ทุกคนถูกเรียกให้แต่งงานหรือ
           ไม่ใช่ทุกคนถูกเรียกให้แต่งงาน แม้แต่ผู้ที่อยู่เพียงลำพังก็สามารถบรรลุเป้าหมายในชีวิต บุคคลเหล่านี้จำนวนมากพระเยซูเจ้าทรงแสดงหนทางพิเศษให้กับพวกเขา พระองค์ทรงเชื้อเชิญพวกเขาให้ครองความเป็นโสด “เพราะเห็นแก่อาณาจักรสวรรค์” (มธ 19:12) ( 1618-1620)

ผู้คนจำนวนมากที่มีชีวิตอยู่เพียงลำพัง ทนทุกข์ทรมานจากความเหงาซึ่งพวกเขาเข้าใจแต่พียงว่าเป็นการขาดและเป็นการเสียเปรียบ ยังมีบุคคลที่ไม่สนใจในเรื่องการมีคู่ครองหรือครอบครัว ยังชื่นชมอยู่กับการมีอิสรภาพและการมีอิสระ มีเวลาที่กระทำสิ่งที่มีความหมาย และสิ่งต่างๆที่มีความสำคัญซึ่งผู้ที่แต่งงานแล้วไม่เคยได้กระทำ อาจจะเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าที่พวกเขาสามารถเอาใจใส่ดูแลผู้คนที่ไม่มีใครเอาใจใส่ดูแลไม่ใช่สิ่งผิดปกติที่พระเจ้าทรงเรียกบุคคลดังกล่าวให้มาอยู่ใกล้ชิดกับพระองค์เป็นพิเศษ นี่เป็นกรณีที่บุคคลหนึ่งรู้สึกมีความปรารถนาที่จะสละการแต่งงาน “เพราะเห็นแก่อาณาจักรสวรรค์” แน่นอนกว่า กระแสเรียกของคริสตชนมิได้หมายถึงการรังเกียจการแต่งงาน หรือรังเกียจความรู้สึกเรื่องเพศ การถือพรมจรรย์ด้วยความสมัครใจสามารถปฏิบัติได้เฉพาะในความรัก และออกมาจากความรัก เป็นเครื่องหมายที่มีอานุภาพซึ่งมีความสำคัญสำหรับพระเจ้ามากกว่าสิ่งอื่นๆ บุคคลที่ไม่แต่งงานละทิ้งสัมพันธ์ทางเพศ ไม่ใช่ละทิ้งความรัก แต่เปี่ยมไปด้วยความปรารถนาที่จะออกไปพบกับพระคริสตเจ้าเจ้าบ่าวที่กำลังจะมา (มธ 25:6)