แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

การภาวนา (Prayer)
การภาวนาเป็นการแสดงออกถึงคุณธรรมในทางศาสนาด้วยความกระตือรือร้นซึ่งทุกคนสามารถปฏิบัติได้  การภาวนานั้นต่างจากการถวายบูชาตรงที่การถวายบูชาจำเป็นต้องมีศาสนบริกร (Minister)  การภาวนาคือ การยกจิตใจ (mind) หรือวิญญาณ (soul) ขึ้นไปหาพระเจ้า  และสามารถจำแนกรูปแบบการภาวนาตามวัตถุประสงค์ได้ดังนี้
 1)การถวายพรและการนมัสการ (Blessing and Adoration),
2) การวอนขอ (Petition),
3) การเสนอวิงวอนแทน(Intercession),
4) การขอบพระคุณ (Thanksgiving),
และ 5) การสรรเสริญ (praise) (ดูรายละเอียดใน ประมวลคำสอน
พระศาสนจักรคาทอลิก ข้อ 550-556 และคำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก ข้อ 2656-2649)  ทั้งยังถูกแบ่งโดยลักษณะของการแสดงออกด้วยคือ การภาวนาด้วยวาจา (vocal prayer) เป็นการท่องจำตามบทภาวนาที่เป็นแบบแผน เช่นบทข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย (Lord’s Prayer) หรือสวดสายประคำ (the Rosary)   การภาวนาด้วยจิตใจ (mental prayer)เป็นการกำหนดทิศทางและควบคุมความคิดให้มุ่งไปหาพระเจ้า หรือความจริงแห่งศาสนา(อ้างถึง Meditation)   การภาวนาอาจจะเป็นการปฏิบัติส่วนตัว(private)คือ โดยลำพังตนเอง  หรือเป็นการปฏิบัติโดยส่วนรวม (public)คือ โดยกลุ่ม (group) หรือในนามของประชาคมที่มาร่วมกัน   การภาวนาเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการช่วยให้รอดพ้น เพราะการภาวนาเป็นการแสวงหา (seeking) และการแสดงออกถึง “อำนาจแห่งพระเจ้าที่จะช่วยมนุษย์ให้รอดพ้น” (power of God unto salvation) คือเป็นการเข้าร่วมระหว่างวิญญาณกับพระเจ้า (the soul’s communion with God)   พระคริสตเจ้าเองทรงเป็นตัวอย่างของบุคคลแห่งการภาวนา  พระองค์ภาวนาต่อพระบิดาในทุกขณะชีวิตของพระองค์และมนุษย์ก็ภาวนาในพระนามของพระองค์ (ยน. 14:13-14) (อ้างถึง Intercession: Mass; Liturgy)
     
การภาวนาคือการยกจิตใจมุ่งสู่พระเจ้าในความรัก ควรภาวนาผ่านทางพระคริสตเจ้า เป็นส่วนตัวและส่วนรวม  การภาวนาทำให้เรามีสติและมีความกล้าหาญในการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง และสามารถดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข
    พระสันตะปาปาเปาโลที่ 6 ทรงมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับการภาวนาที่เป็นการสรรเสริญและการวอนขอว่า “การภาวนาเป็นการสนทนาชั้นหนึ่งที่มนุษย์สามารถปรารถนาให้เกิดขึ้นได้ระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า  การยอมรับการมีอยู่แห่งความสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้านั้นเป็นระบบความเชื่ออย่างหนึ่ง  และความต้องการจะภาวนาก็เกิดขึ้นเองจากภายในตัวคนๆนั้นและกลายเป็นหน้าที่หนึ่งที่จะต้องกล่าวถ้อยคำหนึ่งกับพระองค์…  เพราะถ้าพระเจ้าทรงดำรงอยู่  ถ้าพระเจ้าทรงเป็นผู้ที่เราเข้าเฝ้าได้ง่าย  เราก็ควรถวายถ้อยคำหนึ่งอันเป็นการแสดงออกถึงความคิด  ความรู้สึกของเราแด่พระองค์ เป็นการทดแทนบุญคุณที่พระองค์ทรงมีต่อเรา และสิ่งนี้เป็นความจำเป็นทางด้านศีลธรรมแก่จิตประการหนึ่ง”
สิ่งที่เราได้รับจากการภาวนาคือผลของพระจิต 12 ประการ  เป็นผลิตผลแรกของสิริมงคลนิรันดร ความรัก (charity)  ความชื่นชม (Joy)  ความสงบ (Peace)  ความอดทน (Patience)  ความเมตตา (Kindness)  ความดี (Goodness)  ความใจดี (Generosity)  ความอ่อนโยน (Gentleness) ความซื่อสัตย์ (Faithfulness)  ความถ่อมตน (Modesty)  การรู้จักควบคุมตนเอง (Self - control)  ความบริสุทธิ์ (Chastity)