“เกาหลีจัดคอนเสิร์ตใหญ่ สรรเสริญผลงานการสร้างของพระเจ้า”
Haydn Oratorio, Die SchÖpfung (The Creation)


         หลายคนที่พอทราบประวัติประเทศเกาหลี คงทราบดีว่าเดิมแล้ว เกาหลีนับถือพุทธศาสนา แต่เมื่อชาติตะวันตกเริ่มเข้ามาก็นำคริสตศาสนา เข้ามาเผยแผ่ในคาบสมุทรเกาหลี ทำให้ชาวเกาหลีเป็นจำนวนมากกลับใจเชื่อพระเจ้า วันก่อนผมมีโอกาสได้ไปวัดยองดง ทางวัดก็ได้จัดป้ายนิทรรศการ ประวัติความเป็นมาของวัด ผมเห็นแล้วก็อึ้งไปเลย เพราะเห็นเกาหลีเป็นประเทศที่ค่อนข้างปิดประเทศอย่างนี้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในเอเชียตะวันออก และมีความเป็นชาตินิยมสูง แต่ในเรื่องของศาสนา เกาหลีรับเอาคริสตศานาเข้ามาในประเทศ เป็นร้อยๆปีแล้ว

         ความจริงผมเองก็ไม่ทราบข้อมูลที่แน่ชัดเรื่องความเชื่อคริสตศาสนา เข้ามาดำรงอยู่ในเกาหลีตั้งแต่เมื่อไร แต่เมื่อดูจากประวัติวัดมยองดงแล้ว ตั้งแต่การวางแผนที่จะสร้างวัดตั้งแต่ปี  1784 จนสร้างแล้วเสร็จในปี 1883 โดยคณะมิชชั่นนารีจากฝรั่งเศส รวมๆแล้วก็ สองร้อยกว่าปี หรืออยู่ในยุคต้นรัตนโกสินทร์นั่นเอง และหากคิดต่อไปว่า แล้วก่อนหน้าที่วัดมยองดง ซึ่งเป็นวัดที่ใหญ่และอลังการที่สุดในเกาหลีจะถูกสร้างขึ้น วัดเล็กๆที่ชาวบ้านร่วมกันสร้างขึ้นมาด้วยความศรัทธาก่อนหน้านั่นอีกละ
         ดูๆไปแล้ว ไทยเรารับเอาความเชื่อมาก่อนเกาหลี มีโบสถ์ที่เก่ากว่ามยองดง อย่างมาก เช่น อาสนวิหารจันทบุรี นั่นก็สร้างตั้งแต่สมัยพระเจ้าท้ายพระ กรุงศรีอยุธยาตอนปลายโน้นนะครับ....
         แต่อย่างไรก็ดี ทุกวันนี้ เกาหลีมีคนเชื่อพระเยซูเจ้ามากกว่าไทยเราหลายเท่านัก มากซะจนเมื่อวันพุธที่ 11 ก.ค. 2012 ที่ผ่านมา มีการจัดคอนเสิร์ต Haydn Oratorio, Die SchÖpfung (The Creation) หรือแปลว่า “การสร้าง” นั่นเองครับ เนื้อหาของเพลงและบทร้องโอเปร่าที่แปลจากภาษาเยอรมัน เป็นภาษาเกาหลี พูดถึงการสร้างโลกของพระเจ้าทั้งหกวัน และเมื่อถึงวันที่เจ็ด ก็เป็นวันที่ทุกๆอย่างถูกสร้างขึ้นอย่างสมบูรณ์ อารมณ์ของเพลงจึงเต็มเปี่ยมไปด้วยความสดใจ ชื่นบาน และความชื่นชมยินดี
        ค่าบัตรนั่นค่อนข้างแพงทีเดียว อาจเป็นเพราะใช้วงออเคสตร้าที่มีชื่อเสียง W Harmonic Orchestra โดยผู้คุมวงที่มีชื่อเสียงที่สุดในเกาหลี คุณ คิม นัม ยูน โดยบทเพลงที่นำมาบรรเลง ประพันธ์โดยกวีเอกของโลก Joseph Haydn
งานนี้ต้องขอบคุณพระอย่างมากครับ เพราะลำพังหากเป็นเงินผมเอง คงจะไม่ได้ดูแน่ๆ เพราะแพงเกินไป หุหุ ราคาบัตร ถ้าเป็นค่าเงินไทยก็เริ่มตั้งแต่ พันสองร้อยบาท ไปถึง ห้าพันบาทครับ จึงต้องขอขอบคุณอาจารย์คิม ยอง แอ ที่ได้ให้บัตรกับกลุ่มคนไทยในมหาวิทยลัยผม และต้องขอขอบคุณ อาจารย์ดุจฉัตร ที่เสียสละบัตรให้ผม อิอิ  
        การที่ผมได้ไปงานนี้และอยากจะนำประสบการณ์มาเล่าให้ฟัง ก็คือแม้ว่าค่าบัตรจะแพง แต่ที่นั่งก็เกือบเต็ม แต่คนที่มาดูก็ยังสู้ อุตส่าห์จ่ายค่าบัตรมาดูกัน ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากต้องการหาความเพลิดเพลิน แต่อีกส่วนหนึ่งที่ผมเชื่อก็คือ มาด้วยความศรัทธา ความชื่นชม และกระหายที่จะเรียนรู้เรื่องราวของพระเจ้าครับ เพราะในงานนี้ ไม่ได้จำกัดเฉพาะคนที่เป็นคาทอลิก คริสเตียนเท่านั้น แต่นักบวชในพุทธศาสนาก็มาฟังด้วยครับ เลยกลายเป็นศาสนสัมพันธ์ไปในตัวเลย ซึ่งผมเองในฐานะต่างชาติที่เข้ามาอาศัยประเทศเกาหลีเรียน ก็มีความภูมิใจที่เห็น “คนใส่ใจพระเจ้า” พยายามที่จะนำพระเจ้ากลับเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวืตที่วุ่นวายของพวกเขา หากบ้านเรามีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นบ้าง ผมคิดว่าก็คงจะดีไม่น้อยเลยละครับ