คือช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของประวัติศาสตร์โลก...

    ถ้าเยซูชาวนาซาเร็ธคนนี้เป็นเพียงชาวบ้านคนหนึ่งที่ทะเยอทะยาน การผจญภัยของเขาจะไม่ยั่งยืน ... แต่การผจญภัยนี้ยังดำเนินต่อเนื่องไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ ... พระเยซูเจ้าทรงแบ่งประวัติศาสตร์ออกเป็นสองส่วนอย่างเด็ดขาดและแท้จริง ยุคใหม่เริ่มต้นในพระองค์...

    และพระเยซูเจ้าทรงสามารถประกาศได้อย่างแท้จริงว่า บุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด และศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในยุคพันธสัญญาเดิมยังต่ำต้อยกว่าคริสตชนผู้ต่ำต้อยที่สุดในยุคใหม่ที่กำลังเริ่มต้นขึ้นนี้ ... ทั้งที่เรากำลังย่างเข้าสู่ยุคของ “คนต่ำต้อย” ตั้งแต่เวลาที่พระเจ้าทรงทำให้พระองค์เองเป็น “ผู้รับใช้” ความยิ่งใหญ่และอำนาจหมายถึงการทำให้ตนเองเป็น “คนต่ำต้อย” ... ท่ามกลางความทุกข์ยากของเขา ยอห์น ผู้ทำพิธีล้าง กำลังเรียนรู้ความจริงข้อนี้...