แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

บทที่ 2
ใครก็ตามที่ได้รับการอภัยบาปมากว่า  ก็จะรักมากกว่า
อุปมาเรื่องลูกหนี้ 2 คนและเจ้าหนี้ (ลก.7.36-50)

    เรื่องอุปมาสั้นๆที่เล่าใน ลก.7.41-43 ฉายแสงในสถานการณ์ที่เด่นชัดในชีวิตสาธารณะของพระเยซูเจ้า  พระองค์ทรงเยี่ยมชายคนบาปและหญิงคนบาป และจนกระทั่ง มีการคิดว่า พระองค์เองทรงมีสิทธิที่จะอภัยบาปพวกเขา นี่คืออภิสิทธิ์ เพราะสำหรับชาวยิวในสมัยนั้น ซึ่งเป็นประชากรของพระเจ้า พระสงฆ์ในพระวิหารเป็นผู้ออกกฎระเบียบ และพระเยซูเจ้าทรงเล่าเรื่องอุปมานี้ขณะที่พระองค์เสวยพระกายาหารในบ้านของซีโมนชาวฟาริสี เรื่องอุปมานี้มีความไพเราะมาก จึงสมควรที่จะยกเรื่องอุปมานี้มาเล่าให้เห็นในบริบทดังนี้

    “ชาวฟาริสีคนหนึ่งทูลเชิญพระเยซูเจ้าไปเสวยพระกระยาหารกับเขา พระองค์เสด็จเข้าไปในบ้านของชาวฟาริสีนั้นและประทับที่โต๊ะ  ในเมืองนั้นมีหญิงคนหนึ่งเป็นคนบาป เมื่อนางรู้ว่า พระเยซูเจ้ากำลังประทับร่วมโต๊ะอยู่ในบ้านของชาวฟาริสีผู้นั้น จึงถือขวดหินขาวบรรจุน้ำมันหอมเข้ามาด้วย  นางมาอยู่ด้านหลังของพระองค์ใกล้ ๆ พระบาท ร้องไห้จนน้ำตาหยดลงเปียกพระบาท นางใช้ผมของนางเช็ดพระบาทจูบพระบาทและใช้น้ำมันหอมชโลมพระบาทนั้น
    เมื่อชาวฟาริสีที่ทูลเชิญพระองค์มาเห็นดังนี้ก็คิดในใจว่า “ถ้าผู้นี้เป็นประกาศก   เขาคงจะรู้ว่าหญิงที่กำลังแตะต้องเขาอยู่นี้เป็นใครและเป็นคนประเภทไหน นางเป็นคนบาป”  พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “ซีโมน เรามีเรื่องจะพูดกับท่าน” เขาตอบว่า “เชิญพูดมาเถิด อาจารย์”  พระองค์จึงตรัสว่า “เจ้าหนี้คนหนึ่งมีลูกหนี้อยู่สองคน คนหนึ่งเป็นหนี้อยู่ห้าร้อยเงินเหรียญ อีกคนหนึ่งเป็นหนี้อยู่ห้าสิบเงินเหรียญ  ทั้งสองคนไม่สามารถชดใช้หนี้ เจ้าหนี้จึงยกหนี้ให้ทั้งหมด ในสองคนนี้ คนไหนจะรักเจ้าหนี้มากกว่ากัน”  ซีโมนตอบว่า “ข้าพเจ้าคิดว่าเป็นคนที่ได้รับการยกหนี้ให้มากกว่า”  พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “ท่านตัดสินถูกต้องแล้ว”
    พระองค์ทรงหันพระพักตร์มาทางหญิงผู้นั้นตรัสกับซีโมนว่า “ท่านเห็นหญิงผู้นี้ใช่ไหม เราเข้ามาในบ้านของท่าน ท่านไม่ได้เอาน้ำมาล้างเท้าให้เรา แต่นางได้หลั่งน้ำตารดเท้าของเราและใช้ผมของนางเช็ดให้  ท่านไม่ได้จูบคำนับเรา แต่นางจูบเท้าของเรามิได้หยุดตั้งแต่เราเข้ามา  ท่านไม่ได้ใช้น้ำมันเจิมศีรษะให้เรา แต่นางใช้น้ำมันหอมชโลมเท้าของเรา  เพราะเหตุนี้ เราบอกท่านว่าบาปมากมายของนางได้รับการอภัยแล้วเพราะนางมีความรักมาก ผู้ที่ได้รับการอภัยน้อยก็ย่อมมีความรักน้อย”  แล้วพระองค์ตรัสกับนางว่า “บาปของเจ้าได้รับการอภัยแล้ว”  บรรดาผู้ร่วมโต๊ะจึงเริ่มพูดกันว่า “คนนี้เป็นใคร จึงทำได้แม้แต่การอภัยบาป”  พระองค์ตรัสกับหญิงนั้นว่า “ความเชื่อของเจ้าช่วยเจ้าให้รอดพ้นแล้ว จงไปเป็นสุขเถิด” (ลก.7.36-50)

1. ความรักที่น่ากระดากอาย
    การต้อนรับขับสู้ที่พระเยซูเจ้าได้รับในบ้านของซีโมนชาวฟาริสี เป็นความใกล้ชิดสนิทสนมหนึ่งที่น่ากระดากอาย เหตุการณ์เกี่ยวข้องกับมื้ออาหารเย็น ที่พระเยซูเจ้าทรงรับคำเชิญมาในงานเลี้ยงธรรมดาๆอย่างเต็มพระทัย  ระหว่างมื้ออาหาร หญิงคนหนึ่งมาถึง ซึ่งคนในละแวกนั้นรู้จักชื่อเสียงไม่ดีของนาง  แม้ไม่ได้รับคำเชิญหรือไม่ได้รับอนุญาติจากใครให้เข้าไปในงานเลี้ยง แต่นางเข้าไปใกล้พระเยซูเจ้า เช็ดพระบาทของพระองค์ด้วยหยาดน้ำตาของเธอ ร้องไห้จนน้ำตาหยดลงเปียกพระบาท นางใช้ผมเช็ดพระบาทจูบพระบาทและใช้น้ำมันหอมชโลมพระบาทของพระเยซูเจ้า  การกระทำของนางเป็นที่น่าตกใจเพราะนางเป็นคนบาป และทันที ซีโมนตีตราบาปให้เธอ อย่างไรก็ตาม ซีโมนไม่ได้ใส่ใจในคนบาปแต่จดจ่อที่พระเยซูเจ้ามากกว่า ทำไมพระเยซูเจ้าซึ่งคนทั่วไปพิจารณาว่าพระองค์ทรงเป็นประกาศก จึงปล่อยให้หญิงคนบาปล้างเท้าด้วยวิธีนี้ได้อย่างไร ดังนั้น บุคคลที่อยู่ภายใต้คำตัดสิน ณ ที่นี้ ไม่ใช่หญิงนั้น  เพราะถูกประเมินอย่างรวดเร็วให้เป็นคนบาป แต่เป็นพระเยซูเจ้า ทรงเป็นมลทินจากบาปของนางเพราะพระองค์ทรงปล่อยให้นางสัมผัสพระองค์ต่างหาก
    พฤติกรรมของหญิงคนบาป ที่ทำให้ซีโมนและผู้รับเชิญอื่นๆ ประหลาดใจ  นางทำให้พระเยซูเจ้า
เป็นมลทินด้วยมือ น้ำตา และผมของนาง คนเราจะสื่อเรื่องราวพระวรสารที่น่าอัปยศเช่นนี้ได้อย่างไร เรื่องอุปมาเท่านั้นจะสามารถช่วยให้เราเข้าใจได้ว่า ทำไมพระเยซูเจ้าทรงก่อให้เกิดความอัปยศเช่นนี้

2. ลูกหนี้สองคนและเจ้าหนี้ของพวกเขา
    ความรักของพระเยซูเจ้าที่มีต่อคนบาปนั้น ช่างเปี่ยมด้วยมนุษยธรรมและเป็นการให้เปล่า โดยปราศจากแรงจูงใจที่ซ่อนเร้นใดๆทั้งสิ้น  อย่างไรก็ตาม เรื่องอุปมาสั้นๆเรื่องนี้ให้ความกระจ่างต่อสิ่งที่เกิดขึ้นที่บ้านของซีโมนเป็นอย่างดี ถึงเรื่องจะสั้นแต่ก็ชัดเจนและตรงประเด็นดี พระเยซูเจ้าไม่ทรงเผยแสดงความหมายเป็นนัยของเรื่องอุปมาว่าเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในขณะนั้นทั้งหมด แต่พระเยซูเจ้าทรงเล่าเรื่องลูกหนี้ 2 คนและเจ้าหนี้ของพวกเขา ตามปกติ พระองค์ไม่ทรงระบุชื่อของคนเหล่านี้ แต่เน้นประเด็นสำคัญของเรื่องมากกว่า   ลูกหนี้คนแรกเป็นหนี้ห้าร้อย เหรียญ และอีกคนเป็นหนี้ห้าสิบเหรียญ ความไม่ได้สัดส่วนมีความสำคัญ เพราะหนี้ห้าสิบเหรียญของลูกหนี้คนที่สองถูกเพิ่มแป็น 10 เท่าสำหรับลูกหนี้คนแรก   ตามประเด็นที่ใส่ในบริบทของเรื่องแล้ว  เงินห้าสิบเหรียญเท่ากับค่าแรง 2 เดือน ขณะที่ห้าร้อยเหรียญจะเท่ากับรายได้สองปีครึ่ง
    พระเยซูเจ้าทรงอธิบายให้กระจ่างชัดว่า ลูกหนี้ทั้งสองไม่สามารถชดใช้หนี้ได้ เจ้าหนี้จึงยกหนี้
ให้ทั้งหมด  ตัวละครในเรื่องอุปมาไม่ได้พูดอะไร ไม่มีบทเจรจาระหว่างลูกหนี้และเจ้าหนี้ ควรใส่ใจมากที่สุดที่คำ “ยกหนี้” ซึ่งชี้ถึงการให้อภัยลูกหนี้ และเป็นการให้อภัยที่สง่างามของเจ้าหนี้ ก่อให้เกิดคำถามของพระเยซูเจ้าต่อซีโมนว่า
ลูกหนี้คนไหนจะรักเจ้าหนี้มากกว่ากัน
    ซีโมนไม่ได้ตระหนักว่า เขาอยู่ในกลุ่มคนที่ตรงกับกรณีที่พระเยซูเจ้ายกมาเล่า และตอบว่า คนที่ได้รับการยกหนี้ให้มากกว่าจะรักเจ้าหนี้มากกว่า คำตอบของเขาได้เปิดโปงและกล่าวหาตัวเขาเอง หากเขาใส่ใจในเรื่องอุปมามากกว่านี้ เขาก็อาจจะจำได้ว่าไม่ว่าบาปในรูปแบบใดๆก็คือหนี้ ที่ก่อให้เกิดขึ้น พระหรรษทานเท่านั้นจะสามารถชดเชยแทนหนี้ที่เราทุกคนติดพระเจ้าได้ เห็นได้ชัดเจนว่า ดูเหมือนซีโมนจะไม่สามารถเอาชนะอารมณ์ตกใจสุดขีดต่อพระหรรษทานที่พระเยซูเจ้าประทานให้แก่หญิงคนบาปได้

3. “ผู้ที่ได้รับการอภัยน้อยก็ย่อมมีความรักน้อย” (ข้อ 47)
    เรื่องอุปมาทำให้พระเยซูเจ้ากลายเป็นตัวเอกบนเวที เพื่อพระองค์ทรงเปิดเผยสถานการณ์ที่เป็นจริงว่า ซีโมนคล้ายกับลูกหนี้ที่เป็นหนี้เท่ากับค่าแรง 2 เดือนและสำหรับเหตุผลนั้น  ซีโมนที่ไม่ได้นำน้ำมาล้างพระบาทของพระเยซูเจ้าหรือทักทายพระองค์ด้วยการจุมพิต หรือเจิมน้ำมันที่พระเศียรของพระเยซูเจ้า (ตามธรรมเนียมของเจ้าของบ้านที่ปฏิบัติต่อแขกตามธรรมเนียมของชาวยิว) หญิงคนบาปเหมือนลูกหนี้ที่เป็นหนี้เท่ากับเงินเดือนสองปีครึ่ง นางไม่อาจจ่ายหนี้ได้สำเร็จ ทางออกเดียวสำหรับลูกหนี้ทั้งสองคนคือพระหรรษทาน ผลกระทบใหญ่ของเรื่องอุปมาต่อสถานการณ์ที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการยกบาปและความรักของหญิงคนบาป น่าเสียดาย การตีความข้อ 47 เช่น (“บาปมากมายของนางได้รับการอภัยแล้วเพราะนางมีความรักมาก” อย่างไรก็ตาม  “บาป” เป็นคำกรีกดั้งเดิมแสดงถึงผลที่ตามมาของการอภัยบาป “บาปมากมายของนางได้รับการอภัยแล้วเพราะนางมีความรักมาก”   ถ้าความผิดมหันต์เชนนั้นไม่ได้รับการอภัย   นางก็คงไม่ถูกโน้มน้าวให้รัก  หญิงนั้นสามารถรักเพราะนางได้รับพระหรรษทานอย่างไม่มีเงื่อนไขต่างหาก
    ส่วนที่สองของคำตอบของพระเยซูเจ้ายืนยันความเป็นเอกของพระหรรษทานคือ “ผู้ที่ได้รับการ
อภัยน้อยก็ย่อมมีความรักน้อย” (ข้อ 47) คำอ้างนี้เชื่อมโยงระหว่างเรื่องอุปมากับชีวิตจริง  ใครก็ตามที่ไม่ได้ถูกครอบงำด้วยความรักแบบให้เปล่าของพระเจ้า ก็ไม่อยู่ในฐานะที่จะรักพระองค์ได้

4. การยกบาปและความเชื่อที่ช่วยให้รอดพ้น
    พระเยซูเจ้าทำให้แขกที่รับเชิญทั้งหมดอับอายขายหน้า ซึ่งบ่นพึมพำในหมู่พวกเขาว่า “คนนี้เป็นใคร จึงทำได้แม้แต่การอภัยบาป?”  (ข้อ49) คำถามเรียกร้องคำตอบที่มีตรรกะมากที่สุด ซึ่งก็คือพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถอภัยบาปได้ (ดู ลก.5.21) และขณะที่พระเจ้าสามารถอภัยบาป  มีกฎเกณฑ์เป็นข้อบังคับที่จะชดเชยแก้ไขความผิดตามธรรมบัญญัติ พระเยซูเจ้าจึงสมควรเป็นพระเจ้าอันเป็นสภาพที่แท้จริงของพระองค์ ไม่ใช่สภาพมนุษย์อย่างเดียว ซึ่งมีสิทธิยกบาปผู้อื่นด้วยพระองค์เอง ดังนั้น  นี่จึงเป็นการเหยียดหยามต่อพระองค์ในความคิดของแขกที่รับเชิญ
    อย่างไรก็ตาม  การ “ละเมิด” นี้เชื่อมช่องว่างระหว่างเรื่องอุปมากับการพบปะกันในบ้านของซีโมน พระเยซูเจ้าทรงเข้ากับวิธีแสดงออกของพระเจ้าด้วยอำนาจการอภัยบาปที่มีต่อหญิงคนบาป พระองค์ประทานอภัยแก่นางเพราะพระองค์ทรงยอมรับความเชื่อที่นางเชื่อในพระองค์ตั้งแต่แรกว่า พระองค์ทรงมีอำนาจแห่งการอภัยบาป   เมื่อนางได้ยินว่า พระเยซูเจ้าเสด็จประทับในบ้านของซีโมน  นางวิ่งไปซื้อน้ำหอมราคาแพง และเอาชนะอุปสรรคใดๆก็ตามที่มี เพื่อนางจะเข้าเฝ้าพระองค์ให้ได้  นั่นเป็นเพราะนางมีความมั่นใจอย่างไม่สั่นคลอนว่า พระเยซูเจ้าทรงสามารถอภัยบาปได้ (เหมือนเจ้าหนี้ที่ยกหนี้ให้ลูกหนี้เป็นเงินห้าร้อยเหรียญ)
ความเชื่อคือเงื่อนไขเดียวที่พระเยซูเจ้าทรงขอจากคนที่จะได้รับความรอดพ้น ทั้งยังเป็นตัวบ่งชี้ที่ธรรมดาสามัญในอัศจรรย์ทั้งหมดของพระองค์ ในเรื่องนี้ มีความคล้ายคลึงระหว่างการอภัยบาปแก่หญิงคนบาปและการรักษาคนอัมพาตหรือคนตาบอด ในเหตุการณ์ที่รักษาคนป่วยด้วย เป็นความเชื่อที่ช่วยให้รอดพ้น ไม่ใช่เครื่องหมายอัศจรรย์ในตัวมันเอง

5. ความหมายมีนัยอะไรสำหรับชุมชน
ให้เรามองดูเรื่องอุปมาเกี่ยวกับกษัตริย์ที่มีพระทัยเมตตากรุณาในพระวรสารโดยนักบุญมัทธิว 18.23-35                                                                              ขณะที่เรื่องอุปมาในพระวรสารโดยนักบุญลูกา 7.41-43 มีเจ้าหนี้ (กษัตริย์) และลูกหนี้ 2 คน (บรรดาคนใช้) คนใช้คนแรกเป็นหนี้กษัตริย์หนึ่งหมื่นตาแลนต์ แต่คำขอร้องของเขาเร่งเร้าความเห็นอกเห็นใจของกษัตริย์ผู้ซึ่งจะยกหนี้ให้เขา น่าเสียดาย เมื่อคนใช้ออกจากพระราชวัง ได้พบคนใช้อีกคนที่เป็นหนี้เขาหนึ่งร้อยเหรียญ เขาจัดการลูกหนี้อย่างรุนแรงและนำลูกหนี้ไปขังคุก   
    ความไม่ได้สัดส่านของหนี้มากมายจนคำนวณไม่ได้   สมัยพระเยซูเจ้า  เงินหนึ่งตาแลนต์มีค่าเท่ากับหนึ่งหมื่นเหรียญแล้ว หนึ่งหมื่นตาแลนต์ก็เป็นจำนวนที่เหลือเชื่อเมื่อเทียบกับหนึ่งร้อยเหรียญของคนใช้คนที่สอง ในทางปฏิบัติ คนใช้คนที่สองสามารถชดใช้หนี้ด้วยค่าแรงไม่น้อยกว่า 4 เดือน ขณะที่คนใช้คนที่แรกไม่สามารถจ่ายหนี้แก่กษัตริย์ได้เลย ถ้าเป็นเช่นนี้ควรกล่าวว่า คนรับใช้ที่สองถูกยกหนี้ได้ เขาต้องทำงาน 6 เดือน  ขณะที่คนรับใช้คนแรกไม่อาจชดใช้หนี้กษัตริย์ได้เลย พระหรรษทานที่คนใช้คนแรกได้รับจากกษัตริย์ก็จะเสียเปล่า เมื่อกษัตริย์ทรงรับทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนใช้อีกคนหนึ่ง จึงทรงตำหนิคนใช้คนแรกว่า “เจ้าคนสารเลว ข้ายกหนี้สินของเจ้าทั้งหมดเพราะเจ้าขอร้อง  เจ้าต้องเมตตาเพื่อนผู้รับใช้ด้วยกัน เหมือนกับที่ข้าได้เมตตาเจ้ามิใช่หรือ” (มธ.18.32-33)  ดังนั้น คนใช้กลับถูกขังไว้ในคุกจนกว่าจะชำระหนี้ให้หมด แต่เป็นไปไม่ได้เลยว่าเขาจะชดใช้หนี้ได้ แม้ว่าเขาจะทำงานตลอดชีวิตก็ตาม บทสรุปของเรื่องอุปมาเป็นเรื่องเศร้า คือ “ดังนั้น พระบิดาเจ้าจะทรงกระทำต่อท่านแต่ละคน  ทำนองเดียวกัน ถ้าท่านไม่ยอมยกโทษให้พี่น้องจากใจจริง” (มธ.18-35)
    พระศาสนจักรประกอบด้วยผู้รับใช้มากมาย ซึ่งได้รับการยกหนี้มหาศาล เพื่อว่า พวกเขาสามารถให้อภัยคนใช้คนอื่นๆด้วย  ถ้าเป็นพระศาสนจักรล่ะจะเป็นเช่นไร  หากได้รับบัญชาให้ยกโทษเจ็ดสิบครั้งคูณเจ็ด หรือตลอดไป ได้รับการวางเงื่อนไขบนพระเมตตาของพระเจ้า” (ดู มธ.18.21-22),พระองค์เพิ่งเริ่มออกเดินทางไปกรุงเยรูซาเล็มกับบรรดาสาวกของพระองค์  เราสามารถยอมรับได้ไหมว่า พระเมตตากรุณาของพระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าบาปใดๆของมนุษย์ และเราไม่ควรพิจารณาว่า พระเมตตากรุณานั้น เป็นสิทธิหนึ่งสำหรับบางคน  แต่เป็นเพียงบางสิ่งที่สมควรมอบแก่คนอื่นไหม
พร้อมกับพระเยซูเจ้า    พระเมตตากรุณาของพระเจ้าปล่อยให้พระเมตตากรุณาเองเจือปนด้วยความรันทดแบบมนุษย์ แต่พระเยซูเจ้าทรงช่วยไถ่กู้ความรันทดนั้น ด้วยการแปรสภาพพระเมตตากรุณาผ่านความรักความเมตตาโดยไม่มีเงื่อนไข  ไม่มีฉากใดในพระวรสารที่แสดงความใกล้ชิดสนิทสนมเท่าฉากในบ้านของซีโมนนี้ หญิงคนบาปสัมผัสพระบาทและเช็ดพระบาทของพระเยซูเจ้า ด้วยน้ำตาของนาง เช็ดพระบาทด้วยมวยผมของนาง และจุมพิตด้วยริมปากของนาง  ตามพระวรสาร พระเยซูเจ้าไม่เคยยอมให้คนใดคนหนึ่งแสดงความใกล้ชิดสนิทสนมกับพระองค์ แม้แต่พระมารดาของพระองค์ก็ตาม พระเมตตาสงสารของพระเยซูเจ้าช่วยไถ่กู้ความรัดทดของมนุษย์ ไม่ใช่เพียงขจัดปัดเป่าหรือสัมผัสเฉยๆเท่านั้น แต่ปล่อยให้พระองค์เองถูกทำให้เสื่อมเสียจากความรัดทนของมนุษย์ทีเดียว

รำพึงพระวาจาประจำวัน

วันเสาร์ สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ คืนตื่นเฝ้าปัสกา พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญลูกา (ลก 24:1-12) เวลานั้น ตั้งแต่เช้าตรู่วันต้นสัปดาห์ บรรดาสตรีนำเครื่องหอมที่เตรียมไว้มาที่พระคูหา เขาพบว่าก้อนหินถูกกลิ้งออกไปจากพระคูหาแล้ว เมื่อเข้าไปในพระคูหาก็ไม่พบพระศพของพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้า ขณะที่บรรดาสตรีประหลาดใจกับเหตุการณ์นี้ บุรุษสองคนสวมเสื้อที่เป็นประกายรุ่งโรจน์ยืนอยู่ใกล้ๆ สตรีเหล่านั้นตกใจกลัวและก้มหน้าลงมองพื้นดิน...
วันศุกร์ สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ เทศกาลมหาพรต พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญยอห์น (ยน 18:1-19:42) เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสดังนี้แล้ว ก็เสด็จไปพร้อมกับบรรดาศิษย์ ข้ามห้วยขิดโรน ที่นั่นมีสวนแห่งหนึ่ง พระองค์เสด็จเข้าไปพร้อมกับบรรดาศิษย์ ยูดาสผู้ทรยศรู้จักสถานที่นั้นด้วย เพราะพระองค์เคยทรงพบกับบรรดาศิษย์ที่นั่นบ่อยๆ ยูดาสนำกองทหารและยามรักษาพระวิหารที่บรรดาหัวหน้าสมณะ...
วันพฤหัสบดี สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ เทศกาลมหาพรต พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญยอห์น (ยน 13:1-15) ก่อนวันฉลองปัสกา พระเยซูเจ้าทรงทราบว่าถึงเวลาแล้วที่จะทรงจากโลกนี้ไปเฝ้าพระบิดา พระองค์ทรงรักผู้ที่เป็นของพระองค์ซึ่งอยู่ในโลกนี้ พระองค์ทรงรักเขาจนถึงที่สุด ระหว่างการเลี้ยงอาหารค่ำ ปีศาจดลใจยูดาสอิสคาริโอทบุตรของซีโมนให้ทรยศต่อพระองค์ พระเยซูเจ้าทรงทราบว่าพระบิดาประทานทุกสิ่งไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์แล้ว และทรงทราบว่าพระองค์ทรงมาจากพระเจ้าและกำลังเสด็จกลับไปหาพระเจ้า จึงทรงลุกขึ้นจากโต๊ะ...

Don't be afraid

E-Book แผนกคริสตศาสนธรรม อัคสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

สื่อการสอน เกมคำสอน เกมพระคัมภีร์ ออนไลน์

สื่อคำสอน เทศกาลมหาพรตและปัสกา
สื่อคำสอน เทศกาลมหาพรตและปัสกา
สื่อการเรียนการสอน เรื่อง เทศกาลมหาพรตและปัสกา กิจกรรมที่ 1 แผนภูมิความรู้ เทศกาลมหาพรตและปัสกา E-book...
สื่อคำสอน อัครสาวก 12 องค์
สื่อคำสอน อัครสาวก 12 องค์
สื่อการเรียนการสอน เรื่อง อัครสาวก 12 องค์ กิจกรรมที่ 1 แผนภูมิความรู้...
สื่อคำสอน เรื่องศีลศักดิ์สิทธิ์ 7 ประการ
สื่อคำสอน เรื่องศีลศักดิ์สิทธิ์ 7 ประการ
สื่อการเรียนการสอน เรื่อง ศีลศักดิ์สิทธิ์ 7 ประการ กิจกรรมที่ 1 แผนภูมิความรู้...
สื่อคำสอน เรื่องพระบัญญัติ 10 ประการ
สื่อคำสอน เรื่องพระบัญญัติ 10 ประการ
สื่อการเรียนการสอน เรื่อง พระบัญญัติ 10 ประการ กิจกรรมที่ 1 แผนภูมิความรู้...

คำสอนสำหรับเยาวชน YOUCAT

212. มื้ออาหารของพระเยซูเจ้ากับเรามีชื่อว่าอะไรบ้าง และหมายความว่าอะไร มีชื่อแตกต่างกันที่ชี้บอกถึงความมั่งคั่งอย่างไม่อาจหยั่งถึงได้ของธรรมล้ำลึกนี้ คือ การบูชาศักดิ์สิทธิ์ มิสซา เครื่องบูชาศักดิ์สิทธิ์ของพิธีบูชาขอบพระคุณ อาหารค่ำขององค์พระผู้เป็นเจ้า การบิปัง การชุมนุมศีลมหาสนิท การรำลึกถึงพระทรมาน...
211. ศีลมหาสนิทสำคัญอย่างไรสำหรับพระศาสนจักร การเฉลิมฉลองศีลมหาสนิท เป็นหัวใจของชุมชนคริสตชน ในศีลมหาสนิทพระศาสนจักรกลายเป็นพระศาสนจักร (1325) เราไม่ได้เป็นพระศาสนจักรเพราะเรากลมเกลียวกัน หรือเป็นเพราะเราสิ้นสุดในชุมชนวัดเดียวกัน แต่เนื่องจากในศีลมหาสนิทเราได้รับพระกายของพระคริสตเจ้า และเราถูกเปลี่ยนเพิ่มมากขึ้นในพระกายของพระคริสตเจ้า 126,217 ในศีลมหาสนิทเรากลายเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าเหมือนกับอาหารเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกาย...
210. พระคริสตเจ้าทรงตั้งศีลมหาสนิทอย่างไร “ข้าพเจ้าได้รับสิ่งใดมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้มอบสิ่งนั้นต่อให้ท่าน คือในคืนที่ทรงถูกทรยศนั้นเอง พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงหยิบปัง ขอบพระคุณ แล้วทรงบิออก ตรัสว่า “นี่คือกายของเราเพื่อท่านทั้งหลาย จงทำการนี้เพื่อระลึกถึงเราเถิด” เช่นเดียวกัน...

กิจกรรมพระคัมภีร์

ดูซิ เห็นไหม
ดูซิ เห็นไหม
ดูซิ เห็นไหม เรื่อง ยืนยันต่อผู้อื่น พระคัมภีร์ สุภาษิต 16:24 ภาพรวม เด็กๆ พบสิ่งดีในผู้อื่นจากการเรียนรู้จักสิ่งดีในตนเอง อุปกรณ์ ทอฟฟี่ ดินสอ การ์ด 3 x 5 นิ้ว (2 เท่าของจำนวนเด็ก) ประสบการณ์ บอกเด็กๆ ว่าเรากำลังมองหาความดีในผู้อื่น ครูแจกดินสอและกระดาษการ์ด 3...
อย่านำฉันลงมา
อย่านำฉันลงมา
อย่านำฉันลงมา เรื่อง การดูหมิ่น พระคัมภีร์ โรม 12:16 ภาพรวม เด็กๆ สร้างคนด้วยไม้จิ้มฟัน และเรียนรู้ว่า การดูหมิ่นทำให้ผู้อื่นเจ็บปวดอย่างไร อุปกรณ์ กระดาษ ไม้จิ้มฟัน ดินน้ำมัน ปากกาเส้นใหญ่ กาว และแถบกาว ประสบการณ์ แบ่งเด็กเป็นกลุ่มๆ ละ 3-4 คน แจกไม้จิ้มฟัน ดินน้ำมัน...

ประมวลภาพกิจกรรม

ค่ายคำสอนลูกแม่พระ ปี 2024
ค่ายคำสอนลูกแม่พระ ปี 2024
🎊 “ท่องโลกพระคัมภีร์”🎊 วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม 2024 ทีมคำสอนสัญจรได้ไปกิจกรรมพิเศษของค่ายคำสอนลูกแม่พระ ให้กับเด็กนักเรียนคำสอน วัดแม่พระฟาติมาดินแดง กว่า 50 คน ในหัวข้อ “ท่องโลกพระคัมภีร์” วันนี้ เด็กๆ ได้เรียนรู้เรื่องราวความเป็นมาของพระคัมภีร์ตั้งแต่พันธสัญญาเดิมเรื่อยมาจนถึงพันธสัญญาใหม่ ผ่านทางวีดีโอ ควบคู่ไปกับการเติมคำในช่องว่าง และยังได้ทำกิจกรรมเพื่อช่วยให้จดจำชื่อหนังสือพระคัมภีร์ได้มากขึ้น...
โครงการตลาดนัดวิชาการ ไตรราชวิทยา ก้าวหน้าสู่ห้องเรียนนวัตกรรม
โครงการตลาดนัดวิชาการ ไตรราชวิทยา ก้าวหน้าสู่ห้องเรียนนวัตกรรม
🤖 TRV. Innovation Fair 2023 🤖 วันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ 2024 ทีมคำสอนสัญจร ได้มีโอกาสไปออกร้านจำหน่ายศาสนภัณฑ์ และออกบูธจัดกิจกรรมคำสอน ร่วมกับฝ่ายจิตตาภิบาล โรงเรียนไตรราชวิทยา ในโครงการตลาดนัดวิชาการ ไตรราชวิทยา ก้าวหน้าสู่ห้องเรียนนวัตกรรม ประธานในพิธี บาทหลวงเอกรัตน์...

สวดสายประคำ

สายประคำทำให้ความเชื่อเข้มแข็งขึ้น
สายประคำทำให้ความเชื่อเข้มแข็งขึ้น ตลอดประวัติศาสตร์ของพระศาสนจักรคาทอลิก พระสันตะปาปาและนักบุญจํานวนมากสนับสนุนให้สวดสายประคํา เมื่อเราเริ่มเข้าใจและซาบซึ้งในสายประคําและสวดบ่อยขึ้น เราจะเห็นความหมายที่แท้จริงของการรําพึงภาวนา เราเริ่มเห็นคุณค่าว่าคําภาวนานั้นไม่เพียงแต่ถึงพระนางมารีย์...
ทำไมชาวคาทอลิกจึงสวดสายประคำ
ทำไมชาวคาทอลิกจึงสวดสายประคำ (The Rosary)การสวดบทภาวนาเดียวกันซ้ำหลายๆ ครั้ง เป็นวิธีปฏิบัติในบางศาสนา เพราะคิดว่าการสวดภาวนาซ้ำไปซ้ำมาจะได้ผลดีกว่า...

ช่วงเวลาสั้นๆ กับพระเจ้า

วงล้อ พระสัญญาของพระเจ้า
ถ้าครุ่นคิดถึงความวุ่นวายก็จะพบแต่ความสิ้นหวัง จงมอบความวุ่นวายไว้กับพระเจ้า แล้วท่านจะพบชัยชนะ "จงวางใจในพระยาห์เวห์สุดจิตใจ อย่าเชื่อมั่นเพียงความรอบรู้ของตน จงระลึกถึงพระองค์ในทุกทางของลูก และพระองค์จะทรงทำให้ทางเดินของลูกราบรื่น" (สภษ 3:5)
วงล้อ
ทุกๆ คนล้วนแสวงหาความสุข และอยากจะพบความสุข จะมีสักกี่คนที่พบความสุขแท้ วงล้อ ความสุขแท้จากพระคัมภีร์ เป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งที่จะทำให้ท่านค้นพบความสุขแท้ ท่านจะได้รับข้อความดีๆ ที่ให้คำแนะนำ และจะพบกับพระวาจาของพระเจ้าจากพระคัมภีร์เล่มต่างๆ...

บทภาวนา (กิจกรรม)

การภาวนาคืออะไร
การภาวนาคืออะไร เป็นการยกจิตใจและดวงใจขึ้นหาพระเจ้า หรือเป็นการร้องขอสิ่งที่ดีจากพระเจ้า บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ที่แสดงความรักของลูกๆของพระเจ้ากับพระบิดา...

คำถามที่เด็กๆ อยากรู้เกี่ยวกับพระเจ้า

Messiah
พระเมสสิยาห์ คำว่า พระเมสสิยาห์ เป็นภาษาฮีบรูที่ใช้เรียกพระคริสต์ ซึ่งเปลว่า...
Redeemer
พระผู้ไถ่ เป็นพระนามของพระเยซูคริสตเจ้า ที่หมายถึงว่า พระองค์สิ้นพระชนม์เพื่อไถ่เราให้รอดพ้นจากบาป
tomb
อุโมงค์ฝังศพ คือสถานที่ใช้ฝังศพผู้ตาย อุโมงค์ฝังพระศพของพระเยซูเจ้านั้นมีลักษณะเป็นโพรงหิน

ประวัตินักบุญ

25 มีนาคม สมโภชการแจ้งสารเรื่องพระวจนาตถ์ทรงรับสภาพมนุษย์
วันที่ 25 มีนาคม สมโภชการแจ้งสารเรื่องพระวจนาตถ์ทรงรับสภาพมนุษย์ ( The Annunciation of the Lord, solemnity )...
19 มีนาคม  สมโภชนักบุญโยเซฟ ภัสดาของพระนางมารีย์พรหมจารี
วันที่ 19 มีนาคม สมโภชนักบุญโยเซฟ ภัสดาของพระนางมารีย์พรหมจารี (St. Joseph, Spouse of the Blessed Virgin...
17 มีนาคม  ระลึกถึงนักบุญปาตริก พระสังฆราช  (St. Patrick, Bishop, memorial)
วันที่ 17 มีนาคม ระลึกถึงนักบุญปาตริก พระสังฆราช (St. Patrick, Bishop, memorial) นักบุญปาตริกเป็นนักบุญยิ่งใหญ่และเป็นองค์อุปถัมภ์ของประเทศไอร์แลนด์ ท่านเป็นบุตรชายของ Calpurnius...
22 กุมภาพันธ์  ฉลองธรรมาสน์นักบุญเปโตรอัครสาวก
วันที่ 22 กุมภาพันธ์ ฉลองธรรมาสน์นักบุญเปโตรอัครสาวก (Chair of Saint Peter, the Apostle, feast) "เราบอกท่านว่า...

CCBKK Channel

youtube1

Kamson TikTok

tiktok

Facebook CCBKK

วันละหนึ่งนาทีกับนักบุญโยเซฟ

St.Joseph 2021

คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก

ccc thai web

บทอ่านและบทมิสซา

ordomissae

พระคัมภีร์คาทอลิก

WOPTMR80W7YC0H90QTK7LZC1E1L2WM

บทเพลงศักดิ์สิทธิ์

angels-5b

วิชาคริสต์ศาสนา + จริยศึกษา

poster 2023 moral re

------------------------------------------

poster 2023 christianity re

สถิติเยี่ยมชม (22-2-2012)

วันนี้
เมื่อวานนี้
สัปดาห์นี้
เดือนนี้
เดือนที่แล้ว
ทั้งหมด
20305
15753
74161
269431
326718
35706935
Your IP: 35.175.113.125
2024-03-29 15:33

สถานะการเยี่ยมชม

มี 442 ผู้มาเยือน และ ไม่มีสมาชิกออนไลน์ ออนไลน์