แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

วันอังคารสัปดาห์ที่ 14  เทศกาลธรรมดา (ปีคู่) 

บทอ่านจากพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมัทธิว (มธ 9:18-26)

เมื่อคนที่เคยตาบอดทั้งสองคนจากไปแล้ว มีผู้พาคนใบ้ถูกปีศาจสิงคนหนึ่งมาเฝ้าพระเยซูเจ้า ครั้นปีศาจถูกขับออกไปแล้ว คนใบ้ก็พูดได้ ประชาชนต่างประหลาดใจ กล่าวว่า “ยังไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้เลยในอิสราเอล” แต่ชาวฟาริสีกล่าวว่า “คนนี้ขับไล่ปีศาจด้วยอำนาจของเจ้าแห่งปีศาจนั่นเอง”

พระเยซูเจ้าเสด็จไปตามเมืองและตามหมู่บ้าน ทรงสั่งสอนในศาลาธรรม ทรงประกาศข่าวดีเรื่องพระอาณาจักร ทรงรักษาโรคและความเจ็บไข้ทุกชนิด

เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นประชาชน ก็ทรงสงสาร เพราะเขาเหล่านั้นเหน็ดเหนื่อยและท้อแท้ประดุจฝูงแกะที่ไม่มีคนเลี้ยง แล้วพระองค์ตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “ข้าวที่จะเก็บเกี่ยวมีมาก แต่คนงานมีน้อย จงวอนขอเจ้าของนาให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวข้าวของพระองค์เถิด”


มธ 9:27-34 โอรสของกษัตริย์ดาวิด ชื่อนี้แสดงความหมายถึงพระเมสสิยาห์อย่างหนักแน่น เสียงร้องจากชายตาบอดสองคนนี้กลายเป็นรากฐานของ การภาวนาต่อพระเยซูเจ้าที่ว่า “ข้าแต่พระเยซูเจ้า พระบุตรของพระเจ้า โปรดทรงเมตตาต่อข้าพจ้าทั้งหลาย ผู้เป็นคนบาปด้วยเถิด” ถ้อยคำเหล่านี้อาจใช้ในการสวดภาวนาเพื่อแสดงถึงการสำนึกผิดในศีล ศักดิ์สิทธิ์แห่งการคืนดีหรือศีลอภัยบาปด้วย “แล้วตาของเขาทั้งสองคนก็เริ่มมองเห็น” ประโยคนี้ชี้ให้เห็นทั้งการรักษาฝ่ายกายของชายตาบอด และทั้งความสามารถในการมองเห็นแสงสว่างของพระคริสตเจ้าที่ทำให้พวกเขาติดตามพระองค์ “ระวัง อย่าบอกให้ใครรู้เรื่องนี้” น่าแปลกที่ พระคริสตเจ้าได้กำชับชายที่ได้รับการรักษาว่า อย่าบอกเรื่องที่เขาได้รับการรักษา โดยพระเมสสิยาห์นี้ให้ใครรู้ ดังที่เรียกกันว่า “ความลับของพระเมสสิยาห์” นี่อาจจะเป็นเพราะพระองค์ไม่ได้เป็นของโลกนี้ ไม่ได้เป็นพระเมสสิยาห์ทางการเมืองตามที่หลายคนคาดหวัง แต่พระองค์มาเพื่อปลดปล่อยประชากรของพระองค์ให้รอดพ้นจากบาปและปีศาจ การเปิดเผยตัวตนของพระองค์ในครั้งนี้ อาจก่อให้เกิดการต่อต้านเร็วเกินไปก่อนที่พันธกิจในโลกนี้ของพระองค์จะสำเร็จ

 

Cccข้อ 439 ชาวยิวจำนวนมาก และแม้แต่ชนต่างชาติบางคนที่ร่วมความหวังของชาวยิว ยอมรับคุณลักษณะพื้นฐานของพระเมสสิยาห์ในองค์พระเยซูเจ้า คือการที่ทรงเป็น “พระโอรสของกษัตริย์ดาวิด” ที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้กับอิสราเอล36 พระเยซูเจ้าทรงยอมรับตำแหน่งพระเมสสิยาห์ตามสิทธิที่ทรงมี แต่ก็ยังคงสงวนท่าที เพราะผู้ร่วมสมัยของพระองค์หลายคนเข้าใจตำแหน่งนี้ตามความเข้าใจแบบมนุษย์มากเกินไป38 คือเข้าใจตามความหมายทางการเมืองโดยเฉพาะ

Cccข้อ 2616 พระเยซูเจ้าทรงรับฟังการอธิษฐานภาวนาต่อพระองค์แล้วตั้งแต่ในเวลาที่ทรงเทศน์สอนประชาชนผ่านทางเครื่องหมายที่เกริ่นล่วงหน้าแล้วถึงอานุภาพของการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์ พระเยซูเจ้าทรงฟังคำอธิษฐานภาวนาด้วยความเชื่อที่แสดงออกด้วยคำพูด (จากคนโรคเรื้อน จากไยรัส จากหญิงชาวคานาอัน จากโจรกลับใจ) หรือที่แสดงออกเงียบๆ (จากคนที่แบกคนอัมพาตเข้ามา83 จากหญิงตกเลือดที่มาสัมผัสฉลองพระองค์ด้วยนํ้าตาและเครื่องหอมของหญิงคนบาป) การพร่ำขอของคนตาบอดว่า “โอรสของกษัตริย์ดาวิดโปรดเมตตาเราเถิด” (มธ 9:27) หรือ “ข้าแต่พระเยซู โอรสของกษัตริย์ดาวิดเจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด” (มก 10:47) ซึ่งจะถูกรับไว้ในธรรมประเพณีต่อมาที่เรียกว่า การอธิษฐานภาวนาต่อพระเยซูเจ้า คือวลีว่า “ข้าแต่พระเยซู ข้าแต่พระคริสตเจ้า ข้าแต่พระบุตรของพระเจ้า พระเจ้าข้า โปรดทรงพระเมตตาต่อข้าพเจ้าคนบาปด้วยเถิด” พระเยซูเจ้าทรงตอบการอธิษฐานภาวนาที่อ้อนวอนพระองค์ด้วยความเชื่อเสมอ โดยทรงรักษาโรคหรือประทานอภัยบาป “จงไปเป็นสุขเถิดความเชื่อของลูกช่วยลูกให้รอดพ้นแล้ว”

Ccc ข้อ 2700 พระเจ้าตรัสกับมนุษย์ทางพระวาจา (พระวจนาตถ์) ของพระองค์ การอธิษฐานภาวนาของเราเติบโตขึ้นด้วยถ้อยคำ ทั้งที่อยู่ในใจหรือที่เปล่งออกมาเป็นเสียง แต่ที่สำคัญที่สุดคือการที่ใจของเราอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์ที่เรากราบทูลด้วยในการอธิษฐานภาวนาของเรา “การที่พระเจ้าทรงฟังเราไม่อยู่ที่ถ้อยคำจำนวนมาก แต่อยู่ที่ความตั้งใจ”


 มธ 9: 38 ถึงแม้ชนทุกชาติจะได้รับการเชื้อเชิญ แต่พระอาณาจักรของพระเจ้าได้ถูกประกาศให้กับชาวยิว ซึ่งเป็นประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรรก่อนชนชาติอื่นใด (มธ 18:10-12)  “ข้าวที่จะเก็บเกี่ยวมีมาก แต่คนงานมีน้อย จงวอนขอเจ้าของนาให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวข้าวของพระองค์เถิด” เราควรสวดภาวนาอย่างกระตือรือร้น เพื่อผู้เป็นพระสงฆ์ และนักบวช และสำหรับทุกๆคนให้ดำรงชีวิต โดยมีพระคริสตเจ้าเป็นศูนย์กลาง

 

Ccc ข้อ 543 พระเจ้าทรงเรียกมนุษย์ทุกคนเข้ามาในพระอาณาจักร พระอาณาจักรพระเมสสิยาห์นี้ ซึ่งก่อนใดอื่นทรงแจ้งไว้แก่บุตรหลานของอิสราเอลนั้น ถูกกำหนดไว้ให้รับมนุษย์ทุกชาติ เพื่อจะเข้ามาในพระอาณาจักรนี้ได้ จำเป็นต้องรับพระวาจาของพระเยซูเจ้าพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้าเปรียบได้กับเมล็ดพันธุ์ที่หว่านลงในทุ่งนา ผู้ที่ฟังพระวาจาด้วยความเชื่อและรวมเข้ามาอยู่ในกลุ่มเล็กๆ ของผู้ติดตามพระคริสตเจ้าก็ได้รับพระอาณาจักรนี้ ต่อจากนั้น โดยพลังของตน เมล็ดพันธุ์ก็งอกขึ้นและเจริญเติบโตจนถึงเวลาเก็บเกี่ยว”

Ccc ข้อ 2611 การอธิษฐานภาวนาด้วยความเชื่อไม่ได้ประกอบด้วยเพียงการกล่าวว่า “พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า” แต่อยู่ในใจที่พร้อมที่จะปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดา พระเยซูเจ้าทรงเชื้อเชิญบรรดาศิษย์ให้สนใจร่วมแผนงานกับพระเจ้าในการอธิษฐานภาวนาด้วย