มนุษย์จึงเป็นผู้มีชีวิต
ปฐมกาล 2:4b-9 ,15-17
a281651b71a7c8d01a0059543320bc39เมื่อพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ พระองค์ทรงคิดว่ามนุษย์ไม่สมควรที่จะมีร่างกายเท่านั้น จึงเป่าลมแห่งชีวิตเข้าทางจมูกของมนุษย์ มนุษย์จึงเป็นผู้มีชีวิต เรื่องนี้ทำให้เราเข้าใจว่ามนุษย์มีชีวิตอยู่ได้อย่างแท้จริง ต่อเมื่อรับลมแห่งชีวิตที่พระเจ้าทรงเป่าให้ ซึ่งหมายถึงการทรงนำจากพระเจ้าเท่านั้น พระคัมภีร์ทำให้เราเห็นพระลักษณะของพระจิตเจ้าโดยใช้ภาพลักษณ์ต่างๆ อย่างเช่นลม เป็นต้น

อะไรคือคุณสมบัติของลมบ้าง ลมให้ภาพลักษณ์ต่างๆ ให้ความเย็นแก่เรา ลมพัดเมฆฝนมาตกลงพื้นดิน ลมแผ่วเบาที่อยู่ในชีวิต ที่เรียกว่าลมหายใจนั้นสำคัญมาก เพราะถ้าหยุดเคลื่อนไหวเมื่อไรก็ตายเมื่อนั้น ลักษณะของลมอีกอย่างคือ จะพัดไปทางไหนหรือเมื่อไรไม่มีใครรู้ ไม่มีการแจ้งล่วงหน้า พระจิตเจ้าก็เช่นเดียวกันกับลม พระจิตเจ้าประทานความเยือกเย็นสงบเงียบให้แก่จิตใจที่ร้อนรุ่ม ยุ่งเหยิง ทรงนำความอุดมสมบูรณ์มาสู่จิตใจของเราเหมือนลมที่นำเมฆฝนมาตกบนพื้นดินแห้ง และพระจิตเจ้าจะเสด็จมาหาเราได้ทันที และเราไม่สามารถบอกล่วงหน้าได้ว่าพระจิตเจ้าจะเสด็จมาเมื่อไร
    พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นผู้ที่ดำเนินชีวิตตามการทรงนำของพระองค์ เมื่อมนุษย์ทำให้ตัวเองถูกแยกออกจากพระเจ้า คุณสมบัติของความเป็นมนุษย์แท้ก็ขาดหายไป สรุปได้ว่า เมื่อมนุษย์ปฏิเสธไม่ยอมให้พระเจ้าทรงนำก็หมายความว่ามนุษย์ต้องการจะเป็นพระเจ้า รู้ดีรู้ชั่วตามใจนึกของตัวเอง (ปฐก.3:5) การทำตัวเทียบเท่าพระเจ้าและตัดสินตามใจตัวเองว่าอะไรดี อะไรชั่ว เป็นบาป และผลของบาปคือความตาย (ปฐก.2:17) ร่างกายตายเมื่อขาดลมหายใจฉันใด จิตวิญญาณก็ตายเมื่อขาดพระจิตเจ้าฉันนั้น

ที่มา: หนังสือชีวิตนิรันดร