แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

สมโภชพระคริสตสมภพ

ข่าวดี    ลูกา 2:1-14
(1)ครั้งนั้น พระจักรพรรดิออกัสตัสทรงออกพระราชกฤษฎีกาให้มีการสำรวจสำมะโนประชากรทั่วจักรวรรดิโรมัน  (2)การสำรวจสำมะโนประชากรครั้งแรกนี้มีขึ้นเมื่อคีรินีอัสเป็นผู้ว่าราชการแคว้นซีเรีย  (3)ทุกคนต่างไปลงทะเบียนในเมืองของตน  (4)โยเซฟออกเดินทางจากเมืองนาซาเร็ธในแคว้นกาลิลีไปยังเมืองของกษัตริย์ดาวิดชื่อเบธเลเฮมในแคว้นยูเดีย เพราะโยเซฟสืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์กษัตริย์ดาวิด  (5)ท่านไปลงทะเบียนพร้อมกับพระนางมารีย์ ซึ่งกำลังทรงพระครรภ์  (6)ขณะที่อยู่ที่นั่น ก็ถึงกำหนดเวลาที่พระนางมารีย์จะมีพระประสูติกาล  (7)พระนางประสูติพระโอรสองค์แรกทรงใช้ผ้าพันพระวรกายพระกุมารนั้น แล้วทรงวางไว้ในรางหญ้า เนื่องจากไม่มีที่ในห้องพักแรมเลย  (8)ในบริเวณนั้นมีคนเลี้ยงแกะกลุ่มหนึ่งอยู่กลางแจ้ง กำลังเฝ้าฝูงแกะในยามกลางคืน  (9)ทูตสวรรค์องค์หนึ่งของพระเจ้าปรากฏองค์ต่อหน้าเขา และพระสิริของพระเจ้าก็ส่องแสงรอบตัวเขา คนเลี้ยงแกะมีความกลัวอย่างยิ่ง  (10)แต่ทูตสวรรค์กล่าวแก่เขาว่า “อย่ากลัวเลย เพราะเรานำข่าวดีมาบอกท่านทั้งหลาย เป็นข่าวดีที่จะทำให้ประชาชนทุกคนยินดีอย่างยิ่ง  (11)วันนี้ ในเมืองของกษัตริย์ดาวิด พระผู้ไถ่ประสูติเพื่อท่านแล้ว พระองค์คือพระคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า  (12)ท่านจะรู้จักพระองค์ได้จากเครื่องหมายนี้ ท่านจะพบกุมารคนหนึ่ง มีผ้าพันกายนอนอยู่ในรางหญ้า”  (13)ทันใดนั้น ทูตสวรรค์อีกจำนวนมากปรากฏมาสมทบกับทูตสวรรค์องค์นั้น ร้องสรรเสริญพระเจ้าว่า (14)พระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระเจ้าในสวรรค์สูงสุด  และบนแผ่นดิน สันติจงมีแก่มนุษย์ที่พระองค์โปรดปราน


    “พระจักรพรรดิออกัสตัสทรงออกพระราชกฤษฎีกาให้มีการสำรวจสำมะโนประชากรทั่วจักรวรรดิโรมัน” (ลก 2:1) โดยมีวัตถุประสงค์ 2 ประการคือเพื่อประเมินภาษีและเกณฑ์ทหาร  แต่เนื่องจากชาวยิวได้รับยกเว้นไม่ต้องเกณฑ์ทหาร การสำรวจสำมะโนประชากรในปาเลสไตน์จึงเป็นไปเพื่อจัดเก็บภาษีเท่านั้น
    มีการค้นพบกระดาษโบราณ (papyrus) จำนวนมากตามหัวเมืองและหมู่บ้านในอียิปต์บันทึกการสำรวจสำมะโนประชากรในอียิปต์ตั้งแต่ ค.ศ. 20 จนถึง ค.ศ. 270 ไว้อย่างละเอียด จนสามารถอนุมานได้ว่ามีการสำรวจสำมะโนประชากรทุก 14 ปี
สิ่งที่เกิดขึ้นในอียิปต์ย่อมเกิดขึ้นในซีเรียและปาเลสไตน์ด้วย เพราะทั้งอียิปต์และซีเรียต่างอยู่ภายใต้จักรวรรดิโรมันเดียวกัน และปาเลสไตน์สมัยนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งของแคว้นซีเรีย
    หากถือรอบ 14 ปีเป็นเกณฑ์ แล้วนับย้อนหลังจากปี ค.ศ. 20 ที่พบบันทึกการสำรวจสำมะโนประชากรขึ้นไปจะตรงกับ ค.ศ. 6 และปีที่ 8 ก.ค.ศ.
    ลูการะบุว่า “การสำรวจสำมะโนประชากรครั้งแรกมีขึ้นเมื่อคีรินีอัสเป็นผู้ว่าราชการแคว้นซีเรีย” (ลก 2:2)
ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า คีรินีอัสเป็นผู้ว่าราชการแคว้นซีเรียปี ค.ศ. 6  หากพระเยซูเจ้าประสูติในปีนี้ก็เท่ากับว่า “ปีคริสตศักราช” เกิดหลังจากพระองค์ประสูติแล้วถึง 6 ปี
อย่างไรก็ตามประวัติศาสตร์บันทึกไว้อีกเช่นกันว่า ก่อนคีรินีอัสดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการ เขาเคยรับราชการในแคว้นซีเรียระหว่างปีที่ 10 ถึงปีที่ 7 ก่อนคริสตศักราช การสำรวจสำมะโนประชากรครั้งแรกทั่วจักรวรรดิโรมันจึงน่าจะเกิดขึ้นในปีที่ 8 ก.ค.ศ. อันเป็นปีที่ทรงประสูติ
สันนิษฐานว่าลูกาคงคลาดเคลื่อนที่ระบุว่าคีรินีอัสเป็นผู้ว่าราชการทั้ง ๆ ที่ขณะนั้นเขาเป็นเพียงข้าราชการคนหนึ่ง !
    จาก papyrus ที่ค้นพบในอียิปต์ เรายังพบบันทึกดังนี้ “ไกยุส วีบีอุส แมกซีมุส ผู้ว่าราชการแห่งอียิปต์ มีคำสั่งว่า ‘เนื่องจากถึงกำหนดสำรวจสำมะโนประชากรทุกหลังคาเรือน  ทุกคนที่อาศัยอยู่นอกถิ่นกำเนิดไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ต้องกลับบ้านเมืองของตนเพื่อลงทะเบียน และดูแลการเพาะปลูกในที่ดินของตนด้วยความขยันหมั่นเพียร’”
แน่นอนว่าชาวยิวซึ่งนับถือบรรพบุรุษตามตระกูลทั้งสิบสองอย่างเคร่งครัดอยู่แล้ว ย่อมต้องปฏิบัติเช่นเดียวกันนั่นคือกลับไปยังบ้านเกิดเมืองนอนที่เป็นศูนย์กลางของบรรพบุรุษเพื่อลงทะเบียนสำมะโนประชากร
“โยเซฟจึงต้องออกเดินทางจากเมืองนาซาเร็ธในแคว้นกาลิลีไปยังเมืองของกษัตริย์ดาวิดชื่อเบธเลเฮมในแคว้นยูเดีย  เพราะโยเซฟสืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์กษัตริย์ดาวิด  ท่านไปลงทะเบียนพร้อมกับพระนางมารีย์ ซึ่งกำลังทรงพระครรภ์” (ลก 2:4-5)
    การ “เดิน” ทางจากนาซาเร็ธถึงเบธเลเฮมระยะทาง 130 กิโลเมตรนั้น ถือว่าไกลมากสำหรับหญิงที่กำลังตั้งครรภ์ !
    ยิ่งไปกว่านั้น เมืองเบธเลเฮมยังพลุกพล่านไปด้วยผู้คน จนกระทั่งไม่มีห้องว่างแม้แต่ห้องเดียวสำหรับโยเซฟและพระนางมารีย์ผู้กำลังจะคลอดบุตร !
    เหลือทางเลือกเดียวคือเช่าที่พักซึ่งเป็นที่เลี้ยงสัตว์ โดยผู้พักแรมต้องนำอาหารติดตัวมาเอง  สิ่งที่เจ้าของเตรียมไว้ให้มีเพียงหญ้าแห้งสำหรับสัตว์ และไฟสำหรับปรุงอาหาร
    “ขณะที่อยู่ที่นั่น ก็ถึงกำหนดเวลาที่พระนางมารีย์จะมีพระประสูติกาล  พระนางประสูติพระโอรสองค์แรก ทรงใช้ผ้าพันพระวรกายพระกุมารนั้น แล้วทรงวางไว้ในรางหญ้า” (ลก 2:6-7)
    “ผ้าพันพระวรกาย” เป็นผ้าสี่เหลี่ยมจัตุรัส ที่มุมหนึ่งมีริ้วผ้ายาวคล้ายผ้าพันแผลเย็บติดอยู่  ทารกถูกห่อหุ้มด้วยผ้าจัตุรัสแล้วพันด้วยริ้วผ้ารอบกายอีกทีหนึ่ง
    คำว่า “รางหญ้า” ตามรากศัพท์หมายถึงสถานที่สำหรับให้อาหารสัตว์ จึงอาจหมายถึง “คอกสัตว์” หรือ “รางหญ้า” เองก็ได้
    ณ “รางหญ้า” นี้เองที่พระกุมารได้ถือกำเนิดขึ้นมา เพราะเบธเลเฮมพลุกพล่านเกินกว่าจะมีที่ว่างสำหรับพระองค์ !!!
ที่น่าเศร้าใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ทั้ง ๆ ที่ทุกวันนี้มีที่พักหรูหราราคาแพงมากมาย แต่พระกุมารยังต้องเผชิญกับปัญหาเก่าซ้ำซาก นั่นคือ หัวใจทั้ง 4 ห้องของเราพลุกพล่านจนไม่มีที่ว่างสำหรับพระองค์ !
    ค่ำคืนวันพระคริสตสมภพนี้ เราจะหาห้องว่างสักห้องให้พระกุมารพำนักบ้างไม่ได้เชียวหรือ ?!?
   
    ทูตสวรรค์องค์หนึ่งของพระเจ้าปรากฏองค์ต่อหน้าคนเลี้ยงแกะกล่าวว่า “เรานำข่าวดีมาบอกท่านทั้งหลาย เป็นข่าวดีที่จะทำให้ประชาชนทุกคนยินดีอย่างยิ่ง  วันนี้ ในเมืองของกษัตริย์ดาวิด พระผู้ไถ่ประสูติเพื่อท่านแล้ว พระองค์คือพระคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า” (ลก 2:9-11)     
น่าอัศจรรย์ที่ “คนเลี้ยงแกะ” คือบุคคลกลุ่มแรกที่ทราบข่าวดีเรื่องการประสูติของ “พระผู้ไถ่”  เพราะว่าในสายตาของคนเคร่งศาสนาอย่างพวกฟาริสี พวกเขาคือ “คนบาป” ผู้ต่ำต้อยและน่ารังเกียจเพราะไม่ล้างมือก่อนกินอาหารตามข้อกำหนด
    นอกจากนั้น เป็นไปได้ว่าคนเลี้ยงแกะเหล่านี้เป็นคนของพระวิหารซึ่งมักนำฝูงแกะมาเลี้ยงตามทุ่งหญ้าใกล้เบธเลเฮม เพื่อใช้ถวายบูชาแด่พระเจ้าทุก ๆ วันในพระวิหาร
หากเป็นเช่นนี้จริงย่อมเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างยิ่งที่ “คนบาปผู้เลี้ยงแกะสำหรับถวายบูชาแด่พระเจ้า” ได้ทราบข่าวดีเรื่องการประสูติของพระกุมารผู้ทรงบังเกิดมาเพื่อเป็น “ลูกแกะของพระเจ้า ผู้พลีพระชนม์เพื่อยกบาปของโลก”

    เป็นธรรมเนียมของชาวตะวันออก ที่นิยมจัดหานักร้องมาชุมนุมกันที่บ้านเพื่อร้องเพลงต้อนรับเด็กเกิดใหม่
แต่ในเบธเลเฮม พระกุมารไม่มีบ้าน และอยู่ต่างเมืองอย่างนี้จะหานักร้องจากที่ไหน ?
    ทว่าสิ่งที่พระกุมารได้รับเป็นการชดเชยกลับยิ่งใหญ่กว่ามากเหตุว่า “ทูตสวรรค์จำนวนมากปรากฏมา ร้องสรรเสริญพระเจ้าว่า พระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระเจ้าในสวรรค์สูงสุด และบนแผ่นดิน สันติจงมีแก่มนุษย์ที่พระองค์โปรดปราน” (ลก 2:13-14)
    บทเพลงนี้ช่างไพเราะและฟังแล้วช่างสุขใจ ชนิดไม่มีผู้ใดในโลกนี้สามารถขับร้องได้เสมอเหมือน เว้นแต่ผู้นั้นจะมี “สันติสุข” ในจิตใจดังเช่นบรรดาทูตสวรรค์ !!!
    สันติสุขซึ่งพระกุมารเท่านั้นสามารถให้ได้....!!!
    ....สุขสันต์วันคริสต์มาส....