แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

เปโตรปฏิเสธไม่รู้จักพระองค์


ข่าวดี    ยน 18:15-18, 25-27
(15)ซีโมนเปโตรตามพระเยซูเจ้าไปกับศิษย์อีกผู้หนึ่ง ศิษย์ผู้นั้นรู้จักมหาสมณะ จึงเข้าไปในลานบ้านของมหาสมณะพร้อมกับพระเยซูเจ้า  (16)ส่วนเปโตรยืนอยู่ข้างนอก หน้าประตู ศิษย์อีกผู้หนึ่งที่รู้จักมหาสมณะนั้นออกมาพูดกับหญิงเฝ้าประตู แล้วพาเปโตรเข้าไปด้วย  (17)หญิงเฝ้าประตูพูดกับเปโตรว่า “ท่านไม่เป็นศิษย์ของชายผู้นี้ด้วยหรือ” เปโตรตอบว่า “ไม่เป็น” (18)บรรดาผู้รับใช้และยามนำถ่านมาก่อไฟเพราะอากาศหนาว แล้วยืนผิงไฟกันที่นั่น เปโตรก็ยืนผิงไฟกับเขาด้วย
(25)ขณะนั้นซีโมนเปโตรกำลังยืนผิงไฟอยู่ คนที่อยู่ด้วยถามเขาว่า “ท่านไม่เป็นศิษย์ของเขาด้วยหรือ” เปโตรปฏิเสธว่า “ไม่เป็น”  (26)ผู้รับใช้คนหนึ่งของมหาสมณะเป็นญาติกับคนซึ่งเปโตรฟันใบหูขาดพูดว่า “ข้าพเจ้าเห็นท่านอยู่ในสวนกับเขามิใช่หรือ” (27)เปโตรปฏิเสธอีกครั้งหนึ่ง ทันใดนั้น ไก่ก็ขัน


    ในขณะที่บรรดาศิษย์ละทิ้งพระเยซูเจ้าและหลบหนีไปหมด แต่เปโตรไม่ !
    เปโตรไม่อาจปล่อยพระองค์ไว้ตามลำพังได้ เขาจึงเข้าไปในบ้านของมหาสมณะคายาฟาสกับศิษย์อีกผู้หนึ่งที่สามารถเข้านอกออกในได้เพราะรู้จักกับมหาสมณะและคนรับใช้
    มีการคาดเดาต่าง ๆ นานาว่าศิษย์ผู้นี้คือใคร  บางคนบอกไม่มีทางรู้ชื่อศิษย์คนนี้ได้เลย  บางคนบอกว่าศิษย์ผู้นี้คือนิโคเดมัสหรือไม่ก็เป็นโยเซฟชาวอาริมาเธีย ซึ่งต่างก็เป็นสมาชิกสภาสูงด้วยกันทั้งคู่ จึงรู้จักกับมหาสมณะเป็นอย่างดี  บางคนบอกว่าคือยูดาส อิสคาริโอทซึ่งต้องเข้าบ้านมหาสมณะบ่อย ๆ ระหว่างวางแผนทรยศอาจารย์ของตนเอง  แต่ความเห็นสุดท้ายนี้คงเป็นไปได้ยาก เพราะในสวนเกทเสมนี เปโตรรู้แล้วว่ายูดาสคือผู้ทรยศและคงไม่ยอมร่วมทางกับคนทรยศเข้าถ้ำเสือเป็นแน่
    ความเห็นที่สืบทอดกันมาแต่แรกคือศิษย์ผู้นี้ได้แก่ยอห์นเอง  แต่คำถามคือยอห์นซึ่งเป็นชาวกาลิลีจะรู้จักกับมหาสมณะซึ่งอยู่ในแคว้นยูเดียทางใต้ได้อย่างไร ?
    คำอธิบายที่พอยอมรับได้คือ บิดาของยอห์นคงทำธุรกิจที่เฟื่องฟูจึงสามารถจ้างคนใช้ได้ (มก 1:20) และอุตสาหกรรมที่ขึ้นชื่อลือชาของชาวกาลิลีคือการทำปลาเค็ม เพราะการรักษาปลาให้สดท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัดและไม่มีน้ำแข็งหรือตู้เย็นเช่นปัจจุบันเป็นสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้  ปลาเค็มจึงกลายเป็นอาหารหลักและสินค้าสำคัญ
    เชื่อกันว่าบิดาของยอห์นมีกิจการค้าปลาเค็ม และเป็นผู้ส่งปลาเค็มรายใหญ่ให้แก่ครอบครัวของมหาสมณะ  ยอห์นจึงมีโอกาสรู้จักกับมหาสมณะและบรรดาคนใช้ในบ้าน
    พวกฟรังซิสกันเชื่อว่าบิดาของยอห์นมีสำนักงานสาขาอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็มเพื่อจัดส่งปลาเค็มให้บ้านของมหาสมณะคายาฟาส  ปัจจุบันที่ตั้งของสำนักงานสาขาแห่งนี้เป็นร้านกาแฟของชาวอาหรับคนหนึ่ง
    ไม่ว่าศิษย์ผู้นี้จะใช่ยอห์นหรือไม่ เขาได้นำเปโตรเข้าไปในบ้านของมหาสมณะ และที่นี่ท่านได้ปฏิเสธพระเยซูเจ้าสามครั้ง
    ที่น่าสังเกตคือพระเยซูเจ้าทรงทำนายว่าเปโตรจะปฏิเสธพระองค์สามครั้งก่อน “ไก่ขัน” ปัญหาคือตามกฎหมายของชาวยิวการเลี้ยงไก่ในนครศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งต้องห้าม หรือว่าชาวยิวเลิกถือกฎข้อนี้แล้ว ? และอีกปัญหาหนึ่งคือ เราแน่ใจได้อย่างไรว่าไก่ยิวจะขันเวลาตีสาม ?
    ที่เราทราบคือ กองทหารโรมันมีการผลัดเปลี่ยนเวรยามเวลาตีสาม ขณะเปลี่ยนเวรพวกเขาจะเป่าแตรเดี่ยว (trumpet)  คำแตรเดี่ยวตรงกับภาษาละติน gallicinium (กัลลีชีนีอุม) และภาษากรีก alektorophōnia (อเลคตอรอโฟเนีย) ซึ่งมีความหมายเหมือนกันคือ “เสียงไก่ขัน”
    เป็นไปได้มากว่าพระเยซูเจ้าตรัสกับเปโตรว่า “ก่อนแตรเดี่ยวจะส่งเสียงเหมือนไก่ขันเวลาตีสาม เจ้าจะปฏิเสธเราสามครั้ง”
    เมื่อเสียแตรดังเวลาตีสาม เปโตรจึงระลึกถึงคำพูดของพระองค์ได้ !

    ไม่มีอัครสาวกคนใดจะถูกตัดสินอย่างไม่เป็นธรรมเทียบเท่าเปโตรอีกแล้ว  ทั้งบรรดาผู้เทศน์และผู้อธิบายพระคัมภีร์มักเน้นย้ำความผิดพลาดและความน่าละอายของท่าน
    แต่สิ่งที่เราต้องระลึกอยู่เสมอคือ
    1.    บรรดาอัครสาวกคนอื่น ๆ ยกเว้นยอห์น (ถ้าท่านคือศิษย์นิรนามผู้นั้น) ต่างพากันละทิ้งพระเยซูเจ้าและหลบหนีไป  แต่เปโตรไม่ได้หลบหนี ท่านยังคงติดตามพระองค์  และในสวนเกทเสมนีก็เป็นท่านเพียงคนเดียวที่ชักดาบสู้กับทหารนับร้อย
        สิ่งแรกที่ควรระลึกถึงเปโตรจึงมิใช่ความผิดพลาดของท่าน  แต่เป็นความกล้าหาญที่ทำให้ท่านตามติดพระเยซูเจ้าในขณะที่คนอื่น ๆ หลบหนีไปหมดแล้ว  ความผิดพลาดของท่านเกิดขึ้นก็เพราะท่านกล้าหาญมากนั่นเอง !
        ท่านผิดพลาดก็จริงอยู่  แต่ท่านผิดพลาดในสถานการณ์ที่ศิษย์คนอื่น ๆ ไม่กล้าแม้แต่จะเผชิญหน้า
         ท่านพลาดไม่ใช่เพราะขี้ขลาด แต่เพราะท่านกล้าหาญ !!
    2.    เราต้องระลึกว่าเปโตรรักพระเยซูเจ้ามากสักเพียงใด  คนอื่น ๆ ทอดทิ้งพระองค์ แต่ท่านยืนหยัดอยู่เคียงข้างพระองค์
        ท่านรักพระเยซูเจ้ามากจนไม่อาจทอดทิ้งพระองค์ไว้ตามลำพังได้ !
        ท่านพลาดก็จริง แต่ท่านพลาดในสภาพแวดล้อมที่คนรักพระองค์จริง ๆ เท่านั้นจึงจะมีโอกาสได้ประสบ
    3.    เราต้องระลึกอยู่เสมอว่าเปโตรพยายามแก้ไขความผิดพลาดที่ท่านก่อขึ้น  เรื่องราวการปฏิเสธพระเยซูเจ้าของท่านคงแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นธรรมชาติของมนุษย์อยู่แล้วที่ชอบฟังเรื่องเลวร้ายของคนอื่นมากกว่าฟังเรื่องดี ๆ  จนมีตำนานเล่าว่าผู้คนชอบล้อเลียนท่านด้วยการทำเสียงไก่ขันเมื่อท่านเดินผ่าน
        ดูแล้วชีวิตไม่ง่ายเลยสำหรับท่าน  แต่ท่านกล้าและตั้งใจแน่วแน่ที่จะแก้ไขความผิดพลาด
นี่คือความยิ่งใหญ่สุด ๆ ของท่าน !
   
    อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงให้จงหนักคือ “ตัวตนจริง ๆ” ของท่าน
         - เปโตรคือผู้ที่ยืนยันความจงรักภักดีต่อพระเยซูเจ้าบนห้องชั้นบนที่ใช้จัดเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้ายด้วยการกล่าวว่า “พระเจ้าข้า ทำไมข้าพเจ้าจึงตามพระองค์ไปเวลานี้ไม่ได้ ข้าพเจ้าจะสละชีวิตเพื่อพระองค์” (ยน 13:37)
- เปโตรคือผู้ที่ชักดาบออกจากฝักท่ามกลางแสงจันทร์ในสวนเกทเสมนี
         - เปโตรคือผู้ที่ติดตามพระเยซูเจ้าเข้าไปในบ้านของศัตรูเพราะไม่อาจละทิ้งพระองค์ไว้ตามลำพังได้
    ส่วนสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตนแท้จริงของท่านคือ ความอ่อนแออันเกิดจากแรงกดดันจนทำให้ท่านปฏิเสธพระองค์
    นี่คือสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงมองเห็น !
    ความสุดยอดของพระองค์คือ ภายใต้ความผิดพลาดมากมาย พระองค์ทรงมองเห็น “ตัวตนที่แท้จริง” ของเรา
    พระองค์ทรงเข้าใจเรา
    ความรักที่พร้อมให้อภัยของพระองค์ ทำให้พระองค์มองเห็นตัวตนที่แท้จริงของเรา
        - พระองค์ไม่ได้ดูที่ความถูกผิด แต่ดูที่ความจงรักภักดีของเรา
        - พระองค์ไม่ได้ดูที่ความพ่ายแพ้ แต่ดูที่ความมุ่งมั่นทำดีของเรา