แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

พระเยซูคริสตเจ้า : พระเป็นเจ้าและมนุษย์ผู้ทรงบันดาลความรอด
11. พระคัมภีร์ยืนยันว่า พระเยซูเจ้าทรงดำเนินชีวิตเยี่ยงมนุษย์อย่างแท้จริง พระเยซูเจ้าซึ่งเราประกาศว่า ทรงเป็นพระผู้ไถ่แต่พระองค์เดียว ได้ประทับอยู่ในโลกในฐานะที่ทรงเป็นพระเป็นเจ้าและมนุษย์ ทรงประกอบด้วยธรรมชาติของมนุษย์อย่างครบบริบูรณ์ พระองค์ทรงเหมือนกับเราในทุกสิ่งเว้นแต่บาป ทรงบังเกิดจากพระมารดาพรหมจารี ในสภาพที่ต่ำต้อย ณ เมืองเบธเลเฮ็ม พระองค์ทรงมีความอ่อนแอดังเช่นทารกทั้งหลาย จนถึงกับทรงเป็นผู้อพยพ หลบหนีจากโทสะของผู้ปกครองผู้ไร้มนุษยธรรม (ดู มธ.2:13-15) พระองค์ทรงอยู่ภายใต้การปกครองดูแลของบิดามารดาซึ่งเป็นมนุษย์ และมิได้เข้าใจถึงหนทางของพระองค์เสมอไป แต่พระองค์ก็ทรงไว้วางใจท่านทั้งสอง และทรงนบนอบเชื่อฟังท่านทั้งสองด้วยความเคารพรัก (ดู ลก.2:41-52) พระองค์ทรงอธิษฐานภาวนาอยู่เสมอ พระองค์ทรงใกล้ชิดกับพระเป็นเจ้า ผู้ซึ่งพระองค์ทรงเรียกว่า “อับบา” “พระบิดา” ซึ่งทำให้ผู้ได้ยินรู้สึกประหลาดใจ (ดู ยน.8:34-59)
    พระองค์ทรงใกล้ชิดกับผู้ยากจน ผู้ที่ถูกหลงลืมและผู้ต่ำต้อย โดยทรงประกาศว่าบุคคลเหล่านี้เป็นผู้มีบุญ เหตุว่าพระเป็นเจ้าสถิตอยู่กับพวกเขา ทรงรับประทานอาหารกับคนบาป โดยให้ความมั่นใจกับพวกเขาว่า ที่โต๊ะเสวยของพระบิดาเจ้านั้น มีที่สำหรับพวกเขา หากเขาหันหลังให้กับบาปและกลับไปหาพระองค์ ทรงสัมผัสกับความสกปรกโสมม และปล่อยให้พวกเขาได้สัมผัสพระองค์ พระองค์ทรงปรารถนาให้เขาสำนึกว่าพระเป็นเจ้าประทับอยู่ใกล้ชิดกับพวกเขา พระองค์กรรแสงให้กับมิตรที่ตายไป ทรงโปรดให้ลูกที่เสียชีวิตกลับคืนชีพ แล้วทรงมอบให้กับมารดาของเขาที่เป็นหญิงม่าย พระองค์ทรงต้อนรับเด็กๆ และทรงล้างเท้าสาวกของพระองค์ เราจึงเห็นได้ว่า ไม่มีเวลาใดเลยที่เราสามารถสัมผัสกับพระ-เมตตาของพระเป็นเจ้าได้ดีเท่ากับปัจจุบัน
    คนป่วย คนง่อย คนตาบอด คนหูหนวก คนใบ้ ล้วนได้พบกับการบำบัดรักษา และการให้อภัยอาศัยการสัมผัสของพระองค์ พระองค์ทรงเลือกผู้ร่วมงานที่ไม่ธรรมดา อันประกอบด้วยชาวประมงผสมกับคนเก็บภาษี นักกฎหมายกับผู้ที่ไม่รู้จักกฎหมาย รวมทั้งสตรี ครอบครัวใหม่นี้กำลังก่อร่างสร้างตัวขึ้น ภายใต้ความรักอันน่าอัศจรรย์ใจของพระบิดาเจ้า ซึ่งครอบคลุมไปยังมนุษย์ทุกคน พระเยซูเจ้าทรงเทศนาแบบง่ายๆ ทรงยกตัวอย่างจากชีวิตประจำวัน เพื่อทรงนำมาอธิบายถึงความรักของพระเป็นเจ้า และพระอาณาจักรของพระองค์ และประชาชนต่างก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่า พระองค์ทรงสอนอย่างผู้มีอำนาจ
    แต่พระองค์ก็ทรงถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กล่าวผรุสวาท เป็นผู้ละเมิดกฎบัญญัติอันศักดิ์สิทธิ์ หลังจากที่พระองค์ทรงถูกตัดสินโดยพยานเท็จ (ดู มก.14:56) แล้ว พระองค์ก็ทรงรับการลงโทษให้สิ้นพระชนม์แบบนักโทษบนไม้กางเขน พระองค์ทรงถูกทอดทิ้งและทรงถูกสบประมาท ดูเหมือนว่าพระองค์คือผู้พ่ายแพ้ แต่สามวันต่อมา แม้จะมียามคอยเฝ้า พระคูหา กลับว่างเปล่า แล้วทรงปรากฏพระองค์แก่บรรดาสานุศิษย์ ก่อนที่จะเสด็จกลับคืนสู่พระบิดา ผู้ซึ่งพระองค์ได้เสด็จจากมา
    เราเชื่อในชีวิตที่เรียบง่ายนี้ พร้อมกับบรรดาคริสตชนทั้งหลาย ชีวิตนี้เรียบและง่ายก็จริง แต่ก็เปี่ยมด้วยความแปลกประหลาด และซ่อนอยู่ภายใต้ความอัศจรรย์ เป็นการนำพระอาณาจักรของพระเป็นเจ้า เข้ามาในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ และ “นำเอาพลานุภาพมายังทุกแง่มุมของชีวิตมนุษย์และสังคม ที่ถูกบาปและความตายครอบงำ” อาศัยพระวาจาและพระราชกิจของพระองค์ โดยเฉพาะพระทรมาน การสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนชีพของพระองค์ พระเยซูเจ้าทรงบันดาลให้พระประสงค์ของพระบิดาในอันที่จะทรงบันดาลให้พระประสงค์ของพระบิดา ในอันที่ทรงบันดาลให้คืนดีกับพระองค์ได้สำเร็จไป หลังจากที่บาปกำเนิดได้ตัดความสัมพันธ์ระห่างผู้สร้างกับมนุษย์ที่พระองค์รงสร้างให้ขาดสะบั้นไป ขณะที่ทรงถูกตรึงกางเขนอยู่นั้น พระองค์ทรงแบกบาปของโลกไว้ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต นักบุญเปาโลเตือนเราว่า เราได้ตายไปเนื่องจากบาปของเรา แต่การสิ้นพระชนม์ของพระองค์ได้บันดาลให้เรากลับมีชีวิตขึ้นมาใหม่ “พระเป็นเจ้าทรงบันดาลให้เรามีชีวิตพร้อมกับพระองค์ หลังจากที่ได้ทรงยกเลิกพันธะที่เป็นโทษต่อเรา รวมทั้งผลทางกฎบัญญัติ” (คส.2:13-14) ด้วยวิธีนี้ ความรอดจึงมีความมั่นคงถาวรตลอดไป พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระผู้ไถ่ของเราอย่างครบถ้วน เหตุว่าพระวาจาและสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกระทำ โดยเฉพาะการกลับคืนพระชนม์จากความตายของพระองค์นั้น ได้เผยแสดงว่า พระองค์คือพระบุตรของพระเป็นเจ้า ทรงเป็นพระ-วจนาถผู้ประทับอยู่ก่อนกาลเวลา และจะทรงครองราชย์ตลอดนิรันดร ในฐานะที่ทรงเป็นพระเป็นเจ้าและพระเมสสิยาห์