ash wed reวันพุธรับเถ้า (Ash Wednesday)
วันพุธรับเถ้า วันเริ่มต้นของเทศกาลมหาพรต
วันพุธก่อนวันอาทิตย์แรกของเทศกาลมหาพรต สัตบุรุษจะรับเถ้าเป็นการเริ่มต้นเทศกาลมหาพรต

Lent เป็นศัพท์ภาษาอังกฤษ มาจากภาษาอังกฤษเก่า (แองโกลแซกซอน) Lencten แปลว่า น้ำพุ หมายถึงระยะเวลา 40 วัน ก่อนฉลองปัสกา เป็นเวลาอุดมสมบูรณ์ของฝ่ายจิตใจ ส่วน "มหาพรต" ภาษาไทยแปลว่า การถือพรตครั้งใหญ่

วันพุธรับเถ้า เป็นวันเริ่มเทศกาลมหาพรต คือ ระยะเวลาสี่สิบวันเพื่อเตรียมสมโภชปัสกา ซึ่งเป็นวันฉลองที่ยิ่งใหญ่ และสำคัญที่สุดในรอบปีของพระศาสนจักร เพราะสมโภชปัสกาเป็นการเฉลิมฉลองการที่พระเยซูเจ้าทรงรับทรมาน สิ้นพระชนม์และทรงกลับคืนพระชนม์ชีพ เพื่อกอบกู้มนุษยชาติให้คืนดีกับพระเจ้า มารับชีวิตร่วมกับพระองค์ เทศกาลนี้มีชื่อเป็นภาษาลาตินว่า “Quadragesima” ซึ่งแปลว่า “ที่สี่สิบ” (ภาษาอังกฤษเรียกเทศกาลนี้ว่า “Lent”) เป็นเทศกาลที่ครอบคลุม 6 สัปดาห์ในพระศาสนจักรตะวันตก (ยุโรป หรือ 7 สัปดาห์ในพระศาสนจักรตะวันออก โดยเริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์แรกของเทศกาลมหาพรต

ในความเข้าใจของคริสตชนจำนวนไม่น้อย เทศกาลมหาพรตเป็นเพียงเทศกาลที่เราต้องทรมานกายใช้โทษบาปโดยการจำศีลอดอาหาร หรือทำพลีกรรมอื่นๆ เท่านั้น อันที่จริงเทศกาลมหาพรตเป็นการเดินทางมุ่งหน้าด้วยความยินดีไปเฉลิมฉลองปัสกา ซึ่งเป็นยอดวันฉลองในรอบปี ในช่วงเวลาการเดินทางนี้เราจึงต้องละทิ้งกิจการชั่วร้ายและนิสัยไม่ดีต่างๆ ที่ทำให้ภาพลักษณ์ของพระคริสตเจ้าในชีวิตของเราต้องจางลงหรือเปื้อนหมองไป การจำศีลอดอาหาร การอธิษฐานภาวนา การให้ทานจึงเป็นโอกาสให้เราคิดถึงความรักต่อพระเจ้า และต่อเพื่อนพี่น้อง ด้วยการช่วยเหลือแบ่งปันให้แก่กัน ไม่ใช่เพื่อลงโทษร่างกายให้มีความทุกข์เท่านั้น

การจำศีลอดอาหารช่วยให้เรารู้จักประมาณในการกินดื่ม เพื่อไม่ปล่อยตัวให้กินดื่มจนเมามาย ซึ่งจะเป็นเหตุให้เราตกในบาปได้โดยง่าย การจำศีลอดอาหารในความหมายแท้จริง จึงต้องพิจารณาควบคู่ไปกับการดำเนินชีวิตคริสตชนให้ครบทุกด้าน ไม่ใช่แยกอยู่อย่างเอกเทศ เทศกาลมหาพรตเป็นเทศกาลแห่งการกลับใจ เราต้องมีความใกล้ชิดกับพระเจ้ายิ่งขึ้นไม่ใช่เพียงด้วยการอธิษฐานภาวนาเท่า นั้น เรายังต้องใกล้ชิดกับพระองค์ผ่านทางเพื่อนพี่น้องซึ่งก็เป็นบุตรของพระเจ้าด้วย โดยการแสดงความรักช่วยจุนเจือความขัดสนของเขา ด้วยการเสียสละเงินทองส่วนหนึ่งที่ได้มาจากการประหยัด เพราะอดอาหารช่วยให้ผู้หิวโหยได้มีอาหารเพียงพอ

ในปัจจุบัน พระศาสนจักรลดหย่อนข้อบังคับเรื่องการจำศีลอดอาหารในเทศกาลมหาพรตลงเหลือเพียงสองวัน คือในวันพุธรับเถ้าเมื่อเริ่มเทศกาล และในวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ระลึกถึงพระทรมาน และการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสตเจ้าบนไม้กางเขน (Apostolic Constitution “Paenitemini” 1966) ถึงกระนั้น พระศาสนจักรยังคงรักษาจิตตารมณ์แท้จริงของเทศกาลมหาพรตไว้ไม่เปลี่ยนแปลง นั่นคือการกลับใจ สละน้ำใจของตนเพื่อปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาเจ้าให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นเหมือนองค์พระเยซูเจ้า เพื่อจะได้พร้อมที่กลับคืนชีพพร้อมกับพระองค์ในคืนวันปัสกา

ข้อกำหนดของพระศาสนจักรว่าด้วยเรื่องการจำศีลในเทศกาลมหาพรต

เพื่อพี่น้องจะได้ดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องตามจิตตารมณ์ของเทศกาลมหาพรต ดังนั้น ขอให้พี่น้องได้ปฏิบัติตามจิตตารมณ์ของพระศาสนจักรดังต่อไปนี้
1.   ตามบัญญัติของพระเป็นเจ้า คริสตชนทุกคนต้องชดเชยใช้โทษบาปของตนตามวิธีการของแต่ละคน     และเพื่อการปฏิบัติร่วมกัน จึงได้กำหนดวันชดเชยใช้โทษบาป ซึ่งคริสตชนจะได้สวดภาวนา ปฏิบัติกิจเมตตาปรานีและความรักเป็นพิเศษ เสียสละตนเอง และทำหน้าที่ของตนอย่างซื่อสัตย์ (ม.1249)
2.   ทุกวันศุกร์ตลอดปี และทุกวันในเทศกาลมหาพรต   เป็นวันพลีกรรมในพระศาสนจักรทั่วไป (ม.1250)
3.   ทุกวันศุกร์ตลอดปี ยกเว้นวันฉลองใหญ่ เป็นวันอดเนื้อหรืออาหารอื่นตามข้อกำหนดของสภาพระสังฆราชฯ วันพุธรับเถ้าและวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นวันอดเนื้อและอดอาหาร (ม.1251)
4.   คริสตชนทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 14 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ต้องอดเนื้อ  คริสตชนทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป จนถึง 59 ปีบริบูรณ์ ต้องอดอาหาร

สำหรับประเทศไทย อาศัยอำนาจตามมาตรา 1253 ของกฎหมายพระศาสนจักร สภาพระสังฆราชฯ จึงกำหนดวิธีการอดเนื้อและอดอาหารดังต่อไปนี้
การอดเนื้อ
ผู้ที่ได้ปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งตามกำหนดนี้ ถือว่าได้ถือตามกฎการ อดเนื้อ คือ
ก.   อดเนื้อ
ข.   ปฏิบัติกิจศรัทธานอกเหนือไปจากที่เคยปฏิบัติ  อาทิ  เดินรูป 14 ภาค เฝ้าศีลมหาสนิท สวดสายประคำ ฯลฯ
ค.   ปฏิบัติกิจเมตตาปรานี เช่น ให้ทานคนจน เยี่ยมคนเจ็บป่วย ฯลฯ
ง.   งดเว้นอาหารหรือสิ่งที่เคยปฏิบัติเป็นประจำ อาทิ งดดื่มสุราและเบียร์ งดสูบบุหรี่
จ.   รู้จักอดออมและละเว้นความฟุ้งเฟ้อต่างๆ

การอดอาหาร หมายถึง การรับประทานอาหารอิ่มเพียงมื้อเดียว