แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

ความรู้ทั่วไปเล็กน้อยเกี่ยวกับพระคัมภีร์

เหรียญเงินที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้มี 2 หน้า อาจเรียกได้ว่า”หัวก้อย” ตามภาษาชาวบ้านเปรียบได้กับ 2 ภาคใหญ่ๆ ในพระคัมภีร์ คือ “ภาคพันธสัญญาเดิม” และ “ภาคพันธสัญญาใหม่”  (ภาษาอังกฤษว่า THE OLD TESTAMENT และ THE NEW TESTAMENT) ขาดภาคใดภาคหนึ่งไปไม่ได้ ต่างก็พึ่งพาอาศัยกันดุจเหรียญเงินหากขาดหัวมีแต่ก้อยก็ใช้ซื้อของไม่ได้ หรือ ขาดก้อยมีแต่หัวก็ใช้ซื้ออะไรไม่ได้อีก ผู้ใดเกลียดพันธสัญญาเดิมเขาจะไม่เข้าใจพันธสัญญาใหม่ และผู้ใดไม่เห็นค่าของพันธสัญญาใหม่เขาจะไม่เข้าใจพันธสัญญาเดิม
พันธสัญญาเดิม (THE OLD TESTAMENT) นับจากต้นประวัติศาสตร์มนุษย์ดำเนินมาจนถึงสมัยพระเยซูเจ้า ประกอบด้วยหนังสือ 46 เล่ม
พันธสัญญาใหม่ (THE NEW TESTAMENT) นับจากสมัยพระเยซูเจ้าเป็นต้นไป ประกอบด้วยหนังสือ 27 เล่ม
รวมทั้งสิ้น 73 เล่ม

เรายึดเอาพระเยซูเจ้าเป็นจุดแบ่งเขตพระธรรมทั้ง 2 ภาค หรือ พันธสัญญาทั้ง 2 ภาค ในแต่ละภาคมีหนังสือหลายเล่ม แต่ละเล่มมีชื่อเรียก เพื่อสะดวกในการแยกแยะ ค้นคว้า ศึกษา หรือ คัดมาอ่านเพื่อความสะดวกกว่านั้นอีก แต่ละชื่อยังใช้อักษรย่อให้สั้นเข้า และลงเลขกำกับบทที่และเลขวรรคเอาไว้ เช่น ปฐก 3 : 4-15 ก็แปลว่า ปฐมกาลบทที่ 3 วรรคที่ 4 ถึงวรรคที่ 15    เวลาพลิกหนังสือพระคัมภีร์เราก็พลิกไปที่หนังสือชื่อ ปฐมกาล เมื่อพบแล้วก็พลิกต่อไปในหนังสือเล่มนั้นไปที่บทที่ 3 และอ่านตรงวรรคที่ 4 เรื่อยไปถึงวรรคที่ 15 เป็นต้น

พวกชาวยิวมีพระคัมภีร์บางเล่มเหมือนของเรา อีกทั้งชาวมุสลิมก็มีบางส่วนในพระคัมภีร์เดียวกับเรา (ส่วนใหญ่เป็นหนังสือในภาคพันธสัญญาเดิม)        พวกโปรแตสแตนท์มีพระคัมภีร์เกือบเหมือนกับเรา แต่น้อยกว่า ทั้งนี้เพราะบางเล่มเขาไม่นับถือเป็นพระคัมภีร์แบบเรา    หนังสือเล่มสุดท้ายของพระคัมภีร์ คือ หนังสือวิวรณ์ (วว) นิพนธ์โดยนักบุญยอห์น อัครสาวก มีหลายอย่างในหนังสือนี้เก็บความลับของอนาคตแห่งมนุษยชาติและโลกจักรวาลไว้