แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

วันอาทิตย์ สมโภชพระตรีเอกภาพ

พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมัทธิว (มธ 28:16-20)        

เวลานั้น บรรดาศิษย์ทั้งสิบเอ็ดคนได้ไปยังแคว้นกาลิลี ถึงภูเขาที่พระเยซูเจ้าทรงกำหนดไว้ เมื่อเขาเห็นพระองค์ ก็กราบนมัสการ แต่บางคนยังสงสัยอยู่

      พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามาใกล้ ตรัสแก่เขาทั้งหลายว่า ‘พระเจ้าทรงมอบอำนาจอาชญาสิทธิ์ทั้งหมดในสวรรค์และบนแผ่นดินให้แก่เรา เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงไปสั่งสอนนานาชาติให้มาเป็นศิษย์ของเรา ทำพิธีล้างบาปให้เขาเดชะพระนาม พระบิดา พระบุตร และพระจิต จงสอนเขาให้ปฏิบัติตามคำสั่งทุกข้อที่เราได้ให้แก่ท่าน แล้วจงทราบเถิดว่าเราอยู่กับท่านทุกวันตลอดไปตราบจนสิ้นพิภพ’


มธ 28:16-17 บางคนยังสงสัยอยู่ : แม้ว่าจะมีการบอกล่วงหน้าและการประจักษ์มาของพระคริสตเจ้าแล้วก็ตาม แต่ศิษย์บางคนก็ยังมีความสงสัยในการกลับคืนพระชนมชีพอยู่ ข้อสงสัยนี้เป็นหลักฐานว่าการกลับคืนพระชนมชีพทางกายภาพของพระคริสตเจ้านั้นเกิดขึ้นจริง และไม่ใช่การหลอกลวงแบบสมรู้ร่วมคิด หรือการแสดงออกอย่างเพ้อฝันของความเชื่อของบรรดาสาวก

CCC ข้อ 644 แม้เมื่ออยู่ต่อหน้าพระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพจริงๆ แล้ว บรรดาศิษย์ก็ยังมีความสงสัย เห็นว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เขาคิดว่าตนกำลังเห็นผี “เขายินดีและแปลกใจจนไม่อยากเชื่อ” (ลก 24:41) โทมัสก็มีความสงสัยต้องการพิสูจน์เหมือนกัน และในโอกาสที่ทรงสำแดงพระองค์เป็นครั้งสุดท้ายในแคว้นกาลิลีที่มัทธิวเล่าไว้ “บางคนยังสงสัยอยู่” (มธ 28:17) ดังนั้น สมมุติฐานที่คิดว่าการกลับคืนพระชนมชีพเป็น “ผล” ที่เกิดจากความเชื่อ (หรือความงมงาย) ของบรรดาอัครสาวกจึงไม่สมเหตุผล ตรงกันข้าม ความเชื่อของพวกเขาถึงการกลับคืนพระชนมชีพเกิดขึ้น – โดยอิทธิพลของพระหรรษทาน – จากประสบการณ์โดยตรงกับพระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ

CCC ข้อ 645 เมื่อทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว พระเยซูเจ้าทรงมีความสัมพันธ์โดยตรงกับบรรดาศิษย์ผ่านการสัมผัส และเสวยพระกระยาหาร พระองค์ทรงเชิญเขาเช่นนี้ให้รับรู้ว่าพระองค์ไม่ทรงเป็นเพียงจิต (หรือ “ผี”)แต่โดยเฉพาะเพื่อเขาจะได้เห็นว่าพระกายที่กลับคืนชีพของพระองค์ที่เขาพบนี้เป็นพระกายเดียวกันกับพระกายที่เคยรับทรมานและถูกตรึงบนไม้กางเขน เพราะยังมีร่องรอยของพระทรมานปรากฏอยู่ ถึงกระนั้น พระวรกายแท้จริงนี้ก็มีคุณสมบัติใหม่ของพระวรกายรุ่งโรจน์พร้อมกันด้วย พระวรกายนี้ไม่ถูกจำกัดอยู่ในเวลาและสถานที่อีกต่อไป แต่สามารถไปอยู่ที่ใดและเมื่อใดก็ได้ตามพระประสงค์ เพราะพระธรรมชาติมนุษย์ของพระองค์ไม่อาจถูกจำกัดอยู่ในโลกอีกต่อไปและอยู่ในปกครองของพระบิดาเจ้าเท่านั้นและเพราะเหตุนี้ พระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้วจึงทรงอิสระอย่างยิ่งที่จะทรงสำแดงพระองค์ตามที่ทรงประสงค์ เช่นในรูปของคนสวนหรือ “ในรูปอื่น” (มก 16:12) ที่แตกต่างจากรูปที่บรรดาศิษย์เคยรู้จัก ทั้งนี้เพื่อปลุกความเชื่อของพวกเขานั่นเอง


มธ 28:18-20 อำนาจอาชญาสิทธิ์ทั้งหมดในสวรรค์และบนแผ่นดิน : ในฐานะพระบุตรของพระเจ้าพระคริสตเจ้าทรงมีอำนาจในการมอบหมายหรือประทานอำนาจของพระองค์ให้แก่บรรดาอัครสาวกของพระองค์และผู้สืบตำแหน่งต่อจากพวกเขา ผู้ซึ่งมอบพระหรรษทานของพระองค์ผ่านทางศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ และปฏิบัติงานในพระนามของพระคริสตเจ้า

CCC ข้อ 1444 เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้บรรดาอัครสาวกมีส่วนในอำนาจอภัยบาปได้เช่นเดียวกับพระองค์ พระองค์ยังประทานให้เขามีอำนาจนำคนบาปเข้ามาคืนดีกับพระศาสนจักรได้ด้วย เหตุผลของบทบาทนี้ของเขาในพระศาสนจักรแสดงให้เห็นในพระวาจาที่พระคริสตเจ้าตรัสอย่างสง่าแก่เปโตรว่า “เราจะมอบกุญแจอาณาจักรสวรรค์ให้ท่าน ทุกสิ่งที่ท่านจะผูกบนแผ่นดินนี้ จะผูกไว้ในสวรรค์ด้วย ทุกสิ่งที่ท่านจะแก้ในแผ่นดินนี้ ก็จะแก้ในสวรรค์ด้วย” (มธ 16:19) “เห็นได้ชัดว่าอำนาจผูกและแก้ที่ทรงมอบแก่เปโตรนี้พระองค์ยังทรงมอบแก่คณะอัครสาวกที่รวมอยู่กับประมุขของตนด้วย” (มธ 18:18; 28:16-20)”

CCC ข้อ 1445 คำว่า ผูก และ แก้ หมายความว่า ผู้ที่ท่านกันออกไปจากความสัมพันธ์กับท่านก็จะถูกกันออกไปจากความสัมพันธ์กับพระเจ้า ผู้ที่ท่านจะรับเข้ามามีความสัมพันธ์กับท่านอีก พระเจ้าก็จะทรงรับเข้ามามีความสัมพันธ์กับพระองค์ด้วย การคืนดีกับพระศาสนจักรแยกกันไม่ออกจากการคืนดีกับพระเจ้า

CCC ข้อ 2049 อำนาจสั่งสอนของบรรดาผู้อภิบาลพระศาสนจักรในเรื่องศีลธรรมโดยปกติแล้วแสดงออกในการสอนคำสอนและเทศน์สอน มีรากฐานอยู่บนพระบัญญัติสิบประการซึ่งประกาศหลักการชีวิตศีลธรรมที่มีผลบังคับสำหรับมนุษย์ทุกคน

CCC ข้อ 2050 สมเด็จพระสันตะปาปาและบรรดาพระสังฆราช ในฐานะผู้สอนทรงอำนาจแท้จริง ประกาศสอนประชากรของพระเจ้าถึงความจริงที่ต้องเชื่อและกฎศีลธรรมที่ต้องปฏิบัติ ท่านเหล่านี้ยังมีหน้าที่ตัดสินปัญหาด้านศีลธรรมที่เกี่ยวกับกฎธรรมชาติและเหตุผล

CCC ข้อ 2051 ความไม่รู้จักผิดพลั้งในอำนาจสั่งสอนของบรรดาผู้อภิบาลครอบคลุมองค์ประกอบของคำสอนทุกข้อ รวมทั้งคำสอนเรื่องศีลธรรมที่มีอยู่ในคำสอนเหล่านี้ ซึ่งถ้าไม่มีแล้วเราก็ไม่อาจรักษา อธิบาย หรือปฏิบัติตามความจริงแห่งความเชื่อที่นำความรอดพ้นมาให้เหล่านี้ได้

CCC ข้อ 2156 พิธีศีลล้างบาปประกอบให้เรา “เดชะพระนามพระบิดา พระบุตร และพระจิต” (มธ 28:19) พระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าในศีลล้างบาปบันดาลความศักดิ์สิทธิ์ให้แก่มนุษย์ และคริสตชนก็รับนามของตนในพระศาสนจักร นามนี้อาจเป็นนามของนักบุญองค์หนึ่ง นั่นคือของศิษย์ซึ่งดำเนินชีวิตเป็นแบบอย่างความซื่อสัตย์ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าของตน การอุปถัมภ์ของผู้ศักดิ์สิทธิ์ท่านนี้ให้แบบอย่างความรักและช่วยวอนขอพระเจ้าแทนเรา “ชื่อเมื่อรับศีลล้างบาป” (baptismal name) ยังอาจแสดงถึงพระธรรมล้ำลึกหรือคุณธรรมบางประการสำหรับคริสตชนได้ “บิดามารดาและเจ้าอาวาสจึงไม่ควรตั้งชื่อที่เข้ากันไม่ได้กับความหมายการเป็นคริสตชน”

CCC ข้อ 2165 เมื่อรับศีลล้างบาป คริสตชนรับนามของตนในพระศาสนจักร บิดามารดา พ่อแม่อุปถัมภ์และเจ้าอาวาสจะต้องเอาใจใส่ให้ตั้งชื่อคริสตชนให้เขา นักบุญองค์อุปถัมภ์ให้ตัวอย่างความรักแก่เขาและวอนขอพระเจ้าช่วยเหลือเขา


มธ 28:19-20 โดยธรรมชาติแล้วพระศาสนจักรเป็นผู้แพร่ธรรม เพราะพระคริสตเจ้าทรงเป็นผู้ส่งบรรดาอัครสาวกของพระองค์ไปทั่วโลกเพื่อประกาศพระวรสาร โดยบอกให้พวกเขา “สั่งสอนนานาชาติให้มาเป็นศิษย์” เราเรียกพระศาสนจักรว่า "คาทอลิก" ("สากล") เพราะโดยทางศาสนจักร พระคริสตเจ้าทรงแสวงหาความรอดพ้นของทุกคน พระหรรษทานแห่งการไถ่กู้มาสู่เราแต่ละคนโดยทางศีลศักดิ์สิทธิ์ของพระศาสนจักร โดยเริ่มต้นจากศีลล้างบาป เราอยู่กับท่านทุกวันตลอดไป : พระคริสตเจ้าประทับอยู่กับเราในหลากหลายวิธี แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านทางศีลศักดิ์สิทธิ์ของพระศาสนจักร นอกนั้นพระองค์ยังประทับอยู่ในคำสอนของพระศาสนจักรด้วย ซึ่งเป็นพระองค์เองที่ทรงปกป้องเราจากความผิดพลาดทั้งมวล

CCC ข้อ 2 เพื่อให้มนุษย์ทั่วโลกได้ยินการเรียกนี้ของพระเจ้า พระคริสตเจ้าจึงทรงส่งบรรดาอัครสาวกที่ทรงเลือกสรรไว้ออกไปและทรงบัญชาเขาให้ไปประกาศข่าวดีว่าดังนี้ “ท่านทั้งหลายจงไปสั่งสอนนานาชาติให้มาเป็นศิษย์ของเรา ทำพิธีล้างบาปให้เขาเดชะพระนามพระบิดา พระบุตร และพระจิต จงสอนเขาให้ปฏิบัติตามคำสั่งทุกข้อที่เราให้แก่ท่าน แล้วจงรู้เถิดว่าเราอยู่กับท่านทุกวันตลอดไปตราบจนสิ้นพิภพ” (มธ 28:19-20) จากภารกิจที่ได้รับมอบหมายนี้ บรรดาอัครสาวกจึง “แยกย้ายกันออกไปเทศนาสั่งสอนทั่วทุกแห่งหน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำงานร่วมกับเขา และทรงรับรองคำสั่งสอนโดยอัศจรรย์ที่ติดตามมา” (มก 16:20)

CCC ข้อ 189 “การประกาศยืนยันความเชื่อ” เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อรับศีลล้างบาป “สูตรยืนยันความเชื่อ” ก่อนอื่นหมดจึงเป็นสัญลักษณ์ของศีลล้างบาป เนื่องจากว่าเรารับศีลล้างบาป “เดชะพระนามพระบิดา พระบุตร และพระจิต” (มธ 28:19) เราจึงประกาศความจริงของความเชื่อในศีลล้างบาปโดยพาดพิงถึงสามพระบุคคลของพระตรีเอกภาพ

CCC ข้อ 730 ในที่สุดเวลาของพระเยซูเจ้าก็มาถึง ซึ่งหมายถึงเวลาที่พระเยซูเจ้าทรงมอบจิตของพระองค์ไว้ในพระหัตถ์ของพระบิดา และเวลาที่จะทรงพิชิตความตายโดยการสิ้นพระชนม์ เพื่อ “จะทรงกลับคืนพระชนมชีพ […] เดชะพระสิริรุ่งโรจน์ของพระบิดา” (รม 6:4) และต่อมาไม่ช้าจะประทานพระจิตเจ้า “โดยทรงเป่าลม” เหนือบรรดาศิษย์ นับตั้งแต่เวลานี้เป็นต้นไป พระพันธกิจของพระคริสตเจ้าและของพระจิตเจ้าก็กลับเป็นพันธกิจของพระศาสนจักร “พระบิดาทรงส่งเรามาฉันใด เราก็ส่งท่านทั้งหลายไปฉันนั้น” (ยน 20:22)

CCC ข้อ 767 “เมื่องานที่พระบิดาทรงมอบหมายให้พระบุตรทรงปฏิบัติในโลกนี้สำเร็จแล้ว พระองค์ก็ทรงส่งพระจิตเจ้าลงมาในวันเปนเตกอสเตเพื่อทรงบันดาลให้พระศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์ตลอดไป” ตั้งแต่เวลานั้น “พระศาสนจักรจึงแสดงตนอย่างเปิดเผยต่อประชาชน และการประกาศข่าวดีโดยการเทศน์สอนในหมู่นานาชาติจึงได้เริ่มขึ้น” เพราะพระศาสนจักรโดยธรรมชาติเป็น “การเรียกมวลมนุษย์มารวมกัน” เพื่อรับความรอดพ้น จึงถูกพระคริสตเจ้าทรงส่งไปพบชนทุกชาติเพื่อนำมนุษย์จากชนชาติเหล่านั้นมาเป็นศิษย์ของพระองค์

CCC ข้อ 788 เมื่อพระเยซูเจ้าไม่ทรงอยู่กับบรรดาศิษย์อย่างที่เราแลเห็นได้แล้ว พระองค์ก็มิได้ทรงละทิ้งเขาให้เป็นกำพร้า พระองค์ทรงสัญญาว่าจะทรงอยู่กับเขาตราบจนสิ้นพิภพ ทรงส่งพระจิตของพระองค์มาให้เขา ดังนี้ ความสัมพันธ์กับพระเยซูเจ้าก็ยิ่งจะเข้มข้นยิ่งขึ้น “เมื่อประทานพระจิตของพระองค์แก่เขา พระองค์ก็ทรงแต่งตั้งบรรดาพี่น้องที่ทรงเรียกมาจากนานาชาติ ให้เป็นเสมือนพระกายทิพย์ของพระองค์”

CCC ข้อ 831 พระศาสนจักรยังเป็น “สากล” เพราะพระคริสตเจ้าทรงส่งไปสั่งสอนมวลมนุษยชาติ             “มนุษย์ทุกคนได้รับเรียกให้เข้ามาเป็นประชากรใหม่ของพระเจ้า ดังนั้น ประชากรหนึ่ง และยังคงเป็นหนึ่งเดียวนี้ ต้องแผ่ขยายไปทั่วโลกตลอดเวลาทุกศตวรรษ เพื่อทำให้แผนการพระประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จเป็นจริง ตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว พระองค์ทรงสถาปนาธรรมชาติมนุษย์เพียงหนึ่งเดียว และทรงตั้งพระทัยที่จะรวบรวมบรรดาบุตรของพระองค์ที่กระจัดกระจายไปนั้นเข้ามารวมกันเป็นหนึ่งเดียวกันอีกในที่สุด […] ลักษณะการรวมกันเป็นหนึ่งเดียวที่เป็นความงดงามของประชากรของพระเจ้านี้เป็นของประทานขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระศาสนจักรคาทอลิกมุ่งมั่นอยู่ตลอดเวลาที่จะไปให้ถึงเพื่อจะนำมนุษยชาติทั้งหมดพร้อมกับพระพรทุกอย่างที่มนุษยชาติได้รับนั้นกลับเข้ามารวมอยู่ภายใต้พระคริสตเจ้าผู้ทรงเป็นศีรษะในเอกภาพของพระจิตของพระองค์”

CCC ข้อ 860 ในบทบาทของบรรดาอัครสาวก มีบางมิติที่ไม่อาจส่งต่อไปได้ นั่นคือการที่เขาเหล่านี้ได้รับเลือกไว้ให้เป็นพยานของการกลับคืนพระชนมชีพขององค์พระผู้เป็นเจ้าและเป็นรากฐานของพระ ศาสนจักร แต่บทบาทของเขาเหล่านี้ก็ยังมีมิติอื่นที่ยังคงอยู่ตลอดไปด้วยพระคริสตเจ้าทรงสัญญาว่าจะทรงอยู่กับเขาตราบจนสิ้นพิภพด้วย “พระคริสตเจ้าทรงฝากพันธกิจที่พระเจ้าทรงมอบให้นั้นไว้กับบรรดาอัครสาวก พันธกิจนี้จะคงอยู่ตราบจนสิ้นพิภพ เพราะพระวรสารที่เขาเหล่านี้จะต้องมอบต่อไปนั้นเป็นหลักการดำเนินชีวิตทั้งหมดสำหรับพระศาสนจักรตลอดไป เพราะฉะนั้น […] บรรดาอัครสาวกจึงเอาใจใส่ที่จะแต่งตั้งผู้สืบตำแหน่งต่อไป”

CCC ข้อ 1122 พระคริสตเจ้าทรงส่งบรรดาอัครสาวกไปประกาศ “ในพระนามของพระองค์ให้นานาชาติกลับใจเพื่อรับอภัยบาป” (ลก 24:47) “ท่านทั้งหลายจงไปสั่งสอนนานาชาติให้มาเป็นศิษย์ของเรา ทำพิธีล้างบาปให้เขาเดชะพระนามพระบิดา พระบุตรและพระจิต” (มธ 28:19) พันธกิจทำพิธีล้างบาปจึงเป็นพันธกิจเกี่ยวกับศีลศักดิ์สิทธิ์ รวมอยู่ในพันธกิจการประกาศข่าวดี เพราะศีลศักดิ์สิทธิ์มีการเตรียมตัวโดยพระวาจาของพระเจ้าและโดยความเชื่อซึ่งเป็นการเห็นพ้องกับพระวาจานี้ “ประชากรของพระเจ้าก่อนอื่นหมดมารวมกันโดยพระวาจาของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต […] ศาสนบริการด้านศีลศักดิ์สิทธิ์เรียกร้องการประกาศพระวาจา เพราะศีลศักดิ์สิทธิ์เป็นศีลแห่งความเชื่อซึ่งเกิดขึ้นและรับการหล่อเลี้ยงจากพระวาจา”

CCC ข้อ 1257 องค์พระผู้เป็นเจ้าเองทรงยืนยันว่าศีลล้างบาปจำเป็นสำหรับความรอดพ้น พระองค์ยังประทานพระบัญชาให้บรรดาศิษย์ไปประกาศข่าวดีและล้างบาปแก่ชนทุกชาติ ศีลล้างบาปจำเป็นสำหรับผู้ที่ได้รับฟังการประกาศพระวรสารแล้วและมีโอกาสที่จะขอรับศีลนี้ พระศาสนจักรไม่รู้จักวิธีการอื่นเพื่อจะเข้าไปรับความสุขนิรันดรได้อย่างมั่นใจนอกจากโดยศีลล้างบาป ดังนั้น พระศาสนจักรจึงระวังที่จะไม่ละเลยพันธกิจที่ได้รับมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อทำให้ทุกคนที่อาจรับศีลล้างบาปได้เกิดใหม่ “จากน้ำและพระจิตเจ้า” พระเจ้าทรงผูกมัดความรอดพ้นไว้กับศีลล้างบาป แต่พระองค์ไม่ทรงถูกผูกมัดโดยศีลศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์


มธ 28:19 เดชะพระนาม พระบิดา พระบุตร และพระจิต : บทสูตรพระตรีเอกภาพที่พระคริสตเจ้าทรงประทานให้เรานี้ เป็นการเริ่มต้นของทุกบทภาวนาริสตชน รวมถึงการภาวนาในพิธีกรรมของพระศาสนจักรด้วย สมโภชพระตรีเอกภาพมักเรียกกันว่าวันอาทิตย์แห่งพระตรีเอกภาพ ซึ่งจะฉลองในวันอาทิตย์หลังสมโภชพระจิตเจ้า

CCC ข้อ 189 อ่านเพิ่มเติมด้านบน (มธ 28:19-20)

CCC ข้อ 232 คริสตชนรับศีลล้างบาป “เดชะพระนามพระบิดา และพระบุตร และพระจิต” (มธ 28:19) ก่อนหน้านั้นเขาตอบว่า “ข้าพเจ้าเชื่อ” ต่อคำถาม 3 ข้อที่พระสงฆ์ขอให้เขาแสดงความเชื่อในพระบิดา พระบุตร และพระจิตเจ้า – “ความเชื่อของคริสตชนทุกคนตั้งอยู่บนพระตรีเอกภาพ”

CCC ข้อ 1122 อ่านเพิ่มเติมด้านบน (มธ 28:19-20)

CCC ข้อ 1276 “ดังนั้น ท่านทั้งหลายจงไปสั่งสอนนานาชาติให้มาเป็นศิษย์ของเรา ทำพิธีล้างบาปให้เขาเดชะพระนามพระบิดา พระบุตร และพระจิต จงสอนเขาให้ปฏิบัติตามคำสั่งทุกข้อที่เราให้แก่ท่าน” (มธ 28:19-20)

CCC ข้อ 2156  พิธีศีลล้างบาปประกอบให้เรา “เดชะพระนามพระบิดา พระบุตร และพระจิต” (มธ 28:19) พระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าในศีลล้างบาปบันดาลความศักดิ์สิทธิ์ให้แก่มนุษย์ และคริสตชนก็รับนามของตนในพระศาสนจักร นามนี้อาจเป็นนามของนักบุญองค์หนึ่ง นั่นคือของศิษย์ซึ่งดำเนินชีวิตเป็นแบบอย่างความซื่อสัตย์ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าของตน การอุปถัมภ์ของผู้ศักดิ์สิทธิ์ท่านนี้ให้แบบอย่างความรักและช่วยวอนขอพระเจ้าแทนเรา “ชื่อเมื่อรับศีลล้างบาป” (baptismal name) ยังอาจแสดงถึงพระธรรมล้ำลึกหรือคุณธรรมบางประการสำหรับคริสตชนได้ “บิดามารดาและเจ้าอาวาสจึงไม่ควรตั้งชื่อที่เข้ากันไม่ได้กับความหมายการเป็นคริสตชน”


มธ 28:20 อยู่กับท่านทุกวันตลอดไป : พระสัญญาของพระคริสตเจ้าที่จะคงอยู่กับพระศาสนจักรสำเร็จสมบูรณ์ไปในการประทับอยู่ที่ล้ำลึกของพระองค์ท่ามกลางเราและในศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในศีลมหาสนิท นอกจากนี้ยังแสดงออกโดยทางพระจิตเจ้าผู้ทรงปกป้องอำนาจการสอนของพระศาสนจักรให้พ้นจากความผิดพลั้งทั้งมวล

CCC ข้อ 1 พระเจ้าผู้ทรงความสมบูรณ์และความสุขอย่างไม่มีขอบเขต ได้ทรงเนรมิตสร้างมนุษย์ขึ้นมาโดยอิสระจากพระทัยดีของพระองค์ เพื่อให้มนุษย์ได้มีส่วนร่วมชีวิตและความสุขของพระองค์ ดังนั้นพระองค์จึงทรงอยู่ใกล้ชิดกับมนุษย์ทุกแห่งและทุกเมื่อ พระเจ้าทรงเรียกมนุษย์และทรงช่วยเขาให้แสวงหาพระองค์ รู้จักพระองค์ และรักพระองค์โดยสิ้นสุดกำลัง พระองค์ทรงเรียกมนุษย์ทุกคนที่บาปทำให้กระจัดกระจายไป ได้กลับมารวมกันเป็นหนึ่งเดียวในครอบครัวของพระองค์ คือพระศาสนจักร เพื่อให้ภารกิจนี้สำเร็จ พระองค์ทรงส่งพระบุตรมาเป็นพระผู้ไถ่กู้และช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นเมื่อถึงเวลากำหนด ในองค์พระบุตรและผ่านทางองค์พระบุตรนี้ พระเจ้าทรงเรียกมนุษย์ทั้งหลายให้กลับมาเป็นบุตรบุญธรรมของพระองค์ในพระจิตเจ้าและดังนี้จึงเป็นผู้รับชีวิตแห่งความสุขของพระองค์เป็นมรดกด้วย

CCC ข้อ 2 อ่านเพิ่มเติมด้านบน (มธ 28:19-20)

CCC ข้อ 849 พระบัญชาให้ทำงานธรรมทูต “พระเจ้าทรงส่งพระศาสนจักรตามความจำเป็นภายในเฉพาะของความเป็นสากลออกไปยังนานาชาติเพื่อให้เป็น ‘เครื่องหมายและเครื่องมือสากลที่บันดาลความรอดพ้น’ พระศาสนจักรจึงเชื่อฟังพระบัญชาของพระผู้ทรงสถาปนาของตน พยายามประกาศ พระวรสารแก่มนุษย์ทุกคน” “ดังนั้น ท่านทั้งหลายจงไปสั่งสอนนานาชาติให้มาเป็นศิษย์ของเรา ทำพิธีล้างบาปให้เขาเดชะพระนามพระบิดา พระบุตรและพระจิต จงสอนเขาให้ปฏิบัติตามคำสั่งทุกข้อที่เราให้แก่ท่าน แล้วจงรู้เถิดว่าเราอยู่กับท่านทุกวันตลอดไปตราบจนสิ้นพิภพ” (มธ 28:19-20)

CCC ข้อ 850 บ่อเกิดและจุดประสงค์ของงานธรรมทูต พระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ประกาศข่าวดีนั้นมีต้นกำเนิดสุดท้ายอยู่ในความรักนิรันดรของพระตรีเอกภาพ “พระศาสนจักรที่กำลังเดินทางอยู่ในโลกนี้โดยธรรมชาติแล้วจะต้องประกาศข่าวดี เพราะพระศาสนจักรเกิดขึ้นจากพันธกิจของพระบุตรและของพระจิตเจ้าตามพระประสงค์ของพระเจ้าพระบิดา จุดประสงค์สุดท้ายของงานธรรมทูตก็ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากทำให้มนุษย์มีส่วนความสัมพันธ์ที่มีอยู่ระหว่างพระบิดาและพระบุตรในพระจิตแห่งความรักของทั้งสองพระองค์

CCC ข้อ 1223 รูปแบบต่างๆ ที่เป็นการกล่าวล่วงหน้าในพันธสัญญาเดิมสำเร็จเป็นจริงสมบูรณ์ในพระเยซูคริสตเจ้า พระองค์ทรงเริ่มพระชนมชีพเปิดเผยหลังจากเสด็จไปรับพิธีล้างจากนักบุญยอห์นผู้ทำพิธีล้างในแม่น้ำจอร์แดน และหลังจากที่ทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว พระองค์ยังทรงมอบพันธกิจนี้แก่บรรดาอัครสาวกว่า “ดังนั้น ท่านทั้งหลายจงไปสั่งสอนนานาชาติให้มาเป็นศิษย์ของเรา ทำพิธีล้างบาปให้เขาเดชะพระนามพระบิดา พระบุตรและพระจิต จงสอนเขาให้ปฏิบัติตามคำสั่งทุกข้อที่เราให้แก่ท่าน” (มธ 28:19-20)

CCC ข้อ 2743   เราอาจอธิษฐานภาวนาได้เสมอ เวลาของคริสตชนเป็นเวลาที่พระคริสตเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้วประทับอยู่กับเรา “ทุกวัน” (มธ 28:20) ไม่ว่าจะเกิดมีพายุใดๆ ขึ้น เวลาของเราอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า “แม้คนที่อยู่ในตลาดหรือกำลังเดินทางก็อาจตั้งใจภาวนาได้ คนที่กำลังนั่งในโรงงานและเย็บหนังก็อาจยกจิตใจหาพระเจ้าได้ ผู้รับใช้ที่กำลังเสิร์ฟอาหาร หรือวิ่งขึ้นลง หรือกำลังทำงานในครัว [...] ก็อาจถวายการอธิษฐานภาวนาจากส่วนลึกของจิตใจได้เสมอ”

(จากหนังสือ THE DIDACHE BIBLE with commentaries based on the Catechism of the Catholic Church, Ignatius Bible Edition)