พระคัมภีร์และกระแสเรียก


77.    ขณะที่เน้นความสำคัญที่ความเชื่อเรียกร้องจากภายใน ให้มีความสัมพันธ์กับพระคริสตเจ้าผู้ทรงเป็นพระวจนาตถ์ที่ประทับอยู่กับเรานี้ สมัชชายังปรารถนาชี้ให้เห็นอีกว่าพระวจนาตถ์องค์นี้ทรงเรียกเราแต่ละคนเป็นการส่วนตัวด้วย และยังเปิดเผยอีกว่าชีวิตเองก็คือกระแสเรียกให้อยู่ในความสัมพันธ์กับพระเจ้า ซึ่งหมายความว่า ยิ่งเรามีความสัมพันธ์เป็นการส่วนตัวกับพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าลึกซึ้งมากขึ้นเท่าใด เราก็ยิ่งเข้าใจมากขึ้นด้วยว่าพระองค์ทรงเรียกเราให้มุ่งหาความศักดิ์สิทธิ์โดยเลือกวิถีชีวิตเจาะจงเพื่อตอบสนองความรักของพระองค์ โดยรับภาระหน้าที่และศาสนบริการเพื่อเสริมสร้างพระศาสนจักร จากมุมมองนี้เราจึงเข้าใจว่าทำไมสมัชชาจึงเรียกร้องคริสตชนทุกคนให้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับพระวาจาของพระเจ้า ในฐานะที่ได้รับศีลล้างบาป และในฐานะที่ได้รับเรียกให้ดำเนินชีวิตตามสภาพชีวิตเฉพาะของตนอีกด้วย ที่นี่เราสัมผัสคำสอนสำคัญเรื่องหนึ่งของสภาสังคายนาวาติกันที่ 2 ที่เน้นว่าผู้มีความเชื่อแต่ละคนได้รับเรียกให้มีความศักดิ์สิทธิ์ตามสถานะชีวิตของตน  และในพระคัมภีร์เราพบว่าพระเจ้าทรงเปิดเผยกระแสเรียกของเราทุกคนให้เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ “ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ เพราะเราเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์” (ลนต 11:44; 19:2; 20:7) นักบุญเปาโลยังให้เหตุผลทางเทววิทยาเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยว่า พระบิดา “ทรงเลือกสรรเราในพระคริสตเจ้าแล้วตั้งแต่ก่อนการเนรมิตสร้างโลก เพื่อให้เราศักดิ์สิทธิ์และปราศจากมลทินเฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ด้วยความรัก” (อฟ 1:4) เราจึงอาจได้ยินคำทักทายที่ท่านกล่าวแก่พี่น้องคริสตชนชาวโรมเป็นคำทักทายกับเราแต่ละคนได้ด้วยว่า “ถึงทุกท่าน....ผู้ที่พระเจ้าทรงรัก และทรงเรียกให้เป็นประชากรศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ขอพระหรรษทานและสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดาของเรา และจากพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา สถิตอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด” (รม 1:7)