แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

ข้อความที่ “คลุมเครือ” ของพระคัมภีร์


42.    เมื่อพิจารณาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพันธสัญญาเดิมกับพันธสัญญาใหม่ สมัชชายังได้พิจารณาปัญหาเกี่ยวกับข้อความในพระคัมภีร์ที่ดูจะเข้าใจได้ยาก ไม่ชัดเจน เพราะเล่าถึงเรื่องความรุนแรงหรือผิดศีลธรรม เกี่ยวกับเรื่องนี้ ก่อนอื่นเราต้องจำไว้ว่าการเปิดเผยในพระคัมภีร์ตั้งอยู่บนประวัติศาสตร์  แผนการของพระเจ้าค่อยๆได้รับการเปิดเผยเป็นขั้นตอน และสำเร็จไปช้าๆ เป็นขั้นตอนสืบต่อกันมาหลายช่วงเวลา แม้จะได้รับการต่อต้านจากมนุษย์ด้วย พระเจ้าทรงเลือกสรรประชากรชาติหนึ่งและเอาพระทัยใส่ค่อยๆอบรมเขาด้วยความพากเพียร การเปิดเผยสอดคล้องกับระดับความเจริญและศีลธรรมของสมัยโบราณ จึงเล่าเหตุการณ์และขนบธรรมเนียมของสมัยนั้น เช่นการคิดคดหลอกลวง การใช้ความรุนแรง การฆ่าฟันผู้คน โดยไม่ได้ประณามการผิดศีลธรรมเช่นนี้อย่างชัดเจน สภาพการณ์เช่นนี้อธิบายได้ในบริบททางประวัติศาสตร์ซึ่งอาจทำให้ผู้อ่านในปัจจุบันต้องประหลาดใจ โดยเฉพาะถ้าเราลืมคิดถึงวิธีการ “มืดมน” หลายอย่างที่มนุษย์ในสมัยโบราณเคยปฏิบัติ และยังคงปฏิบัติกันในปัจจุบันนี้ด้วย ในพันธสัญญาเดิม คำเทศน์สอนของบรรดาประกาศกได้ประณามความอยุติธรรมและความรุนแรงทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นการกระทำส่วนรวมหรือส่วนตัว ซึ่งก็เป็นวิธีการที่พระเจ้าทรงใช้เพื่อฝึกประชากรไว้สำหรับพระวรสาร ดังนั้นจึงไม่ถูกต้องที่จะละเว้นไม่สนใจเรื่องราวในพระคัมภีร์ที่เป็นปัญหาสำหรับเรา ตรงกันข้าม เราต้องสำนึกว่าการอ่านและเข้าใจข้อความเช่นนี้เรียกร้องให้เรามีความรู้ความเชี่ยวชาญในระดับหนึ่ง โดยฝึกฝนให้มีความรู้ เพื่ออธิบายข้อความเหล่านั้นในบริบททางประวัติศาสตร์และวรรณกรรมตามมุมมองของคริสตชน “ซึ่งมีพระวรสารและบัญญัติใหม่ของพระเยซูคริสตเจ้าที่สำเร็จไปในพระธรรมล้ำลึกปัสกาเป็นกุญแจสำคัญ”  เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงใคร่เตือนบรรดานักวิชาการและผู้อภิบาล ให้ช่วยผู้มีความเชื่อทุกคนได้เข้าถึงข้อความที่เข้าใจยากเช่นนี้ด้วย โดยการอ่านซึ่งจะทำให้ความหมายของข้อความเหล่านี้ปรากฏชัดเมื่อคำนึงถึงธรรมล้ำลึกของพระคริสเจ้า