แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

วันจันทร์ สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลธรรมดา

พระวรสาตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก (มก 9:14-29)                    

เวลานั้น เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จลงจากภูเขาพร้อมกับศิษย์ทั้งสามคนมาพบศิษย์คนอื่น ทรงเห็นประชาชนจำนวนมากห้อมล้อมบรรดาศิษย์ ธรรมาจารย์บางคนกำลังถกเถียงกับเขาเหล่านั้น ทันทีที่เห็นพระองค์ ประชาชนทั้งหลายต่างประหลาดใจและและวิ่งเข้ามาทักทายพระองค์ พระองค์ตรัสถามบรรดาศิษย์ว่า “ท่านกำลังถกเถียงเรื่องอะไรหรือ” คนหนึ่งในกลุ่มชนตอบว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า ข้าพเจ้าพาบุตรชายที่ปีศาจสิงให้เป็นใบ้มาเฝ้าพระองค์

เมื่อปีศาจสิง มันผลักเขาให้ล้มลง น้ำลายฟูมปาก กัดฟัน และตัวแข็งทื่อ ข้าพเจ้าได้ขอให้ศิษย์ของพระองค์ขับไล่มัน แต่เขาทำไม่สำเร็จ” พระองค์ตรัสตอบว่า “คนหัวดื้อ เชื่อยาก เราจะต้องอยู่กับท่านอีกนานเท่าใด จะต้องทนท่านอีกนานเท่าใด จงพาเด็กมาพบเราเถิด” เขาจึงพาเด็กนั้นมาเฝ้าพระองค์ เมื่อเห็นพระองค์ ปีศาจก็ทำให้เด็กชักล้มลงกับพื้นดิน กลิ้งไปมา น้ำลายฟูมปาก พระเยซูเจ้าทรงถามบิดาของเด็กว่า “เป็นดังนี้นานเท่าไรแล้ว” เขาทูลตอบว่า “ตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็กๆ ปีศาจได้ผลักเด็กลงในกองไฟหลายครั้ง บางครั้งผลักลงในน้ำเพื่อให้ตาย ถ้าพระองค์ทรงทำสิ่งใดได้ ก็ทรงกรุณาช่วยเราด้วยเถิด” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ถ้าทำได้น่ะหรือ ทุกสิ่งเป็นไปได้ทั้งนั้นสำหรับผู้มีความเชื่อ” ทันใดนั้นบิดาของเด็กก็ร้องว่า “ข้าพเจ้าเชื่อ โปรดช่วยความเชื่ออันเล็กน้อยของข้าพเจ้าด้วยเถิด” เมื่อพระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นประชาชนเข้ามามากยิ่งขึ้น พระองค์จึงตรัสสำทับปีศาจว่า “เจ้าปีศาจหนวกใบ้ เราสั่งเจ้าให้ออกจากเด็กคนนี้ และอย่ากลับเข้ามาอีกเลย” ปีศาจจึงร้องเสียงดังและทำให้เด็กมีอาการชักอย่างรุนแรง แล้วปีศาจก็ออกไป เด็กนอนนิ่งเหมือนคนตาย จนคนส่วนมากพูดกันว่า “เขาตายแล้ว” แต่พระเยซูเจ้าทรงจับมือเด็ก ทรงช่วยพยุงให้ลุกขึ้น เขาก็ยืนขึ้น เมื่อพระองค์เสด็จเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง บรรดาศิษย์ทูลถามพระองค์เป็นการส่วนตัวว่า “ทำไมพวกเราจึงขับไล่มันไม่ได้” พระองค์ตรัสตอบว่า “ปีศาจชนิดนี้ขับไล่ออกไม่ได้เลย นอกจากด้วยการอธิษฐานภาวนาเท่านั้น”    


มก 9:14-29  โดยการเน้นถึงความสำคัญของความเชื่อและการภาวนา พระคริสตเจ้าทรงดุบิดาของเด็ก (บางทีทรงต้องการตำหนิบรรดาศิษย์ของพระองค์เองที่ไม่สามารถขับไล่ปีศาจออกไปได้) ที่ขาดความเชื่ออย่างเต็มเปี่ยมในพระองค์ โดยชี้ให้เห็นเงื่อนไขในการขอของผู้เป็นบิดาด้วยประโยคที่ว่า “ถ้าทำได้น่ะหรือ” พระคริสตเจ้าทรงให้พวกเขาเห็นถึงความแน่นอนว่าทุกอย่างเป็นได้ได้ด้วยความเชื่อ ความเชื่อที่จำเป็นต้องมีเพื่อเอาชนะปีศาจและความชั่วร้ายแห่งบาปนั้นอยู่ในการภาวนาและในการใช้โทษบาปนั่นเอง  

     

พระเยซูเจ้าทรงสอนให้อธิษฐานภาวนา

CCC ข้อ 2610  เช่นเดียวกับที่พระเยซูเจ้าทรงอธิษฐานภาวนาและขอบพระคุณพระบิดาก่อนที่จะได้รับของประทานจากพระองค์ พระเยซูเจ้าจึงทรงสอนให้เรามีความกล้าเยี่ยงบุตร “ทุกสิ่งที่ท่านวอนขอในการอธิษฐานภาวนา จงเชื่อว่าท่านจะได้รับ และท่านก็จะได้รับ” (มก 11:24) พลังของการอธิษฐานภาวนาเป็นเช่นนี้ “ทุกสิ่งเป็นไปได้ทั้งนั้นสำหรับผู้มีความเชื่อ” (มก 9:23) ความเชื่อที่ไม่สงสัย พระเยซูเจ้าทรงเศร้าพระทัยที่บรรดาพระประยูรญาติของพระองค์ “ไม่มีความเชื่อ” (มก 6:6) และเพราะความเชื่อที่น้อยเกินไปของบรรดาศิษย์จนทรงประหลาดพระทัยเมื่อทรงเห็นความเชื่อของนายร้อยชาวโรมัน และของหญิงชาวคานาอัน   


มก 9:24  ข้าพเจ้าเชื่อ โปรดช่วยความเชื่ออันเล็กน้อยของข้าพเจ้าด้วยเถิด : ความเชื่อเป็นพระพรจากพระเจ้าซึ่งเรียกร้องให้เราตัดสินใจที่จะตอบสนองพระคุณนี้ คำขอร้องจากบิดาของเด็กที่ถูกปีศาจสิงนี้จะกลายเป็นคำภาวนาของเราด้วยเมื่อเราพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะทำให้ความเชื่อของเราในพระคริสตเจ้าสำเร็จอย่างสมบูรณ์ 

  

การยืนหยัดในความเชื่อ

CCC ข้อ 162 ความเชื่อเป็นของประทานที่พระเจ้าประทานให้เปล่าๆ เราอาจสูญเสียของประทานล้ำค่านี้ได้ นักบุญเปาโลเตือนทิโมธีว่า “ข้าพเจ้าขอแนะนำท่าน [...] เพื่อท่านจะได้ [...] ต่อสู้อย่างกล้าหาญ โดยยึดความเชื่อและมโนธรรมที่ดีไว้ บางคนละทิ้งมโนธรรมที่ดี ความเชื่อของเขาจึงต้องพินาศ” (1ทธ 1:18-19) เพื่อจะมีชีวิต มีความเชื่อ และยืนหยัดในความเชื่อจนถึงวาระสุดท้าย เราต้องได้รับการเลี้ยงดูด้วยพระวาจาของพระเจ้า เราต้องอธิษฐานภาวนาต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าให้พระองค์ทรงเพิ่มพูนความเชื่อให้แก่เรา ความเชื่อต้องแสดงออกเป็นการกระทำ “อาศัยความรัก” (กท 5:6) ต้องได้รับการส่งเสริมจากความหวัง และฝังรากอยู่ในความเชื่อของพระศาสนจักร

    

ข้าพเจ้าทั้งหลายเชื่อ

CCC ข้อ 167 วลี “ข้าพเจ้าเชื่อ” เป็นความเชื่อของพระศาสนจักรที่ผู้มีความเชื่อแต่ละคนประกาศ โดยเฉพาะเมื่อเขารับศีลล้างบาป วลี “ข้าพเจ้าทั้งหลายเชื่อ” (หรือ “พวกเราเชื่อ”) เป็นความเชื่อของพระศาสนจักรที่บรรดาพระสังฆราชซึ่งมาประชุมกันประกาศในสภาสังคายนา หรือโดยทั่วไปที่ประชุมของผู้มีความเชื่อประกาศในพิธีกรรม เมื่อเรากล่าวว่า “ข้าพเจ้าเชื่อ” ก็ยังเป็นพระศาสนจักรมารดาของเราด้วยที่ตอบสนองต่อพระเจ้าด้วยความเชื่อของตน และสอนเราให้กล่าวว่า “ข้าพเจ้าเชื่อ” “ข้าพเจ้าทั้งหลายเชื่อ”    

(จากหนังสือ THE DIDACHE BIBLE with commentaries based on the Catechism of the Catholic Church, Ignatius Bible Edition)