แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

ผู้รับใช้ที่ไม่ให้อภัย

พระคัมภีร์    มัทธิว 18:21-35

คำแนะนำสำหรับผู้นำ
ผู้แสดง   
1.    พระเยซูเจ้า
2.    เปโตร
3.    กษัตริย์
4.    ผู้รับใช้ 1-2-3-4   

อุปกรณ์ในการแสดง
1.    ม้วนกระดาษ

ใจความสำคัญ
การให้อภัย    ศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งการคืนดี    คุณธรรม
คำอธิบาย
    ศิษย์ของพระเยซูเจ้าควรเป็นผู้มีความเด่นดังในเรื่องการพร้อมเสมอที่จะให้อภัยผู้อื่น บทภาวนาขององค์พระผู้เป็นเจ้า เตือนเรา เมื่อเราภาวนาว่า “โปรดประทานอภัยแก่ข้าพเจ้า เหมือนข้าพเจ้าให้อภัยแก่ผู้อื่น” จากอุปมาเรื่องผู้รับใช้ที่ไม่ให้อภัย ทำให้เราตระหนักได้ว่าความเมตตาต่อผู้อื่นเป็นสิ่งที่สมควร เพราะพระเจ้าทรงให้อภัยเรา ซึ่งเราไม่สามารถทดแทนได้
    ในสมัยนั้น เป็นนิสัยประจำของผู้รับใช้ที่สูงกว่าจะขอยืมเงินจากนายจ้างที่ร่ำรวยของพวกเขา เพื่อไปลงทุนส่วนตัวของเขาเอง ผู้รับใช้ในอุปมาเรื่องนี้เป็นหนี้กษัตริย์อยู่เป็นเงินจำนวนมหาศาล ซึ่งเขาไม่มีทางจ่ายคืนได้ กษัตริย์ผู้มีใจกรุณาจึงไม่คาดหวังว่าจะได้หนี้คืนจากผู้รับใช้ของพระองค์ ทรงยกหนี้ให้เขา แต่เมื่อผู้รับใช้คนนี้ได้พบกับผู้ที่เป็นหนี้ตนอยู่เป็นจำนวนเงินไม่มากนัก เขากล้าที่จะปฏิบัติต่อผู้นั้นอย่างโหดร้าย เพราะไม่อาจชำระหนี้คืนให้เขาได้ การกระทำที่โหดเหี้ยมของผู้รับใช้เป็นที่แจ้งชัด อุปมาทำให้เรามีความชัดเจนว่าทำไมเราจึงควรให้อภัยเจ็ดคูณเจ็ดสิบครั้ง ซึ่งหมายความว่าไม่จำกัดจำนวน

ลักษณะเด่นเพื่ออภิปราย
    การกระทำผิดอย่างหนักของเราต่อพระเจ้า
    วิธีที่จะแสดงออกถึงความรู้คุณในการที่พระเจ้าทรงให้อภัยเรา
    เมื่อใดเราจึงควรให้อภัยผู้อื่น
    การให้อภัยแสดงถึงอะไร
(พระเยซูเจ้าออกมาจากด้านหนึ่ง กษัตริย์นั่งอยู่ตรงกลาง พร้อมกับม้วนกระดาษ)
(เปโตรเข้ามาและเดินไปหาพระเยซูเจ้า)
เปโตร    พระเจ้าข้า ถ้าพี่น้องทำผิดต่อข้าพเจ้า ข้าพเจ้าต้องยกโทษให้เขาสักกี่ครั้ง ถึงเจ็ดครั้งหรือไม่
พระเยซูเจ้า    เราไม่ได้บอกท่านว่าต้องยกโทษให้เจ็ดครั้ง แต่ต้องยกโทษให้เจ็ดคูณเจ็ดสิบครั้ง
    ครั้งหนึ่ง มีกษัตริย์พระองค์หนึ่ง ทรงประสงค์จะตรวจบัญชีหนี้สินของผู้รับใช้
(กษัตริย์มองที่ม้วนกระดาษ ผู้รับใช้ 2-3 นำผู้รับใช้ 1 เข้ามา)
ผู้รับใช้ 2    ฝ่าพระบาท นี้คือผู้ที่เป็นหนี้พระองค์อยู่พันล้านบาท
ผู้รับใช้ 1    ได้โปรดเถิดฝ่าพระบาท ข้าพระบาทไม่มีเงินพอจะใช้หนี้คืนพระองค์
กษัตริย์    (พูดกับผู้รับใช้ 2-3)
    เอาเขาออกไป จงขายเขาไปเป็นทาส พร้อมกับบุตรภรรยาและทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อใช้หนี้
ผู้รับใช้ 1    (ขัดขืนและคุกเข่าลง)
    ขอทรงพระกรุณาผลัดหนี้ไว้ก่อนเถิด แล้วข้าพเจ้าจะชำระหนี้ให้ทั้งหมด
กษัตริย์    เอ้า ! ตกลง เราจะยกหนี้ให้เจ้า ไปเป็นอิสระเถิด
ผู้รับใช้ 1    ข้าพระบาทไม่ทราบว่าจะขอบคุณในพระกรุณาธิคุณของพระองค์ได้อย่างไร
    (ผู้รับใช้ 2-3 เดินออกไปทางหนึ่ง กษัตริย์อ่านม้วนหนังสือ ผู้รับใช้ 4 เข้ามา ผู้รับใช้ 1 กระชายผู้รับใช้ 4 และคว้าคอบีบไว้)
ผู้รับใช้ 1    เจ้าเป็นหนี้ข้าอยู่นิดหน่อย จำได้ไหม จงจ่ายคืนข้ามาให้หมด
ผู้รับใช้ 4    (คุกเข่าลง)
    กรุณาผลัดหนี้ไว้ก่อนเถิด แล้วข้าพเจ้าจะชำระหนี้ให้
ผู้รับใช้ 1    ไม่มีทาง เจ้าจะต้องถูกขังไว้จนกว่าจะชำระหนี้คืนให้ข้าหมด
    (ผู้รับใช้ 1 นำผู้รับใช้ 4 ออกไป)
ผู้รับใช้ 2    (พูดกับผู้รับใช้ 3)
    เขาทำอย่างนี้ได้อย่างไร กษัตริย์เพิ่งจะยกหนี้ให้เขาทั้งหมดมิใช่หรือ (ผู้รับใช้ 2-3 ไปหากษัตริย์)
ผู้รับใช้ 3    ฝ่าพระบาท ผู้รับใช้ที่พระองค์ทรงยกหนี้ให้ เขาเป็นคนไร้ค่า
ผู้รับใช้ 2    เขานำผู้รับใช้คนหนึ่งของพระองค์ไปขังไว้ เพราะเป็นหนี้เขาอยู่เพียงไม่กี่พันบาท
กษัตริย์    เรียกเขาเข้ามา
(ผู้รับใช้ 2-3 ออกไป และเข้ามาพร้อมกับผู้รับใช้ 1)
กษัตริย์    (พูดกับผู้รับใช้ 1 ด้วยความโกรธ)
เจ้าคนใช้สารเลว ข้ายกหนี้สินของเจ้าทั้งหมดเพราะเจ้าขอร้อง เจ้าต้องเมตตาเพื่อนผู้รับใช้ด้วยกัน เหมือนกับที่ข้าได้เมตตาเจ้ามิใช่หรือ
(พูดกับผู้รับใช้ 2-3)
เอาเขาออกไปให้พ้นหูพ้นตาเรา นำเขาไปทรมานในคุกจนกว่าจะชำระหนี้จนหมดสิ้น
    (ผู้รับใช้ 2-3 นำผู้รับใช้ 1 ออกไป)
พระเยซูเจ้า    นี่คือสิ่งที่พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์จะทรงกระทำต่อท่าน ถ้าท่านแต่ละคนไม่ยอมยกโทษให้พี่น้องจากใจจริง