สามีและภรรยาที่มีการทะเลาะกันอยู่เสมอหย่าร้างกันได้หรือ
            พระศาสนจักรให้ความเคารพอย่างมากกับความสามารถของบุคคลที่จะรักษาสัญญา และผูกมัดตนเองในความซื่อสัตย์ตลอดชีวิต พระศาสนจักรรับถ้อยคำของพวกเขา ทุกๆการแต่งงานสามารถอยู่ในอันตรายได้จากวิกฤตการณ์ต่างๆ การพูดคุยในเรื่องต่างๆด้วยกัน การสวดภาวนาร่วมกัน และการได้รับคำปรึกษา การบำบัดสิ่งต่างๆเหล่านี้สามารถหาทางออกจากวิกฤตการณ์ต่างๆได้

เหนืออื่นใดพึงจำไว้ว่าในศีลสมรสมีบุคคลที่สามที่เป็นข้อผูกมัด คือพระคริสตเจ้า ทรงสามารถจุดไฟแห่งความหวังซ้ำแล้วซ้ำอีก บางคนที่แต่งงานแล้วแต่ไม่สามารถทนได้ถึงแม้บุคคลนั้นได้เปิดเผยให้เห็นความรุนแรงฝ่ายจิตใจและร่างกายที่ได้รับอาจจะหย่าร้างได้ สิ่งนี้เรียกว่า “การแยกกันอยู่” เป็นสิ่งซึ่งพระศาสนจักรต้องได้รับการแจ้ง ในกรณีเหล่านี้ถึงแม้ชีวิตโดยทั่วไปแตกแยกแต่การแต่งงานยังคงถูกต้อง (1629-1649)

แท้จริงแล้ว มีกรณีซึ่งเกิดวิกฤตการณ์ในการแต่งงาน ซึ่งไปๆมาๆแล้วย้อนกลับไปถึงความจริงที่ว่าหนึ่งในคู่สมรสหรือทั้งสองคนนั้นยังไม่เหมาะ ที่จะถึงเวลาของการแต่งงาน หรือยังไม่มีความยินยอมอย่างเต็มที่ในการแต่งงาน ซึ่งทำให้การแต่งงานไม่ถูกต้องตามความหมายของกฎหมาย ในกรณีเหล่านี้ขั้นตอนของการยกเลิกสามารถนำเข้าสู่ศาลของสังฆมณฑล 424  

      คริสตชนที่หย่าร้างและแต่งงานใหม่นั้น ก็ยังผูกพันอยู่กับพระศาสนจักร ซึ่งสนใจเอาใจใส่เป็นพิเศษต่อเขา และคอยกระตุ้นให้เขาเจริญชีวิตคริสตชนของตนให้สมบูรณ์ครบถ้วนที่สุดเท่าที่สามารถทำได้ โดยการเข้าร่วมพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ แต่ว่าไม่อาจเข้าไปรับศีลมหาสนิทได้ โดยการฟังพระวาจาของพระเจ้ากราบนมัสการศีลมหาสนิท สวดภาวนา เข้าร่วมส่วนกับชีวิตของหมู่คณะคริสตชน สนทนาพูดคุยอย่างซื่อสัตย์กับพระสงฆ์หรือคูณพ่อวิญญาณารักษ์ เสียสละทำงานเมตตากิจ ทำงานชดเชยใช้โทษบาป และอุทิศตนอบรมเลี้ยงดูบุตรของตนอย่างดี (ข้อ 29)
สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ที่ 16
ศีลมหาสนิท ศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งความรัก