แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

วันจันทร์สัปดาห์ที่ 3

พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมัทธิว (มธ 21:23-27)         

เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปในพระวิหาร ขณะที่ทรงสั่งสอนประชาชนอยู่นั้น บรรดาหัวหน้าสมณะและผู้อาวุโสของประชาชนเข้ามาพบพระองค์แล้วทูลถามว่า “ท่านมีอำนาจใดจึงทำเช่นนี้ ใครมอบอำนาจนี้ให้ท่าน”

พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “เราขอถามท่านอย่างหนึ่งด้วยเช่นเดียวกัน ถ้าท่านตอบ เราก็จะบอกท่านว่าเราทำเช่นนี้ด้วยอำนาจใด พิธีล้างของยอห์นมาจากไหน จากสวรรค์หรือจากมนุษย์” บรรดาสมณะและผู้อาวุโสของประชาชนจึงปรึกษากันว่า “ถ้าเราตอบว่ามาจากสวรรค์ เขาก็จะถามว่า ‘แล้วทำไมท่านจึงไม่เชื่อยอห์นเล่า’ ถ้าเราตอบว่ามาจากมนุษย์ เราก็เกรงกลัวประชาชน เพราะทุกคนคิดว่ายอห์นเป็นประกาศก”

เขาจึงทูลตอบพระเยซูเจ้าว่า “เราไม่รู้” พระองค์จึงตรัสว่า “เราก็ไม่บอกท่านเช่นเดียวกันว่า เราทำการเหล่านี้โดยอำนาจใด”


คำว่า “อำนาจ” ปรากฏถึงสี่ครั้งในห้าประโยคจากพระวรสารในวันนี้ แต่ประเด็นที่แท้จริงของความขัดแย้งระหว่างพระเยซูและบรรดาหัวหน้าสมณะนั้นไม่ใช่เรื่องของอำนาจ แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความซื่อสัตย์หรือความไม่ซื่อสัตย์ต่างหาก

ความขัดแย้งนี้เกิดขึ้นหลังจากเรื่องการชำระพระวิหาร (เทียบ มธ 21:12) ในฐานะเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบพระวิหารบรรดาสมณะและผู้อาวุโสมองว่า พระวาจาและการกระทำของพระเยซูในครั้งนั้นเป็นการแอบอ้างถึงอำนาจ ซึ่งบ่อนทำลายและคุกคามอำนาจสูงสุดของพวกเขา อำนาจของพระเยซูเจ้าแตกต่างอย่างมากกับขนบประเพณีทางศาสนาในสมัยนั้น พระองค์ตรัสและกระทำด้วยอำนาจที่ไม่ผิดพลั้งซึ่งผู้คนต่างประหลาดใจอยู่ตลอดเวลา (เทียบ มธ 7:29; มก 1:27; ลก 4:32) คำถามของบรรดาหัวหน้าสมณะไม่ได้เกิดขึ้นจากความสนใจอย่างแท้จริงในพระเยซูเจ้า แต่เกิดจากความกลัวที่ตำแหน่งและความนิยมของตนเองต้องถูกกระทบกระเทือน การถามที่ดูเหมือนว่าธรรมดานั้นได้ซ่อนเร้น (ข้อ 23) การเปิดใจรับและการปฏิเสธอย่างดื้อรั้นที่จะเชื่อเของพวกเขาเอาไว้ พวกเขาไม่ได้ถามเพราะอยากรู้ แต่เพราะไม่ต้องการว่าแท้จริงแล้วพระเยซูคือใครต่างหา! พวกเขาได้ตัดสินใจแล้วเกี่ยวกับพระเยซูเจ้า 

พระเยซูเจ้าทรงให้คำตอบที่นำชัยชนะจากการผสานกันระหว่างพระปรีชาญาณและไหวพริบ ความสงบและความมั่นใจ ซึ่งทำให้ฝ่ายตรงข้ามของพระองค์ต้องจนมุมและล่าถอย พวกเขารู้ความจริงว่าจริงๆ แล้วยอห์น บัปติสต์นั้นมีอำนาจของพระเจ้าอยู่ แต่พวกเขายอมรับสิ่งนี้ไม่ได้ มิฉะนั้นพวกเขาก็จะต้องอธิบาย (ถ้าทำได้!) ว่าทำไมพวกเขาถึงไม่ยอมรับการเทศนาของพระองค์  (ข้อ 25) จึงยิ่งชัดเจนมากขึ้นว่า ทำไมตอนนี้พวกเขาไม่เชื่อในผู้ที่ยอห์นชี้ให้เห็น แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ไม่กล้าปฏิเสธอำนาจของยอห์นเพราะกลัวฝูงชน (ข้อ 26) การถกเถียงที่ซุบซิบนินทาและกังวลของพวกเขาเผยให้เห็นถึงการขาดความซื่อสัตย์ ในท้ายที่สุดพวกเขาก็เป็นแบบกลุ่มลัทธิไม่เชื่อเรื่องพระเจ้าด้วยการตอบว่า : เราไม่รู้ (ข้อ 27) เมื่อความเชื่อของเราถูกตั้งคำถามโดยผู้ที่เป็นปฏิปักษ์แล้วเรามักจะแกว่งไปมาระหว่างความสุดโต่งในท่าทีของการป้องกันและความวิตกกังวล เราจะสามารถตั้งถามคำถามที่ลึกซึ้งซึ่งบังคับให้ผู้ที่ต่อต้านเราพิจารณาถึงสมมติฐานและความเชื่อพื้นฐานของเขาเสียใหม่เช่นเดียวกับพระเยซูเจ้าได้หรือไม่ได้หรือไม่ 

“จงพร้อมเสมอที่จะให้คำอธิบายแก่ทุกคนที่ต้องการรู้เหตุผลแห่งความหวังของท่าน  จงอธิบายด้วยความอ่อนโยนและด้วยความเคารพอย่างบริสุทธิ์ใจ เพื่อเมื่อท่านถูกใส่ร้าย ผู้ที่กล่าวร้ายความประพฤติดีของท่านตามคำสอนของพระคริสตเจ้า ก็จะต้องประสบความอับอาย” (เทียบ 1ปต 3:15-16)