พิธีกรรมเป็นกรอบเฉพาะของพระวาจา

พระวาจาของพระเจ้าในพิธีกรรม


52.    เมื่อเราพิจารณาถึงพระศาสนจักรในฐานะ “กรอบของพระวาจา”  ก่อนอื่นเราต้องคิดถึงพิธีกรรม เพราะนี่คือกรอบเฉพาะที่พระเจ้าทรงใช้ตรัสกับเราในเวลาของชีวิตปัจจุบัน วันนี้ พระองค์ตรัสกับประชากรที่ฟังและตอบรับ โดยธรรมชาติแล้ว พิธีกรรมมีพระคัมภีร์อยู่ทั่วไปในทุกส่วน ดังที่ธรรมนูญ Sacrosanctum Concilium กล่าวไว้ว่า “พระคัมภีร์มีความสำคัญอย่างมากในการประกอบพิธีกรรม เพราะในพิธีกรรมมีการอ่านบทอ่านจากพระคัมภีร์และเทศน์อธิบายบทอ่านนั้น มีการขับร้องเพลงสดุดี  คำวอนขอ บทภาวนาและบทเพลงในพิธีกรรมก็ได้รับเนื้อหาและแรงบันดาลใจจากพระคัมภีร์ กิจการและสัญลักษณ์ในพิธีกรรมก็ได้รับความหมายจากพระคัมภีร์ด้วย”  ยิ่งกว่านั้น เรายังต้องกล่าวว่าพระคริสตเจ้าเอง “ทรงอยู่ในพระวาจา พระองค์เองตรัสขณะที่มีการอ่านพระคัมภีร์ในโบสถ์”  อันที่จริง “การประกอบพิธีกรรมคือการเสนอพระวาจาของพระเจ้าอย่างต่อเนื่อง สมบูรณ์และบังเกิดผล ดังนั้นพระวาจาของพระเจ้าที่ได้รับการประกาศในพิธีกรรมอยู่ตลอดเวลานี้ เป็นพระวาจาทรงชีวิตและมีประสิทธิผลอยู่เสมอโดยพระอานุภาพของพระจิตเจ้า ย่อมแสดงออกถึงความรักของพระบิดาที่มีผลต่อมนุษย์โดยไม่หยุดยั้ง”  พระศาสนจักรย่อมสำนึกอยู่เสมอว่าในพิธีกรรมนั้น พระวาจาของพระเจ้าควบคู่อยู่กับกิจการภายในของพระจิตเจ้าที่ทรงทำให้พระวาจานั้นบังเกิดผลในใจของผู้มีความเชื่อ อาศัยการดลใจของพระจิตเจ้า “พระวาจาของพระเจ้าเป็นรากฐานของพิธีกรรม และยังเป็นกฎเกณฑ์และความช่วยเหลือสำหรับชีวิตทั้งหมดของเราด้วย การทำงานของพระจิตเจ้า...จึงดลใจของแต่ละคนให้เข้าใจทุกอย่าง ที่ได้รับการประกาศในการประกาศพระวาจาของพระเจ้าสำหรับผู้มีความเชื่อของทุกคนในชุมชน และเมื่อพระจิตเจ้าทรงส่งเสริมเอกภาพของทุกคนเช่นนี้ พระองค์ยังทรงหล่อเลี้ยงพระพรพิเศษต่างๆและสนับสนุนกิจกรรมหลากหลายรูปแบบด้วย”
    เพราะฉะนั้น เพื่อจะเข้าใจพระวาจาของพระเจ้า เราจึงต้องเข้าใจคุณค่าของพิธีกรรมและดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกันด้วย การเข้าใจพระคัมภีร์ด้วยความเชื่อจะต้องพาดพิงไปถึงพิธีกรรมด้วย เพราะในพิธีกรรมพระวาจาของพระเจ้าได้รับการเฉลิมฉลองให้เป็นปัจจุบันและมีชีวิตชีวา “ในพิธีกรรม พระศาสนจักรติดตามวิธีอ่านและอธิบายความหมายของพระคัมภีร์อย่างซื่อสัตย์ เช่นเดียวกับที่พระคริสตเจ้าทรงเคยใช้ ตั้งแต่ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ‘วันนี้’ กับพระองค์ในศาลาธรรม จนถึงวันที่ทรงเตือนทุกคนให้แสวงหาความหมายของพระคัมภีร์ (ในเรื่องศิษย์ที่เอมมาอุส)”
    เรายังเห็นวิธีสอนอย่างชาญฉลาดของพระศาสนจักร ซึ่งประกาศและฟังพระคัมภีร์ตามลำดับขั้นตอนของปีพิธีกรรม การขยายเวลาอ่านพระคัมภีร์เช่นนี้เกิดขึ้นโดยเฉพาะในการประกอบพิธีบูชาขอบพระคุณและในการสวดทำวัตร พระธรรมล้ำลึกปัสกาส่องแสงรุ่งโรจน์อยู่ที่ศูนย์กลางของทุกสิ่ง เพราะพระธรรมล้ำลึกนี้รวมพระธรรมล้ำลึกทั้งหมดของพระคริสตเจ้าและประวัติศาสตร์ความรอดพ้นซึ่งเป็นปัจจุบันอีกในศีลศักดิ์สิทธิ์ “เมื่อพระศาสนจักรระลึกถึงพระธรรมล้ำลึกแห่งการไถ่กู้เช่นนี้ ก็เปิดขุมทรัพย์คุณธรรมและบุญกุศลขององค์พระผู้เป็นเจ้าของตน ทำให้ขุมทรัพย์เหล่านี้เป็นปัจจุบันสำหรับทุกคนและทุกสมัย สำหรับผู้มีความเชื่อที่จะเข้ามาหาขุมทรัพย์นี้และรับความรอดพ้นเป็นของประทานที่ให้เปล่าได้อย่างเต็มเปี่ยม”  ข้าพเจ้าจึงขอเตือนบรรดาผู้อภิบาลและผู้ปฏิบัติงานอภิบาล ได้พยายามอบรมให้ผู้มีความเชื่อทุกคนรู้จักลิ้มรสความหมายลึกซึ้งของพระวาจาของพระเจ้าซึ่งในแต่ละปีได้รับการอธิบายเป็นประจำ เพื่อเปิดเผยพระธรรมล้ำลึกรากฐานแห่งความเชื่อของเรา การนี้จึงเป็นรากฐานของการเข้าถึงพระคัมภีร์อย่างถูกต้องด้วย