แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

ยน 15:26-16:4…

26เมื่อพระผู้ช่วยเหลือซึ่งเราจะส่งมาจากพระบิดา จะเสด็จมา
คือพระจิตแห่งความจริง ผู้ทรงเนื่องมาจากพระบิดา
พระองค์จะทรงเป็นพยานให้เรา
27ท่านทั้งหลายก็จะเป็นพยานให้เราด้วย
เพราะท่านอยู่กับเรามาตั้งแต่แรกแล้ว
1เราบอกเรื่องเหล่านี้แก่ท่านทั้งหลาย
เพื่อท่านจะไม่แคลงใจ
2เขาจะขับไล่ท่านออกจากศาลาธรรม
เวลานั้นกำลังมาถึง
เมื่อผู้ที่ฆ่าท่านจะคิดว่าตนกำลังถวายคารวกิจแด่พระเจ้า
3เขาจะทำเช่นนี้
เพราะเขาไม่รู้จักทั้งพระบิดาและเรา
4แต่เราบอกเรื่องนี้กับท่าน
เพื่อว่าเมื่อเวลานั้นมาถึง
ท่านจะระลึกได้ว่าเราบอกท่านแล้ว”


อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• พระเยซูยืนยันและสัญญา พระองค์ถูกเบียดเบียน ศิษย์ของพระองค์ก็จะถูกเบียดเบียน... เรื่องนี้พ่อคงไม่มีทางปฏิเสธเพราะเราต่างเป็นศิษย์ของพระองค์... พ่อยอมรับความการที่เราจะยืนหยัดในความจริง มั่นคงในความถูกต้องนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ และชีวิตนี้ก็ยากที่จะหลีกหนีการเบียดเบียนและเบียดบังความจริงและความดี

• สังคม โลก และมนุษย์ โดยเฉพาะมนุษย์เราคือบ่อเกิดของการเบียดเบียน... จริงๆ นะครับ การ “เบียดเบียน” คำว่า เบียดเบียนคำนี้เรามาศึกษารากศัพท์กันหน่อยครับ... คำภาษาอังกฤษใช้คำว่า “Persecution” แปลว่า “การกดขี่” 


o กลางศตวรรษที่ 14 การกดขี่นี้เป็นเรื่องของการกดขี่เบียดเบียนกันเรื่อง “ความเชื่อ” เรื่อง “ความเห็น” 

o รากของคำนี้คือ การกดขี่ ข่มเห่ง การทำให้พินาศพังทลาย การทำให้ต้องเจ็บปวดทรมานสาหัส
o คำนี้มาจากรากภาษาลาติน “Persecutionem, Persecutio” คำแปลในรูปคำลาตินตือ ไล่ล่า ไล่ล้างผลาญทำลาย ไล่ไปจัดการเก็บให้เสร็จสิ้น หรือกระบวนการไล่ล่าทำลาย รากศักพ์คือ
- Per แปลว่า ทะลุ ผ่านตลอด ไปโดยตลอด 
- Sequi แปลว่า ติดตาม ไล่ตาม
o ในเชิงจิตวิทยามีบันทึกไว้ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1961 คำนี้เป็นกลุ่มอาการทางจิตวิทยาเป็นความซับซ้อนของคน Complex หรือแปลง่ายๆว่าเป็น “ปม” จากนั้น ในปี 1892 นี้เองที่อาการนี้ถือว่าเป็นโรคชนิดหนึ่งทางจิตที่ทำแล้วติดเป็นนิสัย แก้ยาก ชอบนักไล่ล่า ชอบทำลาย ไม่รู้จบ ชอบเบียดเบียนหรือตามล่าอิจฉาตาร้อนและทำลายเรื่อยไป

• ย้อนกลับไปที่พระวาจาของพระเยซูเจ้า... ดูเหมือนพระองค์ยืนยันว่า “เราผู้เชื่อในพระองค์จะถูกเบียดเบียน” และพระองค์ตรัสไว้ในบทเดียวกันนี้ว่า “ศิษย์ไม่ยิ่งใหญ่กว่าอาจารย์” แปลว่า พระองค์โดนเบียดเบียน เราก็คงจะถูกเบียดเบียน... อ่านแล้วสิ้นหวังกระนั้นหรือ... แต่พระองค์ตรัสว่า “พระจิตเจ้า” คือ “พลังของพระเจ้า” จะทรงเป็น “พยาน” ให้แก่เรา ดังเช่นที่พระจิตเจ้าคือพยานและพลังของพระองค์...

• กลับมาที่เรื่องของ “การเบียดเบียน” ในยุคสมัยของเรา... โลกรอบตัวเรา เราก็ถูกเบียดเบียนอยู่ไม่มากก็น้อย... เราถูกทำลายหรือไล่ล่าพายึดอิสรภาพของเราไปหลายอย่าง แม้แต่อาหารการกินก็ถูกจำกัด ใช้ผู้ซื้อมีอิสรภาพ แต่ความจำกัดไปจัดไว้ที่ผู้ขาย... ผู้ขายที่ผูกขาดวางไว้เจ้าของเดียวกันกับ... ทั่วประเทศถูกจำกัดผู้ขายไว้ที่เจ้าของเดียวหรือน้อยราย.. การค้าแบบผูกขาด คนซื้อก็หมดหนทางจริงๆ เรื่องนี้พ่อไม่ขอกล่าวต่อ เดี๋ยวจะยาวเพราะคนขายเจ้าเดียวเขาผูกขาดทุกหัวถนน ผูกขาดสิทธิ์ขายทั้งวันทั้งคืนทั้งเดือนทั้งปีไม่มีวันหยุดวันปิด... มีปิดบ้างคือถ้ามีม้อบล้อมปิดหรืออาจเผาทำลาย... คือ เรียกว่า เจอเบียดเบียนเข้าบ้างก็จะรู้ตัวว่าต้องหนีละ ขณะที่ปกติก็เบียดเบียนไปตลอด เบียดเบียนทุกคนรอบข้าง... เฮ้อ... พอ

• กลับมาที่การเบียดเบียน... พี่น้องที่รักครับ นี่เป็นอาการของปมด้อยหรือปมติดขัด... หรือเป็นอาการโรคชนิดหนึ่งทีเดียวเทียวหรือ???

• พ่อแสวงหาคำตอบหน่อยครับ.. ทำไมจึงเกิดการเบียดเบียนไล่ล่า บางทีเอาถึงตาย บ่อยครั้ง ก็ทำเช่นนั้น เพื่อไล่ล่าเอาผลประโยชน์ ไม่รู้จักพอ รวยไม่เกรงใจคนจน... เก็บรวยอยู่คนเดียว ตระกูลเดียว พรรคพวกเดียว หรือพรรคเดียว หรือถ้าเสียงไม่พ่อก็เปิดทางให้เข้ามาสู่มุ้งเดียวกันเพื่อแบ่งเศษไปกินกัน เพียงสิ่งที่เรียกว่า “ผลประโยชน์” จนคนไทยเราก็มีคำหนึ่งพ่อได้ยินมาแสนนาน “ไม่มีมิตรแท้ ไม่มีศัตรูถาวร มีแต่ผลประโยชน์เท่านั้น...” เรื่องนี้จริงๆ ตลอดชีวิตของพ่อ พ่อเห็นแบบนี้มา ในระบบการเมืองโดยเฉพาะ นายทุนหน้าเดิมกับหุ้นส่วนหน้าหน้าที่รวมตัวกันเป็นพรรค (มาร) โดยทำหน้าสวยว่าทำเพื่อชาติ... พ่อไม่ได้จับโกหกได้ แต่ประจักษ์พยานผ่านมาเป็นเช่นนั้นจริงๆ... โกงกิน ไล่ล่า เบียดเบียน หลอกลวงคนจน คนการศึกษาน้อย เมื่อคนเลวคิดว่าตนฉลาดและเห็นคนซื่อเรียบง่ายเป็นคนโง่... คิดแบบนั่นช่างโง่จริงๆ ที่ผ่านมาจึงได้อำนาจกันมาได้ง่าย ซื้อมาเพื่อเบียดเบียน แต่ที่สุดก็โดนคนธรรมดาซื่อแต่มีสิทธิและศักดิ์ศรีทนไม่ไหวก็ต้องม็อบมาไล่ กันไป.. หนี ลงจากอำนาจทั้งที่โกงแบบโง่ล้ำลึกเบียดเบียดเบียนแบบด้านหน้าหนาพาเพลิน ส่งมอบอำนาจตัวหนีให้ภรรยาแทนให้น้องแทนให้ลูกหลานแทน แทน แทน ผู้แทนแทนกันไปเพื่อเบียดเบียนและรักษาอำนาจเบียดเบียนกันต่อไป... และก็ไปร้องตะโกนว่าโดนปล้นอำนาจทางการเมือง... ไม่รู้ตัวว่าตนปล้นชาติ... ทั้งหมดที่พ่อสานมาต่อเนื่องร้อยเรียงมาคือ “ประสบการณ์ที่ได้ยิน ได้เห็นเสมอมา” เอาละครับ ไม่เล่นกันการเมืองเด็ดขาด แต่ต้องเล่นงานการเมืองที่เบียดเบียนและไม่จริงจัง... และระวังนะเรื่องเบียดเบียนแบบนี้ของพวกเขามันเป็นปม... มันเป็นอาการป่วยที่รักษายากที่สุด...

• ตกลงว่า “รากลึกของการเบียดเบียนคืออะไร รากลึกของปัญหาที่เป็นปมป่วยของการเบียดเบียนคืออะไร” พ่อไตร่ตรอง เมื่อเทียบกับพระเยซูผู้ยอมรับมันจนถึงสิ้นพระชนม์เพื่อสอนเรา และยืนยันว่า เราก็จะถูกเบียดเบียนเหมือนพระองค์ เพราะโลกเบียดเบียนเสมอ... 

o พ่อพบว่า “กระแสโลก กระแสโลภ” คือ “โรคร้ายที่รุนแรงมากรากของโรคนี้ รากของปมประการนี้คือ “เห็นแก่ตัว เอาแต่ได้”” มันเป็นอาการนะครับ อาการไม่รู้จักพอ เท่าไรก็ไม่พอ... นี่แหละคือรากของปีศาจที่สุด... ตรงข้ามกับพระเยซู และไล่ล่าเสนอตัวให้พระองค์ได้หลงมันด้วย ปีศาจจริงๆ...

o มันเคยประจญพระเยซู “ก้อนหินเสกให้เป็นขนมปัง... ได้อาณาจักรทั้งหมดที่มันบอกว่า “ทั้งหมดนี้เป็นของข้า” และการประจญให้พระองค์กระโดดจากพระยอดพระวิหารเพื่อทดลองอำนาจของพระเจ้าพระ บิดา” สรุป... “บริโภคนิยม วัตถุนิยม และอำนาจหลงตนเองนิยม” ปีศาจสามตัวนี้เลยที่เป็นรากเหง้าให้คนเรา “เห็นแก่ตัว” และเบียดเบียนคนอื่นๆ มันเป็น “ปมอยาก เป็นโรคหลงที่ร้ายกาจ” จริงๆ

o นี่แหละคือปีศาจรากเหง้าที่ทำให้เกิดการ “เบียดเบียน โกง เอาแต่ได้ไม่รู้จบ มันยิ่งกว่าเป็นปมด้อยเพราะอันที่จริงมันเป็นปมและโรคร้ายในจิตใจ” ติดต่อ ลุกลาม ไม่ใช่ในตนแต่บ่อยครั้งมันถ่ายทอดทางพันธุกรรมและติดต่อไม่ใช่ทางผิวหนัง แต่ติดต่อผ่านพรรคและพวกพ้องด้วย”

• พี่น้องที่รัก... วัคซีน วัคซีน วัคซีน ที่จะเอาชนะเจ้าตัวร้าย หรือเรียกว่า เป็นยาปฏิชีวนะที่จัดการเจ้าโรคร้ายแห่งการเบียดเบียนเพราะเห็นแก่ตัวได้ มีแต่ “ความรักของพระเจ้า” มีแต่ “พระเจ้าโดยทางพระเยซูคริสตเจ้าและพระจิตของพระองค์” คือ “พระเจ้าองค์ความรักนิรันดร์” เท่านั้น ที่จะชนะขาด และไม่ใช่คู่ที่เจ้าปีศาจวัตถุนิยม บริโภคนิยมและอำนาจหลงตัวนิยมจะขึ้นมาเทียมเป็นคู่แข่งได้... ความเห็นแก่ตัวเป็นปีศาจชั้นต่ำเกินไปที่จะมาเทียบความรักของพระเจ้า

• พี่น้องที่รักครับ.. “เพียงเรารัก เราก็ชนะความเป็นแก่ตัวแล้วครับ” เพียงเรามีพระเจ้า พระจิตเจ้าเป็นพยานให้เรา เราก็ชนะความเห็นแก่ตัวได้เลยครับ... จริงไหมครับ 

o บริโภคนิยม เห็นแก่ตัวหรือ... คนเรา พ่อแม่รักลูก ยอมอดตายเพื่อลูกได้เลย

o วัตถุนิยมเวอร์ไม่รู้จบหรือ... เพียงเรารักคำว่า “พอ” เราก็ชนะแล้ว... คิดได้สักนิด ก็รู้แล้วว่า กระเป๋าถือราคาหลายล้าน ขนาดในการบรรจุของน้อยกว่าถุงกระดาษหรือถุงก๊อบแก๊บใบเดียว... “คิด ถ้าคิดได้ คิดนิดเดียวกู้รู้ว่า กระเป๋ามีสารัตถะ essence ไว้ทำอะไร (เอ แล้วจะเข้าใจคำว่า “สารัตถะหรือ essence” ได้หรือเปล่าเนี่ย) คือ แก่น ไม่ใช่เปลือก ครับ...

o อำนาจนิยมหลงตัวเองหรอ... โห ถ้าเพียงรักและดูคนรอบข้างที่ก้มหัวกันเป็นฝักถั่วหรือทานตะวันยามอัสดง คอตกก้มห้ว ก็รู้ว่า คนเหล่านั้น เขารักเราไหม... คงยากเหมือนกัน คนที่ไม่เคยรักมีแต่หลงตนเองและคิดว่าหลงของคนอื่นคือรัก...โอ ปมจริงๆ ป่วยแท้ๆ

• พี่น้องที่รัก “ถ้าท่านถือตามบัญญัติของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเรา” และพระองค์ตรัสอีกว่า “เราชนะโลกแล้ว” แม้พระองค์จะผ่านการเบียดเบียนที่พ่ออธิบายรายละเอียดและสาเหตุ... พี่น้องคริสตชนครับ... เราต้องรักและเราจะรู้จักพอและไม่หลงครับ... รักจะปล่อยให้เราหลงได้อย่างไร ระหว่างหน่อยละกันรักกับหลงงมงายแยกกันให้ออก รักคือความสุดยอดของคุณธรรมทั้งปวง รักคือพระเจ้าเพราะพระเจ้าเป็นความรัก... ส่วนหลงคือโง่งมงายโงวหัวไม่ขึ้นเพราะมันคือปีศาจแท้ๆเลยครับ...

• พระดำรัสของพระองค์บรรเทาใจ และเราจะไม่มีวันหลงไปแน่นอน... เราจะสามารถอยู่ในโลกแต่ไม่เป็นของโลก ถูกเบียดเบียน แต่เราจะไม่มีวันหลงป่วยหรือเหลิงไปได้เลยครับ... “ท่านทั้งหลายก็จะเป็นพยานให้เราด้วย เพราะท่านอยู่กับเรามาตั้งแต่แรกแล้ว เราบอกเรื่องเหล่านี้แก่ท่านทั้งหลาย เพื่อท่านจะไม่แคลงใจ เขาจะขับไล่ท่านออกจากศาลาธรรม เวลานั้นกำลังมาถึงเมื่อผู้ที่ฆ่าท่านจะคิดว่าตนกำลังถวายคารวกิจแด่พระเจ้า เขาจะทำเช่นนี้ เพราะเขาไม่รู้จักทั้งพระบิดาและเรา แต่เราบอกเรื่องนี้กับท่าน เพื่อว่าเมื่อเวลานั้นมาถึง”

o ครับ ถ้าเราถูกเบียดเบียน ให้เรารู้ว่าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา 

o ที่แน่ๆ เราจะไม่เขลาเบาปัญญาไปเบียดเบียนใครๆแน่นอน เพราะเรามีพระเจ้าและความรักของพระองค์... เราจะไม่ป่วยด้วยความหลงแต่ตนเองและเห็นแก่ตัวเด็ดขาดครับ

o ขอวิงวอน “พระเจ้าองค์ความรัก” ทรงรักทุกท่านด้วยความรักของพระองค์นะครับ