แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

วันจันทร์สัปดาห์ที่ 4

พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญลูกา (ลก 1:39-45)          

หลังจากนั้นไม่นาน พระนางมารีย์ทรงรีบออกเดินทางไปยังเมืองหนึ่งในแถบภูเขาแคว้นยูเดีย พระนางเสด็จเข้าไปในบ้านของเศคาริยาห์และทรงทักทายนางเอลีซาเบธ เมื่อนางเอลีซาเบธได้ยินคำทักทายของพระนางมารีย์ บุตรในครรภ์ก็ดิ้น นางเอลีซาเบธได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม ร้องเสียงดังว่า “เธอได้รับพระพรยิ่งกว่าหญิงใดๆ และลูกของเธอก็ได้รับพระพรด้วย ทำไมพระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงเสด็จมาเยี่ยมข้าพเจ้า เมื่อฉันได้ยินคำทักทายของเธอ ลูกในครรภ์ของฉันก็ดิ้นด้วยความยินดี เธอเป็นสุขที่เชื่อว่า พระวาจาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่เธอไว้จะเป็นจริง”


ลก 1:39-56 การพบปะที่พิเศษระหว่างพระนางมารีย์กับนางเอลีซาเบธนั้นสอนเราเกี่ยวกับพระบุคคลของพระคริสตเจ้าและบทบาทหน้าที่ประกาศกของยอห์น บัปติสต์ ผู้ซึ่งโลดเต้นอยู่ในครรภ์ของนางเอลีซาเบธ นางเอลีซาเบธได้กล่าวกับพระนางมารีย์ว่า พระนางทรงเป็น “มารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า” และได้ยืนยันว่า พระกุมารเยซูคือผู้ทรงกระทำให้ทุกสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงสัญญาโดยทางบรรดาประกาศกนั้นสำเร็จไปอย่างสมบูรณ์ ด้วยพระบารมีของพระกุมารที่อยู่ในครรภ์ของพระนาง ทำให้การพบปะกันของพระนางมารีย์และนางเอลีซาเบธญาติของพระนางเป็นดังจุดสูงสุดของการที่พระเจ้าเสด็จเยี่ยมประชากรของพระองค์ เราเรียกการทักทายกันของสตรีทั้งสองนี้ว่า การเสด็จเยี่ยม ซึ่งเป็นธรรมล้ำลึกแห่งความปิติยินดีข้อที่สองของการสวดสายประคำ

CCC ข้อ 148 พระนางพรหมจารีมารีย์ทรงทำให้การยอมรับความเชื่อเป็นจริงอย่างสมบูรณ์ที่สุด พระนางมารีย์ทรงรับข่าวสารและพระสัญญาที่ทูตสวรรค์กาเบรียลนำมาแจ้งให้ทราบด้วยความเชื่อ เพราะทรงเชื่อว่า “ไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าจะทรงกระทำไม่ได้” (ลก 1:37) และทรงน้อมรับพระประสงค์ “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด” (ลก 1:38) นางเอลีซาเบธก็ทักทายพระนางด้วยถ้อยคำว่า “เธอเป็นสุขที่เชื่อว่าพระวาจาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่เธอไว้จะเป็นจริง” (ลก 1:45) เพราะความเชื่อนี้เองชนทุกสมัยจะกล่าวว่าพระนางเป็นสุข

CCC ข้อ 422 “แต่เมื่อถึงเวลาที่กำหนดไว้ พระเจ้าทรงส่งพระบุตรของพระองค์ให้มาบังเกิดจากหญิงผู้หนึ่งเกิดมาอยู่ใต้ธรรมบัญญัติ เพื่อทรงไถ่ผู้ที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ และทำให้เราได้เป็นบุตรบุญธรรม” (กท 4:4-5) นี่เป็น “ข่าวดีเรื่องพระเยซูเจ้าเป็นพระคริสต์ พระบุตรของพระเจ้า” พระเจ้าเสด็จเยี่ยมประชากรของพระองค์ ทรงทำให้พระสัญญาที่ทรงทำไว้แก่อับราฮัมและบุตรหลานสำเร็จลง พระเจ้าทรงทำเช่นนี้เหนือความคาดหมายทั้งหลาย คือทรงส่งพระบุตรสุดที่รักของพระองค์

CCC ข้อ 523 พระเจ้าทรงส่งนักบุญยอห์นผู้ทำพิธีล้างเป็นผู้นำหน้าคนสุดท้ายขององค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อเตรียมทางให้พระองค์ท่าน ท่านยอห์นในฐานะ “ประกาศกของพระผู้สูงสุด” (ลก 1:76) ยิ่งใหญ่กว่าบรรดาประกาศกทั้งหลาย และเป็นประกาศกคนสุดท้าย เป็นผู้เริ่มประกาศข่าวดี (หรือพระวรสาร) ตั้งแต่จากครรภ์มารดาแล้วท่านต้อนรับการเสด็จมาของพระคริสตเจ้า และมีความยินดีที่ได้เป็นเสมือน “เพื่อนเจ้าบ่าว” (ยน 3:29) ซึ่งได้รับนามว่า “ลูกแกะของพระเจ้า ผู้ทรงลบล้างบาปของโลก” (ยน 1:29) ท่าน “มีจิตใจและพลังของประกาศกเอลียาห์”(ลก 1:17) นำหน้าพระเยซูเจ้า เป็นพยานยืนยันถึงพระองค์โดยการเทศน์สอน โดยประกอบพิธีล้างให้ประชาชนกลับใจ และในที่สุดโดยการเป็นมรณสักขีของท่านด้วย


ลก 1:42 เธอได้รับพระพรยิ่งกว่าหญิงใดๆ และลูกของเธอก็ได้รับพระพรด้วย : ถ้อยคำเหล่านี้ประกอบกันเป็นส่วนที่สองของบทวันทามารีย์ พระนางมารีย์ได้รับพระพร เพราะว่าความเชื่อของพระนางได้แสดงออกมาด้วยการมอบตนโดยสิ้นเชิงต่อการเรียกนี้ ด้วยคำตอบ “ตกลง” ที่เต็มด้วยความเชื่อของพระนางนี้เอง ทำให้พระบุตรของพระเจ้าได้เสด็จมายังโลกนี้ ในฐานะที่เป็นพระมารดาของพระคริสตเจ้า พระนางจึงทรงเป็นมารดาของผู้ที่ได้รับการไถ่บาปจากพระบุตรของพระนางด้วย ผู้ซึ่งเป็นสมาชิกของพระศาสนจักรหรือพระกายทิพย์ของพระองค์นั่นเอง พระนางมารีย์ยังทรงเป็นหีบของพันธสัญญาใหม่อีกด้วย เช่นเดียวกับที่หีบแห่งพันธสัญญาเดิมเป็นดังที่ประทับของพระเจ้าบนโลกนี้ท่ามกลางประชากรของพระองค์ พระนางมารีย์เองได้ทรงเป็นผู้ให้พระบุตรของพระเจ้ามาปฏิสนธิในครรภ์ของพระนาง

CCC ข้อ 523 อ่านเพิ่มเติมด้านบน (ลก 1:39-56)

CCC ข้อ 717 “พระเจ้าทรงส่งชายผู้หนึ่งมา เขาชื่อยอห์น” (ยน 1:6) ยอห์น “ได้รับพระจิตเจ้า” เต็ม เปี่ยม “ตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์ของมารดา” (ลก 1:15) จากพระคริสตเจ้าที่พระนางพรหมจารีมารีย์เพิ่งทรงปฏิสนธิเดชะพระจิตเจ้า ดังนี้ “การเยี่ยมเยียน” นางเอลีซาเบธของพระนางมารีย์จึงเป็นการที่พระเจ้าทรงเยี่ยมเยียนประชากรของพระองค์

CCC ข้อ 2676 แนวความคิดทั้งสองแนวของการอธิษฐานภาวนาต่อพระนางมารีย์นี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในบท “วันทามารีย์” “วันทามารีย์” (แปลตามตัวอักษรว่า “จงยินดีเถิด มารีย์”) บท “วันทามารีย์” เริ่มด้วยคำทักทายของทูตสวรรค์กาเบรียล พระเจ้าเองทรงทักทายพระนางมารีย์ผ่านทางทูตสวรรค์ของพระองค์ คำภาวนาของเรากล้านำคำทักทายพระนางมารีย์นี้มาใช้อีกครั้งหนึ่งโดยคิดถึงการที่พระเจ้าทรงทอดพระเนตรผู้รับใช้ต่ำต้อยของพระองค์ และชื่นชมยินดีเหมือนกับที่ทรงยินดีในพระนาง “เปี่ยมด้วยพระหรรษทาน พระเจ้าสถิตกับท่าน” คำทักทายของทูตสวรรค์ทั้งสองประโยคนี้อธิบายความหมายของกันและกัน พระนางมารีย์ทรงเปี่ยมด้วยพระหรรษทาน เพราะพระเจ้าประทับอยู่กับพระนางพระหรรษทานที่พระนางได้รับอย่างเต็มเปี่ยมก็คือการที่พระองค์ผู้เป็นบ่อเกิดพระหรรษทานทั้งหมดประทับอยู่ด้วย “จงเปล่งเสียงยินดีเถิด […] ธิดาแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย […] องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้าทรงอยู่ในเจ้า” (ศฟย 3:14,17) พระนางมารีย์ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาประทับอยู่ด้วย ทรงเป็นธิดาแห่งศิโยน เป็นหีบพันธสัญญา เป็นสถานที่ที่พระสิริรุ่งโรจน์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าประทับอยู่ด้วย พระนางทรงเป็น “ที่พำนักของพระเจ้าในหมู่มนุษย์” (วว 21:3) “เปี่ยมด้วยพระหรรษทาน” พระนางทั้งหมดเป็นของพระองค์ผู้เสด็จมาประทับอยู่ในพระนางซึ่งจะประทานพระองค์ให้แก่โลก “ผู้ได้รับพระพรกว่าสตรีใดๆ และพระเยซูโอรสของท่าน ทรงได้รับพระพรยิ่งนัก” หลังคำทักทายของทูตสวรรค์ เรานำคำทักทายของนางเอลีซาเบธมาเป็นคำทักทายของเราด้วย นางเอลีซาเบธ “ได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม” (ลก 1:41) นางเป็นคนแรกในลำดับมนุษย์ทุกยุคทุกสมัยที่จะประกาศว่าพระนางมารีย์ได้รับพระพรเป็นสุข “เธอเป็นสุขที่เชื่อ....” (ลก 1:45) พระนางมารีย์ “ได้รับพระพรกว่าสตรีใดๆ” เพราะได้เชื่อว่าพระวาจาของพระเจ้าจะสำเร็จเป็นจริง เพราะความเชื่อ อับราฮัมจึงเป็นผู้ที่ “บรรดาเผ่าพันธุ์ทั้งสิ้นทั่วแผ่นดินจะได้รับพระพรเพราะท่าน” (ปฐก 12:3) อาศัยความเชื่อ พระนางมารีย์ก็เป็นมารดาของผู้มีความเชื่อทั้งหลายเพราะโดยทางพระนางชนทุกชาติทั่วแผ่นดินได้รับพระองค์ผู้ทรงเป็น พระพรจากพระเจ้า “พระเยซูโอรสของท่านทรงได้รับพระพรยิ่งนัก”


ลก 1:43 พระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า : ถ้อยคำของนางเอลีซาเบธนั้นบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ความเป็นพระเจ้าของพระคริสตเจ้าและความเป็นพระมารดาของพระเจ้าของพระนางมารีย์ พระนางทรงเป็นพระมารดาของพระเจ้าและเป็นมารดาของเราด้วย เนื่องจากพระนางทรงร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับองค์พระบุตรนั่นเอง ทำให้ประเพณีที่ดีงามของสายประคำซึ่งประกอบด้วยการไตร่ตรองถึงธรรมล้ำลึกแห่งการบังเกิดของพระคริสตเจ้า พันธกิจสาธารณะ การสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนพระชนม์ชีพของพระคริสตเจ้า ได้ขยายผลออกไปธรรมล้ำลึกบางประการเหล่านี้ได้รับการเฉลิมฉลองในพิธีกรรมสมโภชของพระนางมารีย์ รวมถึงสมโภชพระนางมารีย์ผู้ปฏิสนธินิรมล (8 ธันวาคม) สมโภชพระนางมารีย์พระชนนีพระเจ้า (1 มกราคม) สมโภชพระนางมารีย์รับเกียรติเข้าสู่สวรรค์ (15 สิงหาคม) รวมทั้งบทภาวนาอื่นของพระนางมารีย์ เช่น บทราชินีสวรรค์ ต่างเน้นให้เห็นถึงคำสอนต่างๆ เกี่ยวกับชีวิตของพระคริสตเจ้าในความสัมพันธ์กับพระนางมารีย์

CCC ข้อ 448 หลายต่อหลายครั้งในพระวรสาร ประชาชนที่เข้ามาเฝ่าพระเยซูเจ่าทูลเรียกพระองค์ว่า“องค์พระผู้เป็นเจ้า” ตำแหน่งนี้เป็นพยานยืนยันถึงความเคารพและความเชื่อมั่นของผู้ที่เข้ามาเฝ้าพระเยซูเจ้าและขอให้พระองค์ทรงช่วยเหลือและรักษาโรค การทูลเรียกดังกล่าวโดยการดลใจของพระจิตเจ้าแสดงถึงการยอมรับพระธรรมล้ำลึกว่าพระเยซูเจ้าคือองค์พระผู้เป็นเจ้า เมื่อพบพระองค์หลังจากทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว การทูลเรียกพระนามเช่นนี้เป็นการถวายนมัสการแด่พระองค์ด้วย “องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า และพระเจ้าของข้าพเจ้า” (ยน 20:28) ถ้อยคำเช่นนี้จึงรวมความหมายถึงความรักและความเลื่อมใสที่ปรากฏเป็นอัตลักษณ์ของธรรมประเพณีคริสตชนตลอดมา “เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้านี่” (ยน 21:7)

CCC ข้อ 495 พระนางมารีย์ ซึ่งในพระวรสารได้รับพระนามว่า “พระมารดาของพระเยซูเจ้า” (ยน 2:1; 19:25)150แม้ก่อนจะประสูติพระบุตร นางเอลีซาเบธก็ได้รับการดลใจจากพระจิตเจ้าประกาศว่าพระนางทรงเป็น “พระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า” (ลก 1:43) แล้ว พระองค์ที่พระนางได้ปฏิสนธิเป็นมนุษย์เดชะพระจิตเจ้า และทรงรับสภาพมนุษย์มาเป็นพระบุตรของพระนางนี้ก็มิใช่ผู้ใดอื่นจากพระบุตรนิรันดรของพระบิดา พระบุคคลที่สองของพระตรีเอกภาพ พระศาสนจักรประกาศว่าพระนางมารีย์ทรงเป็นพระมารดาของพระเจ้า (Theotokos) โดยแท้จริง

CCC ข้อ 967 จากความชิดสนิทกับพระประสงค์ของพระบิดา กับงานกอบกู้ของพระบุตรของพระนาง และกับการดลใจทุกประการของพระจิตเจ้า พระนางพรหมจารีมารีย์ทรงเป็นแบบอย่างของความเชื่อและความรักสำหรับพระศาสนจักร เพราะเหตุนี้ พระนางจึงทรงเป็น “ดังสมาชิกพิเศษที่โดดเด่นของพระศาสนจักร” และยังทรงเป็น “ตัวอย่างกำเนิดรูปแบบ” ของพระศาสนจักรอีกด้วย

CCC ข้อ 968 แต่ทว่าบทบาทที่พระนางมีต่อพระศาสนจักรและมวลมนุษยชาติยังแผ่กว้างยิ่งขึ้นอีก พระนาง “ไดทรงร่วมงานของพระผู้ไถ่อย่างพิเศษสุดนี้ด้วยความเชื่อฟังความเชื่อ ความหวังและความรักที่ลุกโชติช่วง เพื่อนำวิญญาณกลับมารับชีวิตนิรันดรอีกครั้งหนึ่ง เพราะเหตุนี้พระนางจึงทรงเป็นพระมารดาของเราในด้านพระหรรษทาน”

CCC ข้อ 969 “การที่พระนางมารีย์ทรงเป็นพระมารดาของเราในแผนการพระหรรษทานนี้คงอยู่ตลอดไปไม่จบสิ้น นับตั้งแต่ที่พระนางทรงยอมรับแผนการของพระเจ้าด้วยความเชื่อเมื่อทูตสวรรค์มาแจ้งข่าวและยังคงยอมรับอย่างยึดมั่นต่อไปโดยไม่ลังเลพระทัยภายใต้ไม้กางเขน จวบจนถึงวาระที่ผู้รับเลือกสรรทุกคนจะได้รับชีวิตนิรันดร เมื่อพระนางทรงได้รับเกียรติยกสู่สวรรค์แล้วก็มิได้ทรงละบทบาทนี้ แต่ยังทรงวอนขอความต้องการพระหรรษทานต่างๆ สำหรับความรอดพ้นนิรันดรแทนเราต่อไป [...] เพราะเหตุนี้พระนางพรหมจารีจึงทรงได้รับเรียกขานให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ในพระศาสนจักร เช่น ทนายผู้แก้ต่าง ผู้อุปถัมภ์ ผู้ช่วยเหลือคนกลาง”

CCC ข้อ 970 “บทบาทมารดาของพระนางมารีย์ต่อมนุษย์ไม่ทำให้การเป็นคนกลางเพียงคนเดียวของพระคริสตเจ้านี้เจือจางหรือลดน้อยลงเลย แต่ยิ่งแสดงให้เห็นว่ามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพราะอิทธิพลของพระนางพรหมจารีต่อมนุษย์เกี่ยวกับความรอดพ้นนี้ [...] สืบเนื่องมาจากพระทัยดีของพระเจ้าและจากบุญกุศลล้นเหลือของพระคริสตเจ้าอิงอยู่กับการที่พระองค์ทรงเป็นคนกลางของมนุษย์กับพระเจ้าขึ้นอยู่กับการนี้โดยสิ้นเชิง และได้รับประสิทธิผลทั้งหมดมาจากการนี้ด้วย”  “ไม่มีสิ่งสร้างใดจะเทียบเท่าพระวจนาตถ์และพระผู้ไถ่กู้ได้ แต่ทว่า เช่นเดียวกับที่บรรดาศาสนบริกรและประชากรผู้มีความเชื่อมีส่วนในสมณภาพของพระคริสตเจ้าได้ด้วยวิธีการที่แตกต่างกัน และเช่นเดียวกับที่พระเจ้าทรงหลั่งความดีของพระองค์ในบรรดาสิ่งสร้างอย่างแท้จริงด้วยวิธีการต่างๆฉันใดความเป็นคนกลางแต่เพียงผู้เดียวของพระผู้ไถ่ก็ไม่ปฏิเสธ แต่กลับส่งเสริมให้บรรดาสิ่งสร้างได้ร่วมงานกันโดยมีส่วนร่วมด้วยวิธีการต่างๆ จากต้นธารหนึ่งเดียวกันนี้”

CCC ข้อ 971 “ชนทุกสมัยจะกล่าวว่าข้าพเจ้าเป็นสุข” (ลก 1:48) “ความเลื่อมใสศรัทธาของพระ ศาสนจักรต่อพระนางพรหมจารีมารีย์เกี่ยวข้องกับธรรมชาติเองของคารวกิจของคริสตชน” พระนางพรหมจารี “ได้รับความเคารพเป็นพิเศษจากพระศาสนจักร และนับตั้งแต่แรกเริ่มแล้วพระนางทรงได้รับความเคารพในตำแหน่ง ‘มารดาพระเจ้า’ และบรรดาผู้มีความเชื่อต่างพากันหลบมาขอความคุ้มครองของพระนางจากภยันตรายและในความต้องการต่างๆ [...] การแสดงคารวะเช่นนี้[...] แม้จะเป็นการแสดงคารวะอย่างพิเศษ ก็ยังมีความแตกต่างในสาระสำคัญจากการแสดงคารวะต่อพระเจ้าที่พระศาสนจักรแสดงต่อพระวจนาตถ์ผู้ทรงรับสภาพมนุษย์ ต่อพระบิดา และต่อพระจิตเจ้า ที่การแสดงคารวะต่อพระนางมารีย์นี้ช่วยส่งเสริมอย่างมากด้วย” การแสดงคารวะเช่นนี้แสดงออกในการฉลองตามพิธีกรรมที่ถวายแด่พระมารดาของพระเจ้า และในบทภาวนาแด่พระนางมารีย์ เช่น การสวดสายประคำ ซึ่งเป็นเสมือน “การย่อความพระวรสารทั้งหมด”

CCC ข้อ 972 หลังจากที่ได้กล่าวถึงต้นกำเนิด พันธกิจ และจุดหมายของพระศาสนจักรแล้ว เราคงไม่อาจกล่าวสรุปอย่างไรได้ดีกว่าหันมาหาพระนางมารีย์เพื่อพิจารณาในพระนางให้เห็นว่า พระศาสนจักรจะเป็นอย่างไรในสวรรค์บ้านแท้เมื่อเดินทางมาถึงสุดปลายแล้ว ที่นั่น พระนางที่พระศาสนจักรให้ความเคารพเป็นพระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้าและพระมารดาของตนกำลังรอคอยอยู่ “ในความสัมพันธ์ของผู้ศักดิ์สิทธิ์ทุกคน” “เพื่อพระสิริรุ่งโรจน์ของพระตรีเอกภาพศักดิ์สิทธิ์ยิ่งและแบ่งแยกไม่ได้” “ในระหว่างนั้น พระมารดาของพระเยซูเจ้าผู้ทรงรับพระสิริรุ่งโรจน์ในสวรรค์แล้วทั้งกายและวิญญาณทรงเป็นภาพลักษณ์และจุดเริ่มที่พระศาสนจักรจะบรรลุถึงความสมบูรณ์ในโลกหน้าแล้วฉันใด ในโลกนี้พระนางก็ทรงฉายแสงเจิดจ้าเป็นเสมือนเครื่องหมายถึงความหวังแน่นอนและความบรรเทาซึ่งประชากรของพระเจ้าที่กำลังเดินทางในโลกนี้มีอยู่จนกว่าวันขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะมาถึงด้วยฉันนั้น”

CCC ข้อ 973 เมื่อพระนางมารีย์กล่าวตอบทูตสวรรค์ที่มาแจ้งข่าวแก่พระนางว่า “ขอให้เป็นไปเถิด” และเห็นด้วยกับพระธรรมล้ำลึกการรับสภาพมนุษย์ของพระวจนาตถ์นั้น พระนางก็ร่วมงานทั้งหมดกับพันธกิจที่พระบุตรจะต้องปฏิบัติให้สำเร็จ พระนางทรงเป็นพระมารดาในทุกแห่งที่องค์พระผู้ไถ่และศีรษะของพระกายทิพย์ประทับอยู่

CCC ข้อ 974 เมื่อพระนางพรหมจารีมารีย์ทรงผ่านช่วงเวลาพระชนมชีพในโลกนี้แล้วทรงได้รับพระเกียรติยกขึ้นสู่สวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ ที่นั่นพระนางทรงร่วมพระสิริรุ่งโรจน์ของการกลับคืนพระชนมชีพของพระบุตรของพระนาง และเป็นประกันล่วงหน้าถึงการกลับคืนชีพของเราทุกคนที่เป็นส่วนประกอบพระกายทิพย์ของพระองค์

CCC ข้อ 975 “ข้าพเจ้าทั้งหลายเชื่อว่าพระมารดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งของพระเจ้า นางเอวาคนใหม่ มารดาของพระศาสนจักร บัดนี้ยังคงปฏิบัติภารกิจเยี่ยงมารดาเพื่อส่วนต่างๆ ของพระวรกายของพระคริสตเจ้าต่อไปในสวรรค์”

(จากหนังสือ THE DIDACHE BIBLE with commentaries based on the Catechism of the Catholic Church, Ignatius Bible Edition)