สมเด็จพระสันตะปาปาทรงแต่งตั้งคุณพ่อที่มีเรื่องราวที่ทำให้พระองค์ทรงร่ำไห้ เป็นพระคาร์ดินัล
โดย Carol Glatz Catholic News Service
2016/10/11 11:20 ET

คุณพ่อเออร์เนส  สิโมนี (Father Ernest Simoni ) ชาวอาร์มาเนียน. อัครสังฆมณฑลชโกเดิร์น หนึ่งในพระคาร์ดินัลใหม่ 17 องค์ 

(บรรยายภาพ สำนักข่าว CNS ภาพ / คุณพ่อมาสสิมิลิอาโน  มิยิโอราโต (Massimiliano Migliorato)
นครรัฐวาติกัน (CNS) – เรื่องราวของคุณพ่อชาวอัลบาเนียนทนทุกข์ในคุกเป็นเวลา 10 ปี ถูกทรมานและถูกบังคับให้ใช้แรงงานในช่วงคอมมิวนิสต์ของประเทศทำลายพระศาสนจักร ทำให้สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงร่ำไห้
         ในช่วงของสมเด็จพระสันตะปาปา  เสด็จเยือนติรานา ปี 2014, พระคาร์ดินัลเออร์เนสต์  สิโมนี ที่ได้รับแต่งตั้ง ผู้ฟังจำนวนมากฟังท่านอธิบายถึงความโหดร้ายของการปกครองอเทวนิยมแบบทหาร ใช้อาวุธกับผู้นับถือศาสนาต่างๆ และถวายแด่ความด ที่ไม่มีที่สิ้นสุดของพระเจ้า  พระหรรษทาน และความรัก เพื่อช่วยให้ท่านรอดชีวิต
          ท่านทุ่มเทชีวิตให้กับการช่วยให้คนเลิกเกลียดชังและแก้แค้น,พระสงฆ์ในวัย 80 จะได้รับแต่งตั้งเป็นพระคาร์ดินัลในคณะพระคาร์ดินัลเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ที่วาติกัน. จากกลุ่มนี้  13 ท่านมีสิทธิ์ที่จะเลือกตั้งผู้สืบทอดตำแหน่งพระสันตะปาปาฟรานซิสในที่ประชุมเลือกตั้งลับของพระคาร์ดินัล. สิโมนีที่ได้รับแต่งตั้งเป็นหนึ่งใน 4 ท่านที่มีอายุมากกว่า 80 ปี ดังนั้น จึงไม่มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียง
            พระคาร์ดินัลสิโมนี ที่จะได้รับแต่งตั้ง จะมีอายุ  88 ปีเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม บอกวิทยุวาติกัน ว่าท่านได้ยินข่าวของการเลื่อนตำหน่งขณะที่ดูโทรทัศน์ ซึ่งสมเด็จพระสันตะปาปาสวดบททูตสวรรค์ของพระเจ้าเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2016/2559
        เมื่อท่านได้ยินสมเด็จพระสันตะปาปาตรัสถึงชื่อของท่านในตอนท้ายของการสวดบททูตสวรรค์ของพระเจ้าว่า “ทำให้พ่อประหลาดใจมาก. พ่อไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย”
         ท่านบอกกับสถานีวิทยุเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม. "พ่อขอขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับชีวิต ที่พระองค์ประทานแก่พ่อและสำหรับพระหรรษทาน มากมายที่พ่อมี ที่พระเยซูเจ้าประทานแก่ธรรมทูตที่น่าสงสาร ผู้ต่ำต้อยของพระเยซูเจ้า" พ่อวอนขอให้ความรักของพระเจ้าจะเข้าในใจของทุกคน
+
           ท่านเกิดในครอบครัวคาทอลิกในโตรชานี ( Troshani) ประเทศอัลบาเนีย เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 1928
          ท่านสมัครเข้าคณะฟรังซิสกัน อยู่บ้านเณร,นวกสถาน จนกระทั่งถูกปิด หลังจากนายเอนเวอร์  ฮอกซ์ฮา  ขึ้นสู่อำนาจในปี 1944  และต้องการล้างประเทศจากทุกศาสนา

            กองทัพสั่ง "ให้พ่อหายไป. พ่อใช้เวลาสองปีที่รอดจากที่นั่น   ที่มีสภาพเลวร้ายมากกว่าเป็นคุก" เขาได้กล่าว
           แม้จะมีความเสี่ยง ท่านยังแอบศึกษาวิชาเทววิทยา และได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์ในปี 1956, ในวันฉลององค์พระเมตตา. แต่ที่เลวร้ายที่สุดคือ เกิดระบอบการปกครอง,ซึ่งเป็นประเทศแรกที่ไม่เชื่อ
พระเจ้าอย่างเป็นทางการ, ใช้สงครามต่อต้านศาสนาในปี 1960
         วันคริสตสมภพในปี 1963, พระสงฆ์ถูกจับกุม ในขณะที่มีพิธีบูชาขอบพระคุณ และตัดสินประหารชีวิตด้วยการถูกยิงเป้า. ท่านถูกตี ถูกขังเดี่ยว 3 เดือนอย่างไร้มนุษยธรรม  แล้วถูกทรมานเพราะท่านปฏิเสธพระศาสนจักร
             ในที่สุด    ท่านถูกปล่อยให้เป็นอิสระ  แต่ต่อมาถูกจับกุมอีกครั้ง และส่งไปยังค่ายกักกันที่ท่านถูกบังคับให้ทำงานในเหมือง 18 ปีและจากนั้นอีก ทำงานเกี่ยวกับคลองระบายน้ำเสีย 10 ปี
         ท่านกล่าวว่า ตลอดเวลาที่ท่านถูกคุมขัง   ท่านถวายมิสซาฯเป็นภาษาละตินเท่าที่จำได้. โปรดศีลอภัยบาป และแจกศีลมหาสนิทแก่นักโทษคนอื่นๆ – ทั้งหมดเป็นความลับ.
          อัลบาเนียมีพระสงฆ์  200 องค์ เกือบทั้งหมดถูกขังคุก  จำนวนมากถูกฆ่า. ฆราวาสนับไม่ถ้วนและนักบวชถูกจับกุม  ถูกทรมาน ถูกยิงเป้า เข้าค่ายกักกันและถูกบังคับให้ใช้แรงงาน  ในขณะที่สถานที่ประกอบพิธีบูชานับพันถูกยึด และถูกทำลาย หรือกลายเป็นโรงภาพยนตร์, โรงยิมและหอประชุม
            เมื่อระบอบการปกครองล้มลงในปี 1991 พระคาร์ดินัล สิโมนีที่ได้รับแต่งตั้ง ให้กลับไปทำหน้าที่ศาสนบริกร ในหมู่บ้านห่างไกล กระตุ้นให้คริสตชน ที่ติดอยู่ในวงจรของการแก้แค้น  ให้ปลดปล่อยความเกลียดชังของพวกเขาและโอบรับความรักของพระเจ้า
           สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสตรัสถึงการเบียดเบียนทางศาสนาอย่างรุนแรง ที่เกิดขึ้นกับท่านอย่างรวดเร็ว เพื่อทำให้ประเทศอัลบาเนียเป็นประเทศแรกที่พระองค์เสด็จเยือน
             ในระหว่างการสวดทำวัตรเย็นในอาสนวิหารติรานา  สมเด็จพระสันตะปาปาทรงสดับฟัง
ซิสเตอร์มารีเจ  กาเลตา คณะรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ พูดคุยเกี่ยวกับความเชื่อของพวกเขาและแบ่งปันกับคนอื่น ๆ
            สมเด็จพระสันตะปาปาทรงรู้สึกตื้นตันกับการเป็นพยานของพระสงฆ์องค์นี้ ทรงถอดแว่นและซบพระพักตร์กับท่านสักครู่หนึ่ง พระองค์ทรงรวบคอพระสงฆ์และโอบกอดท่านไว้
               สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงเรียก ประเทศอัลบาเนียว่าดินแดนแห่งวีรบุรุษและ
มรณสักขี  และตรัสกับคุณพ่อสิโมนีและซิสเตอร์กาเลตาว่า “แสดงตนรับใช้เรา ปลอบใจเรา" โดยแสดงให้เห็นว่า พระเจ้าประทานความเข้มแข็งและความหวังที่จะเผชิญหน้า และเอาชนะความโหดร้ายที่สุด
          พระคาร์ดินัลกล่าวว่า ท่านผ่านการทดลองหลายสิบปีมาได้ เพราะพระเยซูคริสตเจ้าตรัสว่า ผู้ที่ต้องการติดตามพระองค์ จะต้องแบกกางเขนของเขา
          ท่านกล่าวว่าท่านไม่เคยรู้สึกเกลียดชังใครเลย – รวมทั้งคนที่ทำร้ายท่าน - เพราะ "ความรักของพระเยซูเจ้าไม่มีสิ้นสุด" และพระองค์ทรงพระบัญชาให้ศิษย์ของพระองค์รักและสวดภาวนาเพื่อศัตรูของพวกเขา
         "ใครก็ตามที่รักพระเยซูเจ้า จงมีความสุขกับทรัพย์ทั้งหมดของพระองค์" และจะได้รับ "ไฟที่ลุกไหม้" แห่งความรักที่เอ่อล้น จนแพร่ไปยังทุกคนไม่ว่าใครก็ตาม