แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

วันศุกร์ สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลธรรมดา

พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก (มก 4:26-34)                             

เวลานั้น พระเยซูเจ้ายังตรัสอีกว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้ายังเปรียบเสมือนคนที่นำเมล็ดพืชไปหว่านในดิน เขาจะหลับหรือตื่น กลางคืนหรือกลางวัน เมล็ดนั้นก็งอกขึ้นและเติบโต เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรเขาไม่รู้ ดินนั้นมีพลังให้เกิดผลในตนเอง ครั้งแรกก็เป็นลำต้น แล้วก็ออกรวง ต่อมาก็มีเมล็ดเต็มรวง เมื่อข้าวสุก เกิดผลแล้ว เขาก็ใช้คนไปเก็บเกี่ยวทันที เพราะถึงฤดูเก็บเกี่ยวแล้ว”

พระองค์ตรัสอีกว่า “เราจะเปรียบพระอาณาจักรของพระเจ้าอย่างไร หรือจะใช้อุปมาอะไรอธิบายเรื่องนี้ พระอาณาจักรเปรียบเหมือนเมล็ดมัสตาร์ดซึ่งเมื่อหว่านในดิน ก็เป็นเมล็ดเล็กกว่าเมล็ดทั้งปวงทั่วแผ่นดิน แต่ครั้นได้หว่านแล้วก็งอกขึ้นและกลายเป็นต้นไม้ใหญ่กว่าพืชผักทุกชนิด มีกิ่งก้านใหญ่โตจนบรรดานกในอากาศมาพักอาศัยร่มเงาได้”

พระองค์ตรัสเป็นอุปมาเช่นนี้อีกมากตามที่เขาเหล่านั้นฟังเข้าใจได้ พระองค์มิได้ตรัสกับเขาโดยไม่ใช้อุปมา แต่เมื่อทรงอยู่เฉพาะกับบรรดาศิษย์ก็ทรงอธิบายทุกเรื่องให้กับเขาเหล่านั้น


  มก 4:26-32 อุปมาเรื่องแรกของพระวรสารตอนนี้แสดงถึงการกระทำที่ไม่สามารถมองเห็นได้ของพระจิตเจ้า ซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งการเติบโตของพระอาณาจักรพระเจ้า เมื่อเวลาผ่านพ้นไปการแผ่ขยายของพระอาณาจักรก็กลายเป็นสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจน ส่วนอุปมาเรื่องที่สองอธิบายถึงพระอาณาจักรของพระเจ้าที่เป็นเสมือนเมล็ดมัสตาร์ดซึ่งมีขนาดเล็กมาก แต่เมื่อได้เติบโตขึ้นมาก็กลายเป็นต้นไม้ใหญ่ที่ส่งผลต่อโลกทั้งมวล

งานธรรมทูต - ความจำเป็นสำหรับสากลภาพของพระศาสนจักร

  CCC ข้อ 851 แรงบันดาลใจของงานธรรมทูต พระศาสนจักรรับหน้าที่และพลังผลักดันสำหรับงาน ธรรมทูตจากความรักของพระเจ้าต่อมวลมนุษย์ “ความรักของพระคริสตเจ้าผลักดันเรา...”   (2 คร 5:14) อันที่จริง พระเจ้า “ทรงมีพระประสงค์ให้ทุกคนได้รับความรอดพ้นและรู้ความจริงที่สมบูรณ์” (1ทธ 2:4) พระเจ้าทรงประสงค์ความรอดพ้นของทุกคนผ่านทางการรู้ความจริง ความรอดพ้นพบได้ในความจริง ผู้ที่เชื่อฟังการดลใจของพระจิตแห่งความจริงจึงอยู่ในหนทางแห่งความรอดพ้นแล้ว แต่พระศาสนจักรที่พระเจ้าทรงฝากความจริงนี้ไว้ให้ จึงต้องมาพบกับความปรารถนาของคนเหล่านี้เพื่อนำความจริงมาให้ พระศาสนจักรเชื่อในแผนการสากลแห่งความรอดพ้นเช่นนี้จึงต้องเป็นพระศาสนจักรธรรมทูต

  CCC ข้อ 852  วิธีการของงานธรรมทูต “พระจิตเจ้าทรงมีบทบาทสำคัญของงานธรรมทูตทั้งหมดของพระศาสนจักร”พระจิตเจ้าทรงเป็นผู้นำในหนทางของงานธรรมทูตซึ่งยังดำเนินอยู่ต่อไป และตลอดมาในอดีต ก็ได้แผ่ขยายพันธกิจของพระคริสตเจ้าผู้ที่พระเจ้าทรงส่งมาเพื่อประกาศข่าวดีแก่คนยากจน “พระศาสนจักรจึงต้องดำเนินในหนทางเดียวกันกับที่พระคริสตเจ้า เคยทรงพระดำเนินโดยมีพระจิตของพระคริสตเจ้าทรงผลักดัน นั่นคือในหนทางแห่งความยากจน ความเชื่อฟัง การรับใช้และการถวายตนเองยอมรับความตาย เพื่อทรงกลับคืนพระชนมชีพจากความตายนี้ในฐานะผู้พิชิต” ด้วยวิธีนี้ “โลหิตของบรรดามรณสักขีจึงเป็นเสมือนเมล็ดพันธุ์ที่ให้กำเนิดบรรดาคริสตชน”

  CCC ข้อ 853 แต่พระศาสนจักรที่กำลังเดินทางอยู่ในโลกนี้ยังมีประสบการณ์ด้วยว่า “ข่าวสารที่ตนประกาศนั้นช่างแตกต่างกันมากกับความอ่อนแอของบรรดาผู้ที่ได้รับมอบหมายข่าวดีนี้” โดยดำเนิน “ตามแนวทางการกลับใจและฟื้นฟู” เท่านั้น และ “โดยเดินตามหนทางแคบแห่งไม้กางเขน” เท่านั้น ประชากรของพระเจ้าจึงสามารถขยายพระอาณาจักรของพระคริสตเจ้าได้ “พระคริสตเจ้าทรงทำให้งานกอบกู้สำเร็จโดยความยากจนและการถูกเบียดเบียนฉันใด พระศาสนจักรก็ได้รับเรียกให้เข้ามาเดินในหนทางเดียวกันเพื่อนำผลความรอดพ้นมาแบ่งปันแก่มวลมนุษย์ฉันนั้น”

    CCC ข้อ 854 โดยพันธกิจของตน พระศาสนจักร “ดำเนินไปพร้อมกับมวลมนุษยชาติและประสบชะตากรรมเดียวกันร่วมกับโลกและเป็นประดุจวิญญาณของสังคมมนุษย์ที่ต้องรับการฟื้นฟูในพระคริสตเจ้าและเปลี่ยนให้เป็นครอบครัวของพระเจ้า” งานธรรมทูตจึงเรียกร้องให้มีความพากเพียร งานนี้เริ่มโดยการประกาศ พระวรสารแก่ประชากรและกลุ่มชนต่างๆ ที่ยังไม่มีความเชื่อในพระคริสตเจ้า ดำเนินต่อไปโดยตั้งชุมชนคริสตชนซึ่งเป็นเครื่องหมายการประทับอยู่ของพระเจ้าในโลก และตั้งพระศาสนจักรท้องถิ่น เริ่มกระบวนการเข้าสู่วัฒนธรรมเพื่อทำให้การประกาศข่าวดีอยู่ในวัฒนธรรมของประชากรเหล่านั้น แต่ก็อาจต้องประสบผลตรงกันข้าม “ส่วนที่เกี่ยวกับกลุ่มชนและประชากรนั้น พระศาสนจักรค่อยๆ เข้าถึงและแทรกซึมเข้าไปได้เท่านั้น และดังนี้จึงอาจนำเขาเข้ามาเป็นสากลหรือคาทอลิกได้อย่างสมบูรณ์” 


มก 4:33-34  เป็นอีกครั้งหนึ่งที่บรรดาศิษย์ได้รับอภิสิทธิ์ในการรับฟังคำอธิบายของอุปมาเรื่องต่างๆอย่างครบถ้วนมากกว่าผู้อื่น

พระแจ้งข่าวเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้า

  CCC ข้อ 546 พระเยซูเจ้าทรงเชื้อเชิญให้เข้าในพระอาณาจักรโดยใช้เรื่องอุปมาซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะสำคัญของคำสอนของพระองค์ อาศัยเรื่องอุปมาเหล่านี้ พระองค์ทรงเชิญทุกคนเข้ามาร่วมงานเลี้ยงของพระอาณาจักร แต่ก็ยังทรงเรียกร้องให้ต้องเลือกอย่างเด็ดขาดด้วย เพื่อจะได้พระอาณาจักรนี้จำเป็นต้องสละทุกสิ่ง คำพูดเท่านั้นไม่พอ จำเป็นต้องมีกิจการด้วย เรื่องอุปมาเป็นเสมือนกระจกสำหรับมนุษย์ เขาได้รับพระวาจาเหมือนกับพื้นดินแข็งหรือเหมือนกับดินดี? เขาทำอะไรกับเงินตะลันต์ที่ได้รับมา พระเยซูเจ้าและพระอาณาจักรที่มีอยู่ในโลกนี้ซ่อนอยู่ในความหมายของเรื่องอุปมาเหล่านี้ จำเป็นที่เราต้องเข้าในพระอาณาจักร นั่นคือต้องเป็นศิษย์ของพระคริสตเจ้าเพื่อรู้จัก “ธรรมล้ำลึกเรื่องอาณาจักรสวรรค์” (มธ 13:11) สำหรับผู้ที่อยู่ “ภายนอก” (มก 4:11) ทุกสิ่งเป็นปริศนา

(จากหนังสือ THE DIDACHE BIBLE with commentaries based on the Catechism of the Catholic Church, Ignatius Bible Edition)