แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

วันพฤหัสบดีสัปดาห์ที่ 28 (ปีคู่)  

บทอ่านจากพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญลูกา (ลก 11:47-54)

เวลานั้น พระคริสตเจ้าตรัสว่า“วิบัติจงเกิดแก่ท่านทั้งหลาย ท่านสร้างหลุมฝังศพของบรรดาประกาศกที่บรรพบุรุษของท่านฆ่า จึงแสดงว่าท่านเห็นด้วยกับการกระทำของบรรพบุรุษ บรรพบุรุษของท่านฆ่าบรรดาประกาศกและท่านก็สร้างหลุมฝังศพให้”

     “พระปรีชาญาณของพระเจ้าตรัสว่า ‘เราจะส่งประกาศกและทูตไปพบเขา เขาจะฆ่าประกาศกและทูตบางคนและเบียดเบียนบางคน คนรุ่นนี้ต้องรับผิดชอบต่อโลหิตของบรรดาประกาศกทุกคน โลหิตที่ได้หลั่งตั้งแต่สร้างโลกเป็นต้นมา นับตั้งแต่โลหิตของอาแบลจนถึงโลหิตของเศคาริยาห์ซึ่งถูกประหารชีวิตระหว่างแท่นบูชากับพระวิหาร’ ถูกแล้ว เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่าคนรุ่นนี้จะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำนี้

วิบัติจงเกิดแก่ท่าน บรรดานักกฎหมาย ท่านนำกุญแจไขความรู้ไป ท่านไม่เข้าไปแล้วยังขัดขวางคนที่ต้องการจะเข้าไปด้วย”

      ขณะที่พระองค์กำลังเสด็จออกจากที่นั่น บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีเริ่มแสดงตนเป็นศัตรู ซักถามพระองค์ถึงเรื่องต่างๆ วางกับดักพระองค์เพื่อจับผิดพระวาจา


ลก 11:37-54 พระคริสตเจ้าทรงมาเพื่อทำให้ธรรมบัญญัติเดิมบรรลุความสมบูรณ์ มิใช่เพื่อลบล้าง แม้ว่ากฎเดิมจะดีอยู่แล้ว แต่การปฏิบัติและการตีความนั้นจำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงจากจุดประสงค์ดั้งเดิม การปฏิบัติธรรมบัญญัติให้บรรลุความสมบูรณ์นั้นจำเป็นที่จะต้องทำเพื่อการรับใช้ด้วยความรักพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ และการปฏิบัตินั้นเรียกร้องพระหรรษทานของพระเจ้า เป็นเพราะคำสอนนี้เองที่ทำให้ศัตรูของพระคริสตเจ้าพยายามที่จะทำให้ประชาชนไม่ไว้วางใจในพระองค์

  คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก CCC ข้อ 579 หลักการที่ต้องปฏิบัติตามธรรมบัญญัติโดยครบถ้วนนี้ไม่หมายเพียงการปฏิบัติตามตัวอักษร แต่ตามเจตนารมณ์ด้วยนั้น ชาวฟาริสีถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เขาสอนหลักการนี้แก่ชาวอิสราเอล นำชาวยิวจำนวนมากในสมัยพระเยซูเจ้าให้มีความกระตือรือร้นอย่างยิ่ง ความกระตือรือร้นนี้ ถ้าไม่สลายตัวกลายเป็นการถกเถียงกันถึงรายละเอียดแบบหน้าซื่อใจคดเท่านั้น น่าจะเตรียมประชาชนไว้สำหรับการเสด็จมาของพระเจ้าอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนโดยที่ผู้ชอบธรรมเพียงผู้เดียวซึ่งจะปฏิบัติตามธรรมบัญญัติอย่างสมบูรณ์แทนที่คนบาปทุกคน

 CCC ข้อ 588 พระเยซูเจ้าทรงทำให้ชาวฟาริสีไม่พอใจเมื่อเสวยร่วมโต๊ะกับคนเก็บภาษีและคนบาปอย่างคุ้นเคยเช่นเดียวกับเมื่อทรงร่วมโต๊ะกับพวกเขา พระเยซูเจ้าทรงยืนยันไม่เห็นด้วยกับ “ผู้ที่ภูมิใจว่าตนเป็นผู้ชอบธรรมและดูหมิ่นผู้อื่น” (ลก 18:9) ตรัสว่า “เราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่มาเพื่อเรียกคนบาปให้กลับใจ” (ลก 5:32) พระองค์ยังทรงก้าวไปไกลยิ่งกว่านั้นอีก เมื่อทรงประกาศอย่างเปิดเผยต่อหน้าชาวฟาริสีว่า ในเมื่อมนุษย์ทุกคนเป็นคนบาป พวกเขาที่คิดว่าตนไม่ต้องการ การกอบกู้ย่อมทำตนเป็นคนตาบอด


ลก 11:52 กุญแจไขความรู้ : ชาวฟาริสีและธรรมมาจารย์ได้อธิบายเนื้อหาของพระคัมภีร์ให้กับประชาชน ด้วยการตีความกฎหมายแบบของพวกเขาเอง พวกเขาเน้นการกระทำภายนอกและพิธีกรรมต่างๆ ที่บดบังความรักต่อพระเจ้าและความรักต่อเพื่อนมนุษย์ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการปฏิรูปจากภายใน 

CCC ข้อ 2033 บรรดาผู้อภิบาลของพระศาสนจักรใช้อำนาจสั่งสอนของตนในเรื่องศีลธรรมโดยปกติในการสอนคำสอนและเทศน์ โดยได้รับความช่วยเหลือจากผลงานของบรรดานักเทววิทยาและผู้ปฏิบัติเรื่องชีวิตจิต ด้วยวิธีนี้ โดยการนำและคอยดูแลของบรรดาผู้อภิบาล “คลัง”คำสั่งสอนด้านศีลธรรมคริสต์ที่ประกอบด้วยการรวมกฎเกณฑ์ คำสั่งสอนและคุณธรรมต่างๆ ที่สืบเนื่องมาจากความเชื่อในพระคริสตเจ้าและส่งเสริมชีวิตเนื่องมาจากความรัก ได้รับการถ่ายทอดสืบต่อกันมาจากชั่วอายุหนึ่งถึงอีกชั่วอายุหนึ่ง  โดยธรรมประเพณี การสอนคำสอนเช่นนี้ได้รับพระบัญญัติสิบประการมาเป็นดังพื้นฐาน พร้อมกับสูตรประกาศยืนยันความเชื่อ บท “ข้าแต่พระบิดา” บัญญัติสิบประการนี้ประกาศหลักการเบื้องต้นของชีวิตศีลธรรมที่มีผลบังคับใช้ได้สำหรับมนุษย์ทุกคน

(จากหนังสือ THE DIDACHE BIBLE with commentaries based on the Catechism of the Catholic Church, Ignatius Bible Edition)