ผู้รับศีลล้างบาปแล้วทุกคนมีหน้าที่ประกาศพระวาจา


94.    เนื่องจากว่าประชากรของพระเจ้าทุกคนเป็นประชากรที่ “ถูกส่งไป” สมัชชาจึงย้ำว่า “อาศัยศีลล้างบาปที่ได้รับ ศิษย์ทุกคนของพระเยซูคริสตเจ้าได้รับมอบหมายให้ประกาศพระวาจาของพระเจ้า”  ต้องไม่มีผู้ที่เชื่อในพระคริสตเจ้าคนใดคิดว่าตนได้รับการยกเว้นจากความรับผิดชอบประการนี้ ซึ่งเกิดขึ้นจากการมีส่วนในพระกายของพระคริสตเจ้าอาศัยศีลล้างบาป ความสำนึกประการนี้ต้องได้รับการปลุกขึ้นในทุกครอบครัว ชุมชนวัด คณะนักบวช สมาคมและขบวนการของพระศาสนจักร. พระศาสนจักรทั้งหมด ในฐานะธรรมล้ำลึกการมีส่วนร่วมกัน จึงมีลักษณะเป็นธรรมทูต และสมาชิกแต่ละคนก็ได้รับเรียกตามสถานะชีวิตของตนให้ลงมือประกาศเรื่องพระคริสตเจ้าอย่างมีประสิทธิภาพ
    พระสังฆราชและพระสงฆ์ ตามพันธกิจของแต่ละคน เป็นกลุ่มแรกที่ได้รับเรียกให้ดำเนินชีวิตเพื่อรับใช้พระวาจา เพื่อประกาศพระวรสาร ประกอบพิธีศีลศักดิ์สิทธิ์ และอบรมสั่งสอนสัตบุรุษให้มีความรู้แท้จริงเกี่ยวกับพระคัมภีร์ สังฆานุกรก็ต้องรู้สึกว่าตนก็ได้รับเรียกตามพันธกิจของตนให้ร่วมมือในหน้าที่ประกาศข่าวดีนี้ด้วย
    ตลอดมาในประวัติศาสตร์ของพระศาสนจักร บรรดาผู้ถวายตนแด่พระเจ้าก็แสดงให้เห็นว่าได้ปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้ประกาศพระวาจาและเทศน์สอนพระวาจานี้อย่างดี ในพันธกิจที่ยากลำบากแก่นานาชาติ เขาเหล่านี้พร้อมจะปรับตนรับสภาพใหม่ๆของการประกาศข่าวดีอย่างจริงจังและกล้าหาญตามแนวทางและความท้าทายใหม่ๆ เพื่อประกาศพระวาจาของพระเจ้าอย่างมีประสิทธิภาพ
    บรรดาฆราวาสก็ได้รับเรียกให้ปฏิบัติบทบาทประกาศก ที่ตนได้รับโดยตรงมาจากศีลล้างบาป ให้เป็นพยานถึงพระวรสารในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ใด ในเรื่องนี้ บรรดาพระสังฆราชแห่งสมัชชา “จึงยกย่อง แสดงความรู้คุณ และให้กำลังใจบรรดาฆราวาสจำนวนมาก โดยเฉพาะบรรดาสตรี ที่รับใช้งานประกาศข่าวดีด้วยใจกว้างและการอุทิศตนในกลุ่มต่างๆที่กระจายอยู่ทั่วโลก ตามแบบอย่างของมารีย์ชาวมักดาลาซึ่งเป็นพยานคนแรกถึงข่าวน่ายินดีเรื่องการกลับคืนพระชนมชีพ”  สมัชชายังรู้สึกขอบใจที่ขบวนการของพระศาสนจักรและกลุ่มชนใหม่ต่างๆในพระศาสนจักรที่เป็นพลังสำคัญในการประกาศข่าวดี และปลุกให้เกิดมีรูปแบบใหม่ๆของการประกาศพระวรสาร